#เฮียไคอย่าร้าย(10)
“โอ้ย หนูคะ” ไคร้องโอดครวญออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อจู่ ๆ คนตัวเล็กข้างกายก็ใช้นิ้วจิ้มตาเขาทั้งสองข้างอย่างแรง
“สมน้ำหน้า” แล้วนอกจากเธอจะไม่แยแสต่อความเจ็บปวดของเขา เธอยังสมน้ำหน้าเขาอีก อีกทั้งยังฉีกยิ้มยียวนมองกันอย่างไม่สะทกสะท้านทั้งที่เขาเจ็บปวดปางตายเพราะการกระทำของเธอ ตาเขาจะบอดรึเปล่าก็ยังไม่รู้ ไหนจะเพื่อน ๆ ที่พากันร้องแซวเขาอีก ไครู้สึกเสียหน้าเป็นบ้า
“ไงไอ้ไค ตาบอดรึเปล่ามึง” คลื่นว่าพลางหัวเราะเยาะอย่างชอบใจที่เห็นเพื่อนสนิทตัวเองโดนคนตัวเล็กสั่งสอนให้
“เกือบบอดเลยแหละ” ไคตอบทั้งที่ยังใช้มือปิดตาตัวเองไว้
“สมน้ำหน้าทำตัวรุ่มร่ามกับเขาก่อนเป็นไงล่ะ โดนเขาจิ้มตาให้เกือบไม่ได้มองนมสาว ๆ แล้วเพื่อนกู” พีว่าอย่างไม่จริงจังมากนักพลางส่ายหน้าเอือมระอาให้ไค
“อย่าพูดบ่อยได้ไหมวะ” ไคท้วงขึ้นมา พลางพูดเบา ๆ ต่อว่า “กูอายโต๊ะข้าง ๆ เขา” จบประโยคของไคทุกคนพากันหัวเราะพรืดออกมาอย่างสุดจะกลั้น เมื่อทั้งสีหน้าและท่าทางของไคที่แสดงออกมามันดูตลกยิ่งนัก เป็นภาพหายากจนต้องยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก เพราะโดยปกติแล้วไคมักตีหน้านิ่งคีพลุคผู้ชายเย็นชาอยู่ตลอดเวลา นาน ๆ ถึงจะหลุดท่าทางเป๋อ ๆ แบบนี้ออกมาให้เห็น
เค้กเป็นคนทำให้ชายหนุ่มเจ็บแต่เธอไม่คิดแยแสชายหนุ่มเลยสักนิด เมื่อจิ้มตาไคเสร็จ หญิงสาวก็หันไปโฟกัสกับอาหารตรงหน้า จิ้มหมูสามชั้นเข้าปากอย่างไม่สนใจสายตาของใครต่อใครที่มองมา กินอย่างคนหิวโหย ซดน้ำซุปเสียงดังจนคนที่ได้มองพากันรู้สึกหิวตามกับท่าทางน่าเอร็ดอร่อยของเธอ
“เฮียมัดจุกหน้าม้าให้ไหมคะ หน้าม้าทิ่มตาหนูรึเปล่า” ไคที่คอยเหลือบมองหญิงสาวเป็นระยะก้มกระซิบถามหญิงสาวเสียงแผ่ว ผมเค้กสั้นก็จริง แต่หน้าม้าของเธอยาวจนจะทิ่มตาเธออยู่รอมร่อ
“ไม่เอา เดี๋ยวหน้าผากเถิก” เค้กตอบทั้งที่ยังก้มหน้าทานอยู่
“มันจะลำบากเอานะคะ”
“อย่าวุ่นวายได้ไหมอะ” เค้กเงยหน้าขึ้นมาทำหน้าเอือมระอาใส่ไคที่เอาแต่วุ่นวายกับเธอไม่เลิก
“เฮียหวังดีนะ”
“อยู่เฉย ๆ แล้วทานของตัวเองไปเถอะค่ะ ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับเค้ก” ไม่พูดเปล่าแต่เค้กยังกระแทกเสียงใส่ไคจนชายหนุ่มชะงัก เมื่อตลอดเวลาทึ่รู้จักกันไม่ว่าไควุ่นวายหรือทำตัวน่ารำคาญใส่หญิงสาวแค่ไหนเขาก็ไม่เคยโดนหญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้ใส่ เจอแบบนี้ไคเลยไปไม่เป็น
“โอเคค่ะ” ชายหนุ่มพยักหน้าเบา ๆ อย่างเข้าใจในสิ่งที่หญิงสาวพูดก่อนจะหันกลับมาสนใจอาหารตรงหน้าแทน
ทั้งที่ตัวเขาหวังดีกับหญิงสาวแท้ ๆ แต่กลับโดนเธอตอกหน้าให้ว่าทำตัววุ่นวาย ไคอดรู้สึกน้อยใจไม่ได้เลยจริง ๆ
เค้กที่เห็นท่าทีหงอยลงของไค เธอเองก็แอบชะงักเหมือนกันเมื่อรู้ตัวว่าเมื่อกี้เธอเผลอพูดกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงแบบไหน เค้กมองเสี้ยวหน้าของไคด้วยความรู้สึกหลากหลาย ความคิดของเธอตีกันวุ่นวาย
“อีเค้ก”
“หืม” เค้กละความสนใจจากไคหันมองกันตาที่สะกิดแขนเธอเบา ๆ
“น้ำเสียงของมึงเมื่อกี้”
“รู้แล้ว” กันตาพูดไม่ทันจบ เค้กก็สวนขึ้นมา
“ไม่น่ารักเลยนะ รีบขอโทษเฮียไคล่ะ เฮียไคหน้าเสียไปเลย”
“นิสัยมึงนี่นะ”
“อะไรของพวกมึงกันแทนที่จะเข้าข้างกู” เค้กหน้างอเมื่อเพื่อน ๆ รวมหัวกันดุเธอเรื่องของไค
“ไปง้อเขาด้วยล่ะ” เค้กยักไหล่ ทำไมเธอต้องง้อเขาด้วยล่ะ เธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย เป็นเขาทั้งนั้นที่ทำตัววุ่นวายกับเธอก่อน โดนเธอด่าแค่นั้นคงไม่สะทกสะท้านคนอย่างเฮียไคหรอกมั้ง
เค้กบอกกับตัวเองว่าเธอจะไม่มีทางยอมง้อไคเด็ดขาด เมื่อคิดได้อย่างนั้น หญิงสาวก็นั่งทานชาบูของตัวเองไปไม่สนใจสิ่งรอบข้าง จนกระทั่งที่เพื่อนของไคเอ่ยทักชายหนุ่มขึ้นมา
“เป็นอะไรไอ้ไค เงียบเชียวนะมึง” กันต์ถามเพื่อนสนิทที่จู่ ๆ ก็เงียบไป แถมยังตีหน้านิ่งไม่สบตากับใครอีก
“เปล่า” ไคตอบเสียงนิ่งพลางวางตะเกียบลง “กูอิ่มแล้ว”
“อะไรวะ มึงเพิ่งกินไปนิดเดียวเองนะ” คราวนี้เป็นพีที่ถามขึ้นมาบ้างพลางมองหน้าไคอย่างไม่เข้าใจ
คลื่นที่นั่งข้างไคและได้ยินบทสนทนาของไคกับเค้กทั้งหมดจึงเอ่ยตัดบทพีกับกันต์ไม่ให้เขาสองคนนั้นเซ้าซี้ไคไปมากกว่านี้ “มึงก็ช่างมันเถอะน่า ไอ้ไคก็เป็นแบบนี้”
“เอ้า ไอ้นี่ กูก็เป็นห่วงเพื่อนไหมวะจู่ ๆ มันก็เงียบไป”
คลื่นถอนหายใจเมื่อเพื่อนไม่คิดจะฟังคำของเขา คลื่นจึงส่งซิกให้กันต์กับพีมองหน้าไคกับเค้ก พีกับกันต์จึงถึงบางอ้อ “เออ ๆ “ เลิกสนใจไคไปโดยปริยาย
หลังจากเช็คบิลค่าอาหารเสร็จทุกคนก็พากันออกมายืนนอกร้าน
“แล้วหนูจะไปไหนต่อไหมคะ” กันต์ถามแฟนสาว
“หนูจะไปส่งเค้กค่ะ”
“อ้าว น้องเค้กไม่ได้เอารถมาเหรอคะ แย่จังเฮียว่าจะชวนวันใหม่ไปคอนโดเฮียหน่อย” ประโยคแรกกันต์หันมาถามเค้ก ประโยคหลังกันต์หันไปกระเซ้าเย้าแหย่แฟนสาวจนวันใหม่มีท่าทีเขินอาย แสร้งมองดุกันต์อย่างไม่จริงจังมากนัก
“พูดอะไรแบบนั้นกันคะ”
“ตอแหล” กันตาว่าให้วันใหม่
“มึงก็อยากไปกับผัวมึงเหมือนกันนั่นแหละน่า แหม”
“งั้นมึงไปกับเฮียกันต์เถอะ เดี๋ยวกูนั่งรถแท็กซี่กลับก็ได้” เค้กที่เงียบอยู่นานพูดขึ้นมาบ้าง เธอไม่อยากขัดความสุขใครน่ะเพราะรู้ดีว่าเพื่อนเธอเองก็อยากใช้เวลาอยู่กับแฟนเหมือนกัน
“กูไปส่งมึงได้”
“ไม่เป็นไร”
“จะทำให้มันยุ่งยากทำไมกัน ไหน ๆ บ้านหนูก็ไปทางเดียวกับบ้านไอ้ไคมัน ให้ไอ้ไคไปส่งน่ะดีแล้ว” เค้กหันไปมองไคทันทีที่ได้ยินพีพูดแบบนั้น แต่ทว่าไคกลับไม่มองเค้กเลย
“เขาอยากไปกับกูรึเปล่าเถอะ พวกมึงยัดเยียดกันจัง” เค้กจ้องไคนิ่งเมื่อได้ยินชายหนุ่มพูดแบบนั้น ก่อนที่เธอจะพูดว่า
“ขอรบกวนหน่อยนะคะ” ไคแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองทุกทีเขาตื้อแทบตายให้กลับด้วยกันแต่เธอก็บ่ายเบี่ยงตลอดไม่ยอมให้เขาไปส่ง แต่ไหงวันนี้ถึงเป็นฝ่ายยอมมากับเขาเอง หรือเธอกำลังง้อเขากันนะ ง้อที่ทำให้เขารู้สึกไม่ดี ไคได้แต่คิดแล้วแอบลอบยิ้มในใจ พยายามไม่แสดงท่าทีกระโตกกระตากมากเกินไปกลัวว่าหญิงสาวจะจับ ว่าเขาแอบเนื้อเต้นที่โดนเธอง้อ
“อืม” ไคคีพลุคสุดฤทธิ์ไม่ให้หลุดมาดเย็นชา ก่อนจะเดินนำหญิงสาวออกมาจากตรงนั้น
ขึ้นรถมาได้ภายในรถตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง เมื่อทั้งเค้กและไคไม่มีใครยอมปริปากพูดอะไรออกมา ไคแอบเห็นว่าเค้กอึกอักเหมือนเธอกำลังลังเลว่าจะคุยกับเขาดีไหม ในขณะที่ไคเองก็ลุ้นแทบขาดใจ พร่ำบอกเธอในใจว่า ‘พูดเถอะ พูดกับเขาสิ พูดกับเขาสักที’
“ขอโทษที่พูดไม่ดีใส่” ในที่สุดเค้กก็ยอมพูดออกมา “เค้กไม่ได้ตั้งใจ”
ไคเม้มปากแน่นกลั้นยิ้มแห่งความดีใจสุดฤทธิ์ ก่อนจะกลับมาทำหน้าเรียบนิ่งหันไปพยักหน้าให้หญิงสาว
“ไม่เป็นไร เฮียคงวุ่นวายกับหนูมากเกินไปอย่างที่หนูว่านั่นแหละ” เอ่ยเสียงเศร้าพร้อมทำหน้าหงอยให้หญิงสาวเห็นใจ ทั้งที่ความจริงแล้วตอนนี้ไคอยากเต้นธาตุทองซาวด์เป็นการฉลองที่โดนหญิงสาวง้อมาก ๆ