เมื่อจัดการชายหนุ่มเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวจึงเลี่ยงเดินออกไปจากห้องของชายหนุ่มก่อนจะจัดการกดล็อคลูกบิดให้เขา และเมื่อได้ยินเสียงประตูปิดลงชายหนุ่มก็ลืมตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกประหลาดใจ เขากำลังจะลองดูว่าเธอจะจัดการเขายังไง และเธอจะมายุ่งกับคนไม่มีอนาคตแบบเขาทำไม
เช้าวันต่อมา
ขวัญข้าวรีบออกไปทำงานตั้งแต่เช้า เธอเหลือบสายตาไปมองข้างๆห้อง เธอก็พบว่ายังไม่ล็อคกุญแจสายยู แสดงว่าเขายังอยู่ แต่ตอนนี้ขวัญข้าวไม่มีเวลามาคิดเรื่องของเขา หญิงสาวจึงตัดสินใจเดินออกไปอย่างเร่งรีบ
เมื่อถึงที่ทำงานขวัญข้าวเข้าไปทักทายศักดิ์ชายหัวหน้าของเธอ พร้อมกับปรึกษาบางเรื่องที่เธอครุ่นคิดมาตลอดทั้งคืน
"หัวหน้าคะ ขวัญขอปรึกษาเรื่องส่วนตัวหน่อยค่ะ หัวหน้าว่างมั้ยคะ" ขวัญข้าวพยายามรวบรวมความกล้าเอ่ยออกไป
"ได้สิ ผมว่างอยู่ว่ามาได้เลย" ศักดิ์ชายเอ่ยด้วยความเมตตา
"คือ...หัวหน้าจำภาคิน นักฟุตบอลดาวรุ่งที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุจนไม่สามารถเตะฟุตบอลได้อีกมั้ยคะ" ขวัญข้าวเท้าความก่อนเล็กน้อย
"จำได้ แต่ตอนนี้เขาหายหน้าไปเลยนี่นา" ศักดิ์ชายเริ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เขาไม่แน่ใจว่าขวัญข้าวต้องการจะสื่ออะไร
"คือเขาอยู่ข้างห้องขวัญ แล้วขวัญเห็นเขาเมาเละทุกวัน ขวัญอยากช่วยเขา มันพอมีวิธีไหนมั้ยคะที่จะทำให้เขาได้กลับมาเตะฟุตบอลอีกครั้ง" ขวัญข้าวเอ่ยปรึกษาด้วยความรู้สึกมีความหวัง
"ถ้าจากที่ตามข่าวมานะ ขาของเขาหักจนต้องดามเหล็ก เพราะฉะนั้นเขาคงไม่สามารถเตะฟุตบอลได้อีกตลอดชีวิต แต่มีอย่างหนึ่งนะที่บรรดานักฟุตบอลที่เขาแขวนสตั๊ดแล้วเขาชอบไปทำ ผมว่าเขาน่าจะพอไหว" ศักดิ์ชายเอ่ยตามที่เขาทราบอาการภาคินมาจากข่าว
"อาชีพอะไรคะหัวหน้า?" ขวัญข้าวรู้สึกมีความหวังแทนภาคิน
"โค้ช!!" ศักดิ์ชายเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“แล้วอยู่ดีๆจะไปเป็นโค้ชได้ยังไงคะหัวหน้า” ขวัญข้าวถามด้วยความรู้สึกสงสัย
“พวกนี้เขาจะต้องเข้าอบรม แล้วก็อยู่ในอะคาดีมีฝึกหัด แล้วก็ต้องมีใบอนุญาตด้วย” ศักดิ์ชายกล่าวให้ความรู้ขวัญข้าว
“แล้วหัวหน้าพอจะรู้จักสถานที่ฝึกหัดโค้ชบางมั้ยคะ” ขวัญข้าวถามลึกลงไปอีก เพราะเธอไม่ต้องการให้ภาคินต้องจมปลักอยู่กับความเสียใจแบบนี้ เธอต้องการฉุดเขาขึ้นมาจากความเสียใจให้ได้
“ก็มีอะคาดีมีของเพื่อนผมนะ แต่ว่าเขาจะอยากทำเหรอ ขวัญถามเขาแล้วหรือยัง” ศักดิ์ชายเอ่ยด้วยความสงสัย เขาไม่แน่ใจว่าขวัญข้าวไปสนิทสนมกับภาคินตอนไหน