บทที่ 6 กินข้าวบ้านพนักงาน

1665 คำ
พระพายนั่งตัวลีบแทบจะสิงเข้ากับประตูรถอยู่รอมร่อ ทำให้เฟลิเปนึกขำ ที่หญิงสาวนั้นหวาดกลัวเขาถึงขึ้นนั่งเสียชิดริมประตูเสียขนาดนั้น แต่เมื่อสายตาตัวดีนี่มันเหลือบมามองท่อนขาเรียวสวยได้รูป ทั้งผิวพรรณยังเนียนละเอียดดุจน้ำนมทำให้เจ้าลูกชายตัวมันตื่นเสียอย่างนั้น ‘ใจเย็นลูกพ่อ...นั่นพนักงาน!’ เขาเอามือกดเจ้าลูกชายตัวดีที่ตื่นไม่รู้เวลาร่ำเวลา แค่เห็นขาอ่อนขาว ๆ มันก็ดันโงหัวขึ้นมาดูทันที ทั้งที่ตอนแรกคิดว่าจะเป็นหมันเสียแล้ว เพราะเมื่อคืนโดนมือดีรูดทรัพย์ไปไม่พอ ยังทำร้ายกล่องดวงใจของพ่อมันอีก นึกแล้วแค้นใจ แต่ที่เจ็บใจคือแสงไฟสลัวไปหน่อยมองหน้าไม่ชัด หากเจอที่มืด ๆ เหมือนในระเริงบาร์รับรองว่าเขาไม่พลาดแน่และครั้งนี้เขาต้องจัดการเผด็จศึกเธอให้จงได้ เพื่อแก้แค้นให้เจ้าลูกชาย แต่จะว่าไปรูปร่างของพนักงานสาวคนนี้ของเขานี่ก็ดีไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะความอวบใหญ่สองเต้านั้นของเธอทำให้อยากคว้าเข้าบีบแล้วขยำให้มันมือทีเดียว ท่ามกลางอุณหภูมิที่แสนเย็นฉ่ำในรถสปอร์ตคันหรู แต่มันไม่สามารถทำให้อุณหภูมิในร่างกายของเขาลดลงเลย เพราะไอ้เจ้าลูกชายเหมือนมันจ้องจะมุดถ้ำสาวอย่างเดียว พระพายพยายามทำตัวให้เงียบที่สุด ราวกับสิ่งมีชีวิตตัวเล็กตัวในก็ไม่ปาน เพราะไม่อยากสนทนาให้มากนัก กลัวเขาจะจดจำเธอได้ว่า เมื่อคืนเธอทำร้ายเขาไว้อย่างไรบ้าง แม้แต่ลมหายใจเธอก็หายใจอย่างเบาจนรู้สึกว่าภายในอึดอัดไปหมด เฟลิเปเห็นเธอนั่งตัวแข็งเป็นหิน แข่งกับลำท่อนเนื้อกลางกายของเขาแล้วก็รู้สึกหงุดหงิด จึงเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ “แล้วอยู่บ้านกับใคร” พระพายหันมาหายเขาแล้วก็ต้องชั่งใจว่าจะตอบดีไหมว่าอยู่กับใคร ปกติเรื่องส่วนตัวเธอไม่เคยเล่าให้ใครฟัง เพราะแม่สั่งสอนว่าอย่าไว้ใจใครง่าย ๆ ดังนั้นสังคมในที่ทำงานคือสังคมที่เธอเล่าเรื่องส่วนตัวน้อยที่สุด แต่นี่เขาเป็นเจ้าชีวิตในที่ทำงานเลยก็ว่าได้ เพราะชี้เป็นหรือตายในอนาคตการทำงาน ดังนั้นเธอจึงต้องคิดให้มากสักหน่อยก่อนจะเอ่ยคำพูดออกมา เมื่อเห็นใบหน้าและแววตาที่หันมาจ้องจะเอาคำตอบ ทำให้เธอตัดสินใจพูดออกไปในที่สุด เพราะห่วงเรื่องตกงานแล้วเธอกับแม่จะลำบาก นอกจากต้องกินต้องใช้แล้ว ยังต้องไปหาหมอรักษาโรคอีก “อยู่กับแม่สองคนค่ะ” คำตอบของเธอที่กว่าจะเอ่ยราวกับกลัวดอกพิกุลร่วงทำให้เฟลิเปยิ้มอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าดีใจอะไรที่เธอตอบว่าอยู่กับแม่สองคน เขาหวังอะไรกันนะ ขณะที่เขาอารมณ์ดีขับรถไปเบื้องหน้าที่การจราจรที่แสนติดขัด แต่ไม่ทำให้อารมณ์บูดเพราะว่าวันนี้มีสาวนั่งมาเป็นเพื่อน จนพระพายหันไปมองเขาว่าดีใจอะไรนักถึงขั้นผิวปาก หลุดมาดผู้บริหารแสนเข้มงวดต่อหน้าพนักงานตัวน้อย ราวกับไม่กลัวว่าเธอจะเอาไปนินทาเอาเสียเลย แต่สายตาเจ้ากรรมดันไปมองเข้าตรงเป้าของเขา ที่มันนูนจนเห็นได้ชัดทั้งซิปก็รูดลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ จนเห็นลำท่อนข้าวหลามที่เธอได้สัมผัสมันกับมือจนตรึงตาตรึงใจจนวันนี้พานทำให้ขนลุกราวกับถูกผีหลอก ‘ยามปกติก็แข็งค้างขนาดนี้เลยเหรอ’ เธอไม่อยากจินตนาการความน่ากลัวยามที่เขากำลังสอดใส่เข้ามาในตัวเลยสักนิดว่าจะเป็นยังไง บอกได้คำเดียวว่าสยอง! เธอรีบเบือนหน้าหนีเมื่อเขาหันกลับมามองเธอ เพราะกลัวว่าเขาจะรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงหื่นที่แอบดูโจ้ยผู้ชาย แต่ใบหน้าของเธอนี่สิ มันดันไม่รักดีแดงเห่อจนเขาร้องทัก “คุณไม่สบายหรือเปล่าหน้าดูแดง ๆ ไปนะ”เฟลิเปหันมามองแก้มใสที่ยามนี้ขึ้นสีแดงระเรื่อ ราวกับกำลังอายเขาอยู่ แต่เพื่อความมั่นใจเขาจึงแสร้งถามด้วยความเป็นห่วงแทน “อ่อ...ฉันเป็นคนขี้ร้อนค่ะ อากาศคงร้อนเกินไป” พระพายอ้างเรื่องที่พอจะเป็นไปได้ในตอนนี้ที่สุดแล้ว แม้ว่าเธอจะขนลุกไปทั้งตัวกับความเย็นที่มากกว่าปกติในรถทั่วไปสักหน่อย เพราะแอร์ในรถคันนี้แทบจะแช่แข็งเธอแล้วด้วยซ้ำ โดยเฉพาะตรงขา มันแรงมากจะเย็นวาบเข้ากระโปรง ‘ขนตรงนั้นลุกไปหมดแล้ว!’ ภายในใจของเธอภาวนาให้ถึงบ้านโดยเร็ว เพราะจะได้จากกันเสียที เมื่อถึงทางเลี้ยวเข้าหมู่บ้านของตัวเอง เธอจึงให้เขาจอดตรงนี้แล้วนั่งวินไปดีกว่า “เอ่อ ท่านประธานคะ จอดส่งตรงนี้ก็พอค่ะ เดี๋ยวฉันเดินเข้าไปเอง” พระพายรีบบอกเขา “ไม่ต้องฉันอาสามาส่งแล้วก็ต้องส่งให้ถึงบ้านสิ” เฟลิเปจะไม่ยอมให้ใครประณามเอาได้หรอกว่า ตัวเองช่วยเหลือคนครึ่ง ๆ กลาง ๆ “เอ่อ...ทางมันแคบค่ะ ฉันกลัวคุณจะขับเข้าไปลำบาก” พระพายแสดงอาการเป็นห่วงรถคันหรู แต่ทว่ารถเจ้ากรรมดันสวนออกมาจากในซอยหมู่บ้านเป็นรถหกล้อขนของ ทำให้เขาหันมายิ้มให้เธอ... ‘อีรถเวร...ไม่เป็นใจช่วยเหลือเลย’ เธอทำปากขมุบขมิบสาปแช่งรถคันนั้นไล่หลัง เมื่อต้องทำให้เขามาส่งเธอถึงหน้าบ้าน แต่ที่หนักกว่าคือแม่ของเธอออกมายืนรออยู่หน้าบ้าน แล้วก็มองมาที่รถต้องสงสัยว่าเป็นรถใคร แถมเข้ามาจอดอีกด้วย “นั่นใคร” เขาถามและคาดเดาว่าน่าจะเป็นมารดาของเธอและคิดอยากลงไปสวัสดีเพื่อเป็นมารยาทสักหน่อย “แม่คะ...ขอบคุณนะคะ” พระพายยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณเขาแล้วก็เปิดรถลงไปไม่ได้ชวนเขาลงมา เพราะไม่อยากให้เขารู้จักแม่ของเธอแต่ว่า... “สวัสดีครับคุณแม่” เสียงสำเนียงไทยจ้าของคนหน้าฝรั่งลงมาทักมารดาของเธอที่ด้านหลัง ทำให้เธอหันไปมองเขาอย่างตกใจ ทั้งที่ไม่ได้ชวนแต่ว่าเขาลงมาทำไมกัน “สวัสดีจ้ะ เป็นเพื่อนพระพายเหรอลูก” นภามารดาของพนักงานสาวเอ่ยถามผู้ชายคนที่มาส่ง ท่าทางดูร่ำรวยรถยังหรูหราขนาดนี้ “ไม่ใช่ค่ะแม่ เขาเป็นเจ้านายค่ะ พอดีอาสามาส่ง” เธอรีบแก้ให้ทันที กลัวแม่จะเสียมารยาท แต่คำพูดถัดมาของแม่ทำเอาเธอเหงื่อแตกจนเสื้อที่หลังชุ่มเหงื่อ “ทานข้าวด้วยกันก่อนไหมคะ ท่าทางยังไม่ได้ทาน” นภาชวนเจ้านายรูปหล่อของลูกสาวเข้าบ้านไปทานอาหารด้วยทันที เพราะว่าวันนี้มีเพื่อนบ้านเอาปลามาให้เธอทำแกงส้มชะอมทานคู่กับปลาทอด แถมด้วยไข่ลูกเขยอย่างที่ลูกสาวชื่นชอบไว้ให้ด้วย “เอ่อ...คุณเฟลิเปคงไม่...” “ได้ครับ ผมฝากท้องไว้ที่นี่ด้วย” เฟลิเปยินดีเป็นอย่างยิ่ง เขากำลังหิวอยู่พอดีลองมาทานข้าวบ้านพนักงานของตัวเองดูบ้างก็ไม่เลวอะไร จึงเดินตามมารดาของพระพายเข้าไปนั่งเป็นแขก ระหว่างรอเจ้าของบ้านจัดโต๊ะเขาก็มองสำรวจบ้านไม้สองชั้นทรงวินเทจสีขาวให้อารมณ์อบอุ่นอยู่ไม่น้อย แม้ว่าจะหลังไม่ใหญ่มาก แต่มีพื้นที่ด้านข้างบ้านไว้ทำสวนเล็ก ๆ ปลูกผักและมีผลไม้มีต้นไม้ดูร่มรื่นนัก ผิดกับบ้านคนเมืองในกรุงเทพที่มีแต่ตึกแต่คอนโด ให้เดาคิดว่าที่ดินคงตกทอดมาถึงบ้านของเธอ หากถ้ามาซื้อแถวนี้คงต้องมีเงินระดับ 8 ถึง 9 หลักเลยทีเดียว อีกทั้งยังใกล้ทำเลทองของหมู่บ้านจัดสรรอีกด้วย สภาพบ้านก็ไม่เก่ามากแต่ก็ไม่ใหม่ คิดว่าตั้งแต่สร้างคงไม่ได้รับการปรับปรุงเลย แต่เจ้าของบ้านดูแลบ้านในน่าอยู่ดีทีเดียว เมื่อโต๊ะอาหารพร้อมแล้ว เธอจึงเข้ามาเรียกเขาไปร่วมโต๊ะอาหาร ที่มีอาหารเพียงสามอย่างแต่หน้าตาหน้าทานไม่น้อย เขานั่งลงแล้วก็ตักแกงส้มราดข้าวพร้อมกับชะอมหั่นชิ้น แล้วตักเข้าปากขณะที่เคี้ยวนั้นก็มีสองสายตาจ้องมองเขาอย่างกดดัน แต่เมื่อกลืนลงท้องแล้วสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคือความเผ็ดซ่านจนลิ้นแทบพอง “อื้ม...เผ็ด!!” เขาเอามือพัดไปมาไล่ความเผ็ดร้อนออกจากลิ้นจนพระพายต้องเอาน้ำเย็น ๆ ให้ดื่ม แต่ทว่าความเผ็ดร้อนก็ไม่ได้น้อยลงเลย เธอจึงตักไข่ลูกเขยรสหวานดับความเผ็ดร้อนให้กับเขา “ทานนี่ก่อนค่ะ หวาน” เขาทานตามแต่โดยดี ทำให้ความเผ็ดเริ่มจางไป แต่ใบหน้าที่แดงพร้อมเหงื่อที่ออกมานั้นทำให้พระพายต้องเดินไปเอาผ้าเช็ดหน้ามาส่งให้ “เช็ดหน้าก่อนค่ะ” เธอคิดไว้แล้วว่าเขาไม่เคยกินของเผ็ด เพราะว่าหน้าฝรั่งจ๋ามาก แต่พูดไทยชัดแจ๋ว บวกกับความมั่นใจของเขาทำให้เธอเงียบไม่ได้เตือนว่ามันเผ็ดนะ “ขอบคุณครับ” เฟลิเปหยิบผ้าเช็ดหน้าจากมือของเธอขึ้นมาเช็ดแล้วก็ทานต่อไป จึงเลือกตักแค่ไข่ลูกเขยกับปลาทอดเท่านั้น สร้างความเอ็นดูให้กับนภาราวกับมีลูกชายอีกคน “ปกติไม่ค่อยได้ทานรสเผ็ดเหรอคะคุณ” นภาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ของเผ็ดปกติก็กินบ่อยครับ แต่กินดึก ๆ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม