มหาลัยเอกชนเอซิด
เอี๊ยดดด!!
เสียงรถบิ๊กไบค์คันใหญ่ขับอยู่ในเส้นทางเดินรถของมหาลัยเอกชนชื่อดัง ก่อนที่รถบิ๊กไบค์คันใหญ่นั้นจะถูกขับเข้ามาจอดอยู่ที่หน้าตึกคณะวิศวะที่ประจำของเขาพร้อมกับสายตาของหญิงสาวบริเวณนั้นที่จับจ้องมาที่เจ้าของร่างแกร่งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสนใจไม่มีปกปิด
โซ่ก้าวขายาว ๆ ของตัวเองลงจากรถบิ๊กไบค์คันโปรดก่อนจะถอดหมวกกันน็อกสีดำเต็มใบออก
พรึบ
เขาใช้มือเสยผมตัวเองหนึ่งทีเพื่อจัดทรงผมก่อนจะวางหมวกกันน็อกของตัวเองไว้บนถังน้ำมันรถบิ๊กไบค์
“นี่นายภูธัชชัย…ที่นี่มันมหาลัยนะไม่ใช่สนามแข่งรถ ขับไวขนาดนี้ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะทำยังไงฮะ!” ยังไม่ทันที่เขาจะได้ก้าวเท้าไปไหนเสียงทุ้มดุที่คุ้นหูของอาจารย์ที่ปรึกษาก็ดังขึ้น
“ขอโทษทีครับอาจารย์สมพร…พอดีผมเป็นเอฟซีพี่สิงห์นักบิด ติดตามพี่เขาบ่อยจนอินเลยเผลอชอบทำตามพี่เขาครับ”
“ไอ้เด็กคนนี้! สิงห์นักบิดห่าอะไร! เตือนดี ๆ ยังมากวนบาทากันอีก เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย!” อาจารย์คนสนิททำท่าจะยกกำปั้นหนักขึ้นมาทุบใส่โซ่สักทีสองที โซ่ที่เห็นแบบนั้นก็รีบยกมือมาป้องกันหน้าหล่อ ๆ ของตัวเองไว้
“ยะ…อย่าทำร้ายร่างกายครับ ผมเป็นพวกไม่ชอบใช้ความรุนแรง แถมอีกอย่างถ้าหน้าตาหล่อเหลาของผมเป็นร่องรอยขึ้นมา ผมวีนหนักเลยนะครับบอกก่อน ผมจะวีน ๆ ๆ ใส่เลยนะครับ”
“มาสิมาวีนสิ ไอ้เวรนี่ เดี๋ยวกำปั้นจะได้ทุบลงหัวเอ็งวันนี้แหละ กวนตีนไม่หยุดเดี๋ยวเอ็งจะได้โดนจริง ๆ …ไป รีบขึ้นห้องเรียนเลย”
“ครับ ๆ ไปแล้วครับผม” เจ้าของใบหน้าหล่อเอ่ยตอบพร้อมกับยกมือขึ้นมาไหว้อาจารย์คนสนิทของตัวเองก่อนจะหมุนตัวเดินออกมาอย่างไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน
“ไอ้เด็กคนนี้ ยิ่งโตยิ่งกวนตีน…นิสัยแบบนี้อยู่ไม่น่าถึงสามสิบ โดนกระทืบตายก่อน”
“หึ” โซ่หัวเราะออกมาในลำคอเบา ๆ เมื่อได้ยินเสียงอาจารย์สมพรตะโกนบ่นให้ตามหลัง
โซ่ทายาทคนเดียวของตระกูลธามิตินันท์ ตระกูลดังที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับร้านทอง ซึ่งมีมากกว่าสองร้อยกว่าสาขาในประเทศ โซ่เป็นชายผู้มีใบหน้าหล่อคมและมีรอยสักเถื่อนบริเวณหน้าอกแกร่งซึ่งเพิ่งเริ่มสักตอนขึ้นมหาลัยปีหนึ่งและด้วยใบหน้าหล่อเหลา รูปร่างสูงหุ่นดี ฐานะที่ร่ำรวย…ทำให้เขาเป็นหนุ่มฮอตอันดับต้น ๆ ในมหาลัยเอกชนชื่อดังแห่งนี้
“มาถึงก็เอาเลยนะมึง” ควินตันสาวเท้าเดินเข้ามาจากทางด้านข้างตึกหลังจากไปหลบสูบบุหรี่ โซ่เลื่อนสายตาคมไปมองเพื่อนสนิทตัวเองก่อนจะหยักไหล่ตอบกลับไป
“กูก็เป็นของกูแบบนี้…อาจารย์เขาอยากมาหาเรื่องกูเองมากกว่า” โซ่ยกคิ้วข้างขวาด้วยสีหน้าไม่แยแสและเอ่ยตอบควินตันไป ก่อนจะเอ่ยถามต่อว่า “ว่าแต่ไอ้ไต้ฝุ่นมันไปไหน”
“คณะบัญชี” ควินตันตอบคำถามโซ่
“อืม พักหลังมานี่ติดเด็กหนักจนกูไม่รู้แล้วว่ามันเรียนวิศวะหรือเรียนบัญชีกันแน่ บางวันเดินกลับมาจากตึกบัญชีเห็นมันถือกระเป๋ากับเครื่องคิดเลขให้น้องเขาด้วย…หลงจัดเลยไอ้สัส”
“หึ คนนี้มันคงจริงจัง เพราะอย่างไอ้ไต้ฝุ่นมันไม่เคยหลงใครอยู่แล้ว” ควินตันยิ้มมุมปากตอบอย่างรู้ในนิสัยเพื่อนสนิทตัวเองเป็นอย่างดี
“เห็นด้วยอย่างสัสอะ แล้วมึงไม่หามีบ้าง?” โซ่หันไปเลิกคิ้วถามควินตันต่ออย่างชวนคุยตามประสา
“ไม่ชอบผูกมัดกับใคร น่ารำคาญ” ควินตันเอ่ยตอบด้วยสีหน้าราบเรียบ ซึ่งโซ่ก็พยักหน้ารับรู้อย่างเข้าใจในนิสัยของเพื่อนสนิทตัวเอง
“แล้วมึงอะไม่อยากมีบ้างเหรอ” ควินตันเอ่ยถามโซ่กลับ
“หึ…ไว้ก่อนเลย กูยังไม่เจอใครที่ทำให้รู้สึกแบบนั้น” โซ่หันไปเอ่ยตอบด้วยควินตันก่อนจะยกมือมาเสยผมตัวเองเบา ๆ
“ไม่เจอ หรือยังลืมใครบางคนไม่ได้”
ทันทีที่ควินตันเอ่ยประโยคนี้ขึ้นมือแกร่งของโซ่ที่กำลังเสยผมตัวเองอยู่ชะงักนิ่งก่อนจะตวัดสายตาไปมองควินตันที่ยิ้มมุมปากมองหน้าตัวเองอยู่
“มึงกำลังพูดถึงใคร”
“ก็แฟนเก่าคนที่ทำให้มึงอยากจะลืม ก็ลืมไม่ลง”
“เหอะ! ไร้สาระ กูลืมนานแล้วเถอะ” โซ่เอ่ยตอบด้วยสีหน้าราบเรียบราวกับว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไร
“ลืมแล้วจริง หรือพยายามลืมเธอให้ได้กันแน่”
“ลืมแล้วจริง”
“เหรอ?” ควินตันเค้นเสียงถามกลับ
“เออ ลืมแล้วเว้ย! ถ้าเกิดว่าวันไหนกูเจอเธอมายืนอยู่ตรงหน้ากูจะเสยผมตัวเองใส่หนึ่งที แล้วจะเดินผ่านเธอไปแบบคนไม่รู้จักกันเลย กูไม่แม้แต่จะชายตามองด้วย”
“ทำไมต้องเสยผม?” ควินตันขมวดคิ้วถามเพื่อนตัวเองกลับ
“แอคไง…สักหนึ่ง” โซ่แสยะยิ้มตอบก่อนจะเสยผมพลิ้ว ๆ ของตัวเองใส่ควินตันหนึ่งทีและสาวเท้าเดินนำหน้าควินตันเข้าตึกคณะวิศวะไปด้วยสีหน้าติดกวน
“หึ แล้วกูจะคอยดู จำคำพูดของมึงไว้ให้ดี ๆ”