ข้าวไข่เจียวสองจานถูกวางไว้ตรงหน้าโดยฝรมือเชฟจำเป็น เราสองคนนั่งกินกันเงียบๆ ที่โต๊ะอาหาร กับข้าวง่ายๆ แต่รู้สึกอร่อยมาก กินกันจนหมดเกลี้ยง ฉันอาสาเอาจานไปล้าง แม้ตอนแรกพ่อหนุ่มแว่นจะปฏิเสธ แต่ฉันก็ดึงดันจะล้างให้ เป็นช่วงจังหวะเดียวกับที่มือถือของเขาดังพอดี เขาจึงผละไปรับสายแล้วกลับเข้าไปอยู่ในห้องทำงานตามเดิม
ฉันนั่งเบื่ออยู่ในห้องนอน เหลือบไปเห็นกล่องใบนั้นที่เพื่อนตัวดีส่งมาให้ก็เดินไปลองหยิบหนังสือขึ้นอ่าน อ่านไปก็เขินไป จะกล้าทำอย่างในหนังสือหรือเปล่านะ...
[หากคุณต้องการจะปลุกอารมณ์ฝ่ายชาย คุณต้องมีความกล้า การทำออรัลเซ็กซ์ด้วยปากเป็นสิ่งที่ผู้ชายต้องการมากๆ เขาจะยิ่งชอบและหลงคุณมาก หากคุณใช้ปากอมเจ้าโลกให้เขา ไล้เลียทีละนิด…]
อ่านไปก็เผลอจับริมฝีปากของตัวเอง นึกย้อนไปถึงตอนที่เขาใช้ปาก...ทำให้ฉัน มันก็รู้สึกดีเหมือนกัน หรือผู้ชายจะต้องการแบบนั้นจริงๆ นะ ด้วยความอยากรู้ ฉันเลยหยิบมือถือขึ้นมาโทรหากูรูผู้มากประสบการณ์
“ว่าไงยะชะนี! กี่ยกแล้ววันนี้?”
น้ำเสียงกร้านโลกที่ดังมาปลายสาย จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ‘นภัทร’ ตัวแม่เรื่องทฤษฎีบนเตียง
“ยังย่ะ! อิเกย์ ฉันมีเรื่องจะถาม ซีเรียสนะ คือว่า…”
หลังจากโทรปรึกษาเสร็จ ฉันก็อาบน้ำในห้องของเขา หยิบชุดนอนซีทรูสุดบางที่เพื่อนรักแนบมาให้ในกล่องออกมาทาบกับตัวแล้วตัดสินใจ เอาวะ ใส่ก็ใส่!
เนื้อผ้าบริเวณหน้าอกหนาหน่อย แต่ส่วนอื่นบางจนเห็นแทบทุกพิกเซล ยังดีที่พวกนั้นส่งกางเกงในมาด้วย ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องเข้าไปเอาในห้องของตัวเองมาใส่
แต่งตัวเสร็จ ฉันหมุนตัวหน้ากระจก ชุดนอนตัวสั้นเผยเรียวขาสวย เนื้อผ้าบางๆ กับเอวคอดๆ ดูแล้ว...ก็สวยดีเหมือนกันแฮะ
พร้อมแล้ว!
ฉันพร้อมแล้ว...แต่ฌอนยังไม่ออกมาจากห้องทำงานเลย แอบได้ยินเสียงเขาอาบน้ำในห้องน้ำข้างนอกเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ไอ้เราก็นึกดีใจว่าเขาจะเข้ามานอน ที่ไหนได้กลับเข้าไปทำงานต่ออีก
ฉันตัดสินใจเดินไปยังห้องทำงานของเขา แอบเปิดประตูเบาๆ เห็นเขาก้มหน้าก้มตาอยู่กับเอกสารอะไรสักอย่างบนโต๊ะ ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นหนายังเคร่งเครียดอยู่กับงาน ฉันปิดประตูเบาๆ แล้วย่องเข้าไปใกล้ เหมือนว่าเขาจะยังไม่รู้ตัว...
หมับ!
ฉันกอดคอคนตัวสูงจากด้านหลัง ฌอนค่อยๆ เงยหน้าขึ้นแล้วหันมามอง เขายิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปทำงานต่อ
“ทำอะไร ดึกแล้วนะ” ฉันถาม
“ทำงานครับ” เขาตอบ ตายังจ้องเอกสาร มือก็จัดเรียงต่อไป
“นายทำตั้งแต่บ่ายแล้วนะ หรือที่นายอยู่แต่ในห้องทำงานเพราะยังโกรธฉันใช่ไหม?”
“ไม่ใช่นะครับ คือผมทำงาน—”
“ทำงานอะไรล่ะ มหาลัยก็หยุดติดต่อกันตั้งหลายวัน นายตั้งใจจะหนีหน้ากันใช่ไหม?”
“ไม่ใช่นะครับคุณอิง... นี่มันงาน—อุ๊บ!”
ฉันไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดต่อ เอาริมฝีปากแนบปิดปากเขาไว้ ลิ้นเล็กๆ ไล้เลียไปตามริมฝีปากหนา ฌอนนั่งนิ่ง ไม่ได้ขัดขืนอะไร ฉันถอนริมฝีปากออกแล้วหมุนเก้าอี้เขาให้หันมาประจันหน้า
เขาตาคมโตจ้องมองฉันกับชุดนอนบางเฉียบที่ใส่อยู่ ฉันพาตัวเองไปนั่งคร่อมบนตักเขา แล้วก้มลงประกบปากอีกครั้ง...
ลิ้นเล็ก ๆ สอดเข้าไปในโพรงปาก ริมฝีปากหนาก็ตอบรับกลับมาทันที ลิ้นของเราพัวพันกันอย่างช่ำชอง จนน้ำลายใส ๆ ไหลซึมออกมาจากมุมปากโดยไม่รู้ตัว ฉันคว้ามือหนาไปวางแผ่วเบาบนไหล่เปลือย ที่สายเดี่ยวของชุดนอนแทบจะหลุดหลอมอยู่แล้ว
มือบางของฉันค่อย ๆ ปลดกระดุมชุดนอนเนื้อดีออกทีละเม็ด เผยแผงหน้าอกแน่นและกล้ามท้องที่ขาวสะอาดน่าหลงใหล ฉันโน้มตัวลงไป ซุกไซ้ลำคอขาวหนาอย่างช้า ๆ ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากลงสู่ยอดอกสีเข้ม ลิ้นเล็ก ๆ แลบออกมาแตะเลียอย่างประหม่าแต่ตั้งใจ
“คุณอิง… อะ…” เสียงครางต่ำกระเส่าของเขาทำให้ฉันใจเต้นแรง ฉันเลียยอดอกสีเข้มอย่างเต็มที่ ในจังหวะนั้น ฉันล้วงมือลงไปสัมผัสกับแก่นกายที่กำลังแข็งขึง ความใหญ่โตของมันทำให้รู้ทันทีว่า มือเล็ก ๆ ของฉันนั้นกำไม่รอบ
ฉันปลดกางเกงขาสั้นเขาออกพร้อมกับกางเกงชั้นในสีเข้ม แล้วเจ้ามังกรตัวใหญ่ก็ผงาดขึ้นมาตรงหน้า มองใกล้ ๆ แล้ว… ขนาดของมันน่าตกใจจริง ๆไม่คิดว่ามันจะเคยเข้าไปในตัวฉันแล้วตั้งหลายครั้ง ฉันกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ สูดหายใจลึก พยายามเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง เพื่อผู้ชาย อิงทำได้!
ฉันก้มลงไปใช้ปลายลิ้นแตะเลียเบา ๆ ตรงส่วนหัวบานใหญ่ รู้สึกได้ถึงแรงสะดุ้งจากเขา พร้อมเสียงครางต่ำยิ่งเพิ่มความกล้าให้ฉัน ลิ้นเล็ก ๆ ค่อย ๆ ลากไล้จากโคนจรดปลาย ทั้งแข็ง ทั้งใหญ่ และยาวจนน่าหวั่นใจ แต่รสชาติก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด
“อืม… คุณอิง… อ่า…” เสียงครางทุ้มต่ำดังขึ้นด้วยความพึงพอใจ ฉันอ้าปากอมแก่นกายของเขาเข้าไปจนสุดคอหอย ก่อนจะต้องถอนออกมาด้วยความรู้สึกคล้ายจะสำลัก แล้วลองใหม่อีกครั้ง ฉันใช้ทั้งปากและมือช่วย เพราะมันใหญ่เกินกว่าจะรับไว้ทั้งหมดได้
“อือ… อืมมม…” ฌอนคำรามเสียงต่ำ ก่อนจะดึงแก่นกายออกจากปากฉัน แล้วปลดปล่อยน้ำสีขุ่นออกมาเต็มใบหน้าฉัน
“คุณอิง… ขอโทษครับ” เขารีบคว้าผ้ามาเช็ดให้ด้วยความลนลาน
ฉันนั่งนิ่ง กะพริบตาปริบ ๆ อย่างอึ้ง ๆ — ฉันทำไปแล้ว… ฉันทำจริง ๆ แล้ว… เขาจะมองว่าฉันเป็นผู้หญิงไม่อายหรือเปล่านะ?
พอห้วงอารมณ์ผ่านพ้น ความคิดมากมายก็เริ่มไหลกลับมา ฌอนประคองฉันขึ้นไปนั่งบนตัก ก่อนจะประกบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง ลิ้นหนาสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากอย่างเชี่ยวชาญ เขากวาดของบนโต๊ะทำงานหล่นลงพื้นเสียงดัง แก่นกายใหญ่ที่ยังตื่นตัวดีตั้งชันขึ้นมาอีกครั้ง
เขาก้มลงดูดเม้มบนลำคอขาวของฉัน มือหนาปลดสายชุดนอนทั้งสองข้างลง พร้อมคลึงหน้าอกด้วยมือข้างหนึ่ง และใช้ลิ้นหยาบลากเลียอีกข้าง ฉันนอนบิดเร้าอยู่บนโต๊ะเพราะความเสียววูบวาบ สมองกลายเป็นสีขาวโพลน ร่างกายแทบควบคุมไม่อยู่
ฌอนจับฉันให้นอนราบบนโต๊ะ ถลกชุดนอนขึ้นสูง แล้วรูดกางเกงชั้นในตัวจิ๋วออกไป ใบหน้าคมที่ไร้แว่นโน้มลงมาระหว่างเรียวขา ลิ้นร้อนลากเลียกลีบดอกไม้ของฉันอย่างแผ่วเบาแต่เร้าใจ จนร่างกายฉันสั่นเกร็ง
“อ่า… ฌอน… อืมม…” ยิ่งร้องคราง เขายิ่งรุกไล้ ลิ้นทำงานไม่หยุด ส่วนนิ้วแกร่งก็สอดเข้ามาในช่องทางฉ่ำน้ำ แล้วชักเข้าออกจังหวะเดียวกัน
“อือ… ฌอน… อิงเสียว… อ๊า…” ฉันร้องออกมาเสียงสั่น ร่างกายแทบรับไม่ไหว เขาถอนนิ้วออก แล้วเปลี่ยนเป็นใช้แก่นกายใหญ่ถูไถอยู่นอกกลีบดอกไม้ ก่อนจะกดแทรกเข้ามาจนสุดลำ
ความแน่นและความอัดอั้นทำให้ฉันครางออกมาเบา ๆ เขาค่อย ๆ ขยับสะโพกเข้าออก จากช้า ๆ กลายเป็นเร็วและแรงมากขึ้นทุกที จนร่างของฉันโยกคลอนไปตามแรงกระแทก
ฌอนอุ้มฉันขึ้นทั้งที่ช่วงล่างยังเชื่อมต่อกัน ฉันตกใจรีบโอบคอเขาไว้แน่นเพราะกลัวจะหล่น
“จะ… จะพาไปไหน…” ฉันถามเสียงเบา
“ไปที่เตียงครับ เดี๋ยวคุณอิงปวดหลัง”
เขาพาฉันเข้าไปในห้องนอน แล้วเริ่มต้นบรรเลงเพลงรักอีกหลายรอบ จนกระทั่งเราทั้งคู่แนบกายกันอยู่บนเตียงนุ่มอย่างหมดแรง
“คุณอิงเป็นอะไรครับวันนี้?” เขาถามยิ้ม ๆ พลางกระชับอ้อมแขนกอดฉันไว้แน่น
“ฉันควรเป็นฝ่ายถามมากกว่านะ ว่านายเป็นอะไร…นายโกรธฉันใช่ไหม?… ที่วันนั้นฉันบอกพี่เมฆว่าเราสองคนเป็นแค่เพื่อนกัน…”
“ไม่ใช่นะครับ” เขารีบปฏิเสธ
“ทำไมจะไม่ใช่ ก็นายน่ะหลบหน้าฉัน โทรไปก็ไม่รับ ปิดเครื่อง ไม่มาคอนโด ไปหาที่มหา’ลัยก็ไม่เจอ…” ฉันลุกขึ้นเถียงอย่างจริงจัง โดยไม่ทันนึกเลยว่าตัวเองยังเปลือยเปล่าอยู่แบบนั้น
“ผมไม่ได้หลบครับ วันก่อนต้องไปเคลียร์งานที่ต่างประเทศ เพิ่งกลับมาตอนเช้า แล้วที่ไม่ได้บอกเพราะยุ่งมากจริง ๆ”
“แต่นายยังเรียนอยู่ จะมีงานอะไรนักหนา อย่ามาโกหกนะ”
“ผมไม่ได้โกหกครับ… ผมรับผิดชอบงานบริษัทของคุณตาอยู่ จริง ๆ ทำมานานแล้วแต่ไม่เคยบอก ช่วงนี้บริษัทมีปัญหาผมเลยยุ่งเป็นพิเศษ”
“แปลว่า… ที่นายหายไป ไม่ใช่เพราะโกรธฉัน… แต่เพราะติดงานเหรอ?” ฉันถามเสียงแผ่ว
“ครับ”
“คนบ้า! ทำไมไม่บอกกันล่ะ ฉันอุตส่าห์คิดหาวิธีง้อนาย นึกว่านายโกรธซะอีก คนนิสัยไม่ดี!” ฉันทุบอกเขาเบา ๆ ด้วยความเขิน
“แสดงว่า… ที่ใส่ชุดนอนตัวนั้น แล้วมารุกผมแบบนั้น… หมายความว่า…” เขาทำหน้ายิ้มกรุ้มกริ่ม
“ก็ใช่น่ะสิ… อุ๊บ! บ้าละ! หลุดปากไปได้ไงเนี่ย!” ฉันรีบยกมือปิดปากตัวเอง
“งั้น… มาง้อต่ออีกรอบนะครับ”
“ม่ายยยยอาววว…!” (// ▽ //)