ตอนที่7

2581 คำ
ฉันยืนจ้องยัยนั่นนิ่ง แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวบนตัวเธอ กับรอยยิ้มบางๆ แบบคนที่รู้ตัวว่าชนะ... แต่มันยังไม่จบหรอกนะ “อ๋อ...เปล่าค่ะ แค่มากดดูว่าอยู่หรือเปล่า จะได้เอาของมาฝาก” ฉันพูดเรียบๆ ตีหน้าปกติที่สุด ทั้งที่ข้างในมันพลุ่งพล่าน “อ้อ งั้นไว้วันหลังแล้วกันนะคะ...ตอนนี้คุณฌอน ‘ยุ่ง’ อยู่หน่อยนึง” เธอยิ้มหวาน แต่สายตามันแสบเหมือนน้ำเกลือราดแผลสด โอ้ย! ทนไม่ไหวแล้วโว้ย! พยายามข่มใจให้เย็นลงได้ตั้งหลายนาที แต่ยิ้มแม่นี่มันวอนอยากโดนจริงๆ ฉันผลักยัยเอมอรออกอย่างแรงแล้วเดินตรงเข้าไปในห้อง มองหาเจ้าของห้องทันที พอเปิดประตูห้องนอนออกไป ก็เห็นคนตัวสูงกำลังหาของอยู่บนโต๊ะ เขาเงยหน้าขึ้นมาเมื่อเห็นฉัน ก่อนจะเดินเข้ามา “คุณอิงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” น้ำเสียงเขานิ่งมาก พูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันไม่ตอบ ดึงแขนเขาออกมาจากห้องทันที ฌอนเดินตามออกมาโดยไม่ขัดขืน ฉันเหวี่ยงเขาไปยืนข้างๆ ยัยเอมอร แล้วมองทั้งสองคนสลับกัน “หมายความว่ายังไง” น้ำเสียงฉันเย็นและเอาเรื่องเต็มที่ ฌอนขมวดคิ้ว หันไปมองเอมอร “อะไรครับ... แล้วทำไมเอมถึงอยู่ในสภาพนี้?” “ฉันต่างหากที่ควรถามนาย ว่าทำไมเพื่อนนายถึงอยู่ในชุดแบบนั้น มาทำอะไรกันดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้?” ฉันถามเสียงเข้ม สายตาชี้ตรงไปที่เอมอรที่ตอนนี้ดูหน้าเจื่อนผิดกับเมื่อกี้ที่ยังยิ้มเยาะฉันอยู่ ฌอนรีบอธิบาย “เอมมาขอเอกสารรายงานจากผมครับ พึ่งมาถึงไม่ถึงสิบ นาที ผมก็เข้าไปหาให้ แล้วคุณอิงก็เดินเข้ามา” เขาจับมือฉันเอาไว้แน่นอย่างไม่อยากให้เข้าใจผิด “แล้วคุณเอมอรล่ะคะ...ทำไมถึงอยู่ในสภาพนั้น ถ้าอิงไม่บุกเข้ามาแบบนี้ ฉันก็คงเข้าใจผิดไปแล้วว่าเธอกับฌอนมีอะไรกัน” เอมอรรีบพูดเสียงเบา “คือ... เอมทำเสื้อเลอะค่ะ เลยเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ” หึ ฉันกลั้นขำไว้ในใจ เสื้อก็ไม่เห็นจะเลอะตรงไหน แผนตื้นๆ ของยัยชะนีปากแดง “แต่ฉันว่ามันไม่เหมาะสมนะคะ ผู้หญิงไม่ควรถอดเสื้อผ้าในห้องผู้ชาย โดยเฉพาะผู้ชายที่มีแฟนแล้ว ถึงคุณจะเป็นเพื่อนฌอน ฉันจะไม่ถือสาครั้งนี้ แต่อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก” พูดจบฉันก็จ้องยัยนั่นเขม็ง เอมอรเม้มปากแน่น ก้มหน้าหอบเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำแบบไม่กล้าสบตาฉัน แล้ววิ่งแจ้นออกจากห้องไปทันที ฟอร์มหายหมดเกลี้ยง เห็นแล้วก็แอบสะใจเบาๆ ฉันถอนหายใจเสียงดังฟึดฟัด หันไปมองเจ้าของห้องที่ยืนทำหน้าเหวอเหมือนลูกหมาถูกดุ ฌอนเกาหัวแกรกๆ แบบคนที่ไม่รู้จะทำหน้ายังไงให้รอด ฉันเบะปากใส่ แล้วหมุนตัวจะเดินกลับห้อง หมับ! ยังไม่ทันพ้นธรณีประตู แขนแกร่งๆ นั่นก็มากอดฉันจากด้านหลังซะก่อน ฉันชะงัก ขืนตัวนิดๆ พอให้รู้ว่าฉันยังโกรธอยู่บ้างนะ ไม่ได้ใจง่ายอะไรงี้! แต่เอาจริง...หัวใจมันไม่รักดีเลย เต้นแรงตุบตับจนกลัวอีกฝ่ายจะได้ยิน ไม่ได้อยากเขินนะ แต่เขากอดแน่นมาก! กลิ่นตัวก็หอมอีก! บ้าเอ๊ยยยยยยย “คุณอิงโกรธผมหรือเปล่าครับ ผมขอโทษนะ” เสียงเขาเบาใกล้หู แล้ว... ฟอดดด หอมแก้มฉันอีกหนึ่งทีเต็มๆ โอ๊ย! ฆ่าฉันให้ตายเถอะ ขาทั้งสองข้างแทบยืนไม่อยู่ จากที่โกรธนิดๆแค่เขาทำเสียงอ่อน กับหน้าอ้อนๆ ความไม่พอใจก็หายไปในพริบตา (ไม่ได้ใจง่ายจริงๆนะ >แฟน กับพี่ฌอนของน้องเรียบร้อยแล้ว คราวหน้า...ก็เรียกพี่สะใภ้ให้ถูกด้วยนะคะ” “ไม่จริง!!!” เธอร้องลั่น ทำหน้าแบบจะร้องเหมือนเด็กเอาแต่ใจ “จริงจ้ะ ถ้าไม่เชื่อก็ไปถามฌอนได้เลย~” ฉันฉีกยิ้มกว้างอย่างผู้ชนะ ยัยเฌอถึงกับยืนเงิบ กระทืบเท้าปังๆ อย่างกับพื้นจะพัง ส่วนยัยแพรวที่เงียบมาตลอดรีบคว้ามือเพื่อนไว้ เพราะคนทั้งร้านเริ่มมองแล้ว ฉันคว้าพี่เมฆออกจากร้านแทบไม่ทัน บอกเลย หมดอารมณ์กินของหวาน! “อิงรู้จักเด็กคนนั้นด้วยเหรอ? แล้วอิงเป็นแฟนกับใคร? พี่งงไปหมดแล้ว” ฉันหัวเราะแห้งๆ “ไม่มีหรอกค่ะพี่เมฆ ยัยเด็กพวกนั้นนิสัยไม่ดี อิงแค่สั่งสอนให้รู้จักที่ต่ำที่สูงนิดนึง” ฉันพูดพลางกอดแขนพี่เมฆอ้อนๆ “ถ้าอิงมีแฟนนะคะ จะรีบพามาแนะนำพี่เมฆคนแรกเลย~” “จริงนะ? ต้องดูให้ดีๆ ด้วย ผู้ชายสมัยนี้ไว้ใจไม่ค่อยได้” เอ...แต่ฉันว่าพี่เมฆควรไปเตือนพ่อหนุ่มแว่นคนนั้นแทนดีนะ? ว่าอย่าไว้ใจอิง เพราะถ้าได้รักใครขึ้นมาแล้ว...น้องพี่อะน่ากลัวมากนะคะ (o ・ω・ o) เราเดินกลับมารับคุณแม่ที่ร้านเพชร คุณแม่นั่งจิบชาพูดคุยกับคุณหญิงสมรศรี เสียงหัวเราะเบาๆ ลอยมาแต่ไกล แล้วฉันก็เห็นว่ามีผู้ชายเพิ่มมาอีกคน “หนูอิงมาแล้ว นี่ไงลูกชายแม่ เทม น้องอิงฟ้า แล้วนั่นพี่เมฆ” คุณหญิงสมรศรีแนะนำผู้ชายหน้าตาหล่อจัด หุ่นสูง ผิวเข้ม ตาคม เขาดูดีมากก็จริง แต่ยังไงก็ไม่ใช่สไตล์ฉันอยู่ดี เพราะในใจมีแต่ฌอน “สวัสดีครับน้องอิง สวัสดีครับพี่เมฆ” เขาเอ่ยทักทาย ฉันไหว้ตอบอย่างสุภาพ พี่เทมเป็นลูกชายคนเล็กของคุณหญิงสมรศรี พึ่งกลับจากอเมริกา แก่กว่าฉันปีหนึ่ง คุณแม่บอกว่าเราสนิทกันตอนเด็กๆ แต่หลังจากเขาไปอยู่กับคุณพ่อที่เมกา ก็ขาดการติดต่อกันไป แต่ฉันก็จำเรื่องราวตอนเด็กมากๆไม่ค่อยได้ แต่ก็เหมือนจะเคยได้ยินชื่อเขาอยู่บางครั้ง “พี่เทมเขากลับมาอยู่ไทยแล้วนะ มาช่วยงานคุณป้าที่บริษัท” คุณแม่บอกยิ้มๆ “ทำบริษัทอะไรเหรอครับ” พี่เมฆถาม “ทำสื่อโทรทัศน์จ้ะ” คุณหญิงตอบอย่างภาคภูมิใจ “อ๋อ... ยัยอิงก็เรียนนิเทศฯ อยู่นี่” คุณแม่หันมาหาฉัน สายตาเหมือนมีอะไรแอบแฝงอยู่ ฉันได้แต่คิดในใจว่า อย่าน๊าาา! อย่าคิดจะจับคู่ลูกนะคะแม่ “ค่ะ” ฉันตอบสั้นๆ “จริงเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นน้องอิงมาฝึกงานที่บริษัทพี่ไหม?” พี่เทมหันมาชวนอย่างกระตือรือร้น จนคุณหญิงกับคุณแม่หลุดขำกันเบาๆ “ใจเย็นสิตาเทม น้องเขาจะตกใจ แกพึ่งทำงานเองนะ” คุณหญิงว่า “โธ่ แม่ก็ อย่าพึ่งขายผมเลย” พี่เทมแกล้งทำหน้าหงอย ฉันยิ้มจืดๆ ให้ไปทีนึง แล้วบทสนทนาก็เริ่มวกเข้ามาที่ฉันเต็มๆ ถามโน่นถามนี่ไม่หยุด ทั้งเรื่องเรียน ฝึกงาน จะจบเมื่อไหร่ อยากทำงานอะไร บลาๆๆ... ฉันเริ่มหมดความอดทน แอบเขย่าแขนพี่เมฆให้ช่วยออกตัว พี่เมฆก็เลยอ้างว่าเราต้องรีบไป คุณแม่ทำท่าจะบ่นที่กำลังคุยสนุก พี่เมฆก็เลยเสียมารยาทเล็กน้อย แต่ในที่สุดเราก็ลากันจนได้ ก่อนกลับ พี่เทมยังไม่วายขอเบอร์ฉัน ฉันจะปฏิเสธก็ไม่ได้ เพราะเจอสายตากดดันจากคุณแม่ สุดท้ายก็ต้องยอมให้ไปแบบเลี่ยงไม่ได้ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในรถ ฉันเห็นชื่อคนโทรมาก็อดยิ้มไม่ได้ คนดีของอิง ♡ “ฮัลโหล” ฉันรับสายด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “คุณอิงไม่ได้อยู่ที่ห้องเหรอครับ” “ออกมากับคุณแม่อะ มีอะไรเหรอ?” ฉันตอบแบบปกติ เพราะคุณแม่กับพี่เมฆยังแอบฟังอยู่ “ไม่มีครับ แค่อยากกินข้าวเย็นด้วยกัน” “ได้สิ เดี๋ยวฉันรีบกลับนะ” วางสายไปแล้วยังยิ้มไม่หุบ “ใครโทรมายัยอิง แม่เห็นยิ้มหน้าบานเชียว” คุณแม่ถามทันที “เพื่อนค่ะแม่” ฉันตอบเรียบๆ ไม่อยากโกหกแต่ก็ยังไม่กล้าพูดความจริง “เพื่อนแน่เหรอ?” ฉันพยักหน้ารัวๆ แล้วรีบบอกว่า “มีรายงานกลุ่มน่ะค่ะ เขาเลยโทรมาตาม พี่เมฆไปส่งอิงที่คอนโดนะคะ” “อีกแล้วเหรอ แม่คิดว่าจะอยู่บ้านเสียอีก” คุณแม่ถอนหายใจเบาๆ ฉันไม่พูดอะไรแต่จับมือแม่มาหอมแล้วโน้มตัวไปหอมแก้มอีกฟอด แค่นี้คุณแม่ก็ยิ้มแล้ว หลังจากพี่เมฆไปส่งคุณแม่ที่บ้าน ก็พาฉันไปส่งที่คอนโด เพราะทางผ่านบ้านแม่ก่อน ไม่งั้นแม่อาจตามไปถึงห้อง พี่เมฆบอกไม่ต้องห่วง เขาจะดูแลให้ แม่เลยยอม ขอบคุณพี่เมฆจริงๆ พอถึงหน้าห้อง ฉันเห็นฌอนยืนหน้าห้องเขาพอดี เขาหันมาเห็นพี่เมฆก็ก้มศีรษะให้เล็กน้อย “พี่กลับก่อนนะ ถ้ามีอะไรรีบโทรหาพี่เข้าใจไหม” พี่เมฆก็คือพี่เมฆ ห่วงน้องที่สุด “เข้าใจแล้วค่ะ” พี่เมฆหอมแก้มไปหนึ่งทีฉันตกใจนิดหน่อยปกติพี่เมฆก็เป็นแบบนี้แหละแต่ตอนนี้ฌอน มองอยู่ ทันใดนั้น... หมับ! “ทำอะไรครับ?” เสียงเข้มของฌอนดังขึ้นพร้อมมือที่จับพี่เมฆดึงออกจากฉัน หน้าตาเขาเหมือนโกรธจัด แขนอีกข้างโอบไหล่ฉันแน่น “เฮ้ย! ปล่อยอิง! ถอยไปเลย! ” พี่เมฆขึ้นเสียงทันที ไม่บ่อยนักจะเห็นพี่เมฆเดือดแบบนี้ ยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับฉัน เขาจะจริงจังเสมอ จนเพื่อนฉันยังแซวว่าเขาเป็นพี่ชายบราค่อน “แล้วคุณล่ะ เป็นใคร?” ฌอนถามเสียงเย็น สีหน้าเขาดูไม่ไว้ใจจนฉันเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ ฉันมองออกทันทีว่าฌอนเข้าใจผิดแน่ๆ หรือไม่ก็อาจจะมีใครบางคน ยัยเฌอตัวแสบแอบไปพูดอะไรเข้าหูพี่ชายมาหรือเปล่าไม่รู้ ฉันรีบยืนขวางระหว่างพี่เมฆกับฌอนไว้ กลัวว่าทั้งคู่จะมีเรื่องกันก่อนจะได้อธิบายอะไร “ใจเย็นก่อนนะ ฌอน นี่พี่เมฆ พี่ชายฉันเอง” “พี่ชายเหรอครับ?” เขาทวนเสียงเบา สีหน้าดูไม่ค่อยแน่ใจนัก “ใช่ค่ะ” ฉันพยักหน้าให้เขาเร็วๆ “ฉันเป็นพี่ชายของอิง แล้วนายล่ะ เป็นใคร?” พี่เมฆถามกลับทันควัน น้ำเสียงจริงจังจนฉันใจหาย รีบเอามือไปปิดปากฌอนก่อนที่เขาจะเผลอพูดเรื่องของเราออกมา “พี่เมฆ นี่ฌอนค่ะ... เขาอยู่ห้องตรงข้ามกับอิง แค่เป็นห่วงนิดหน่อย ไม่มีอะไรหรอก” ฌอนมองฉันนิ่งๆ สายตาเขาปนเปทั้งความสับสนและเสียใจ ส่วนพี่เมฆก็ดูพอใจกับคำตอบนั้น ฉันเลยรีบไล่พี่เมฆกลับก่อนเรื่องจะบานปลาย “งั้นผมขอตัวกลับห้องก่อนนะครับ” ฌอนพูดเสียงเรียบ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป “เดี๋ยวสิ ฌอน เดี๋ยวก่อน!” ฉันรีบตาม แต่ก็ไม่ทัน ประตูห้องเขาปิดลงตรงหน้า ให้ตายเถอะ... อิงเอ๋ย ทำพ่อหนุ่มแว่นโกรธเข้าแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม