มันผิดนะครับ

1222 คำ
เมื่อวางสายจากมารดาของเด็กชายออมสินแล้วปิ่นปินัทธ์ก็รีบขึ้นไปยังห้องฉุกเฉินซึ่งตอนนี้พยาบาลกำลังช่วยกันทำความสะอาดแผลของออมสินที่ยังร้องไห้ไม่หยุด “แผลลึกไหมคะคุณพยาบาล” “ไม่ลึกค่ะแต่อาจจะต้องเย็บเดี๋ยวเราจะตามหมอให้นะคะ” “ไม่ทราบว่าน้องโดนอะไรมาคะ” “น้องหกล้มหัวกระแทกก้อนหินค่ะ” ขณะที่พยาบาลกำลังทำความสะอาดแผลบนศีรษะหมอประจำห้องฉุกเฉินก็เข้ามาพอดี “หัวเด็กไปโดนอะไรมาครับ” “หกล้มกระแทกก้อนหินค่ะ” “หมอขอดูแผลหน่อยนะครับ” คุณหมอหนุ่มเดินไปตรวจแผลแล้วบอกพยาบาลให้เตรียมอุปกรณ์เย็บแผลไว้รอ “แผลเปิดแต่ไม่ลึกมากคงต้องเย็บนะครับ ผู้ปกครองเซ็นชื่อแล้วใช่ไหมครับ” “ฉันไม่ใช่ผู้ปกครองค่ะ ฉันเป็นครู” เสียงที่ตอบฟังอ่อนหวานจนคุณหมอหนุ่มที่กำลังดูแผลอยู่รีบหันหน้ามามอง ผู้หญิงคนนี้นอกจากจะเสียงหวานแล้วใบหน้าเธอก็ยังสวยหวานมากๆ อีกด้วย เธอคือผู้หญิงในสเปกของเขาชัดๆ “คุณครูเหรอครับ” เขาถามแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “ค่ะ” “แล้วผู้ปกครองของเด็กจะมาถึงเมื่อไหร่” “คงอีกสักพักค่ะ ให้ฉันเซ็นชื่อแทนได้ไหม” “ได้ครับ ถ้าเซ็นชื่อแล้วก็รอด้านนอกก่อนก็ได้” “ไม่เอาผมไม่อยากอยู่คนเดียว ครูปิ่นอย่าไปไหนนะ ห้ามทิ้งผมไปไหนนะ” เมื่อได้ยินว่าคุณหมอจะให้คุณครูออกไปนอกห้องออมสินก็ร้องไห้ขึ้นมาหลังจากที่เพิ่งเงียบไปเมื่อครู่ คุณหมอหนุ่มกำลังลังเลเพราะปกติแล้วเขาไม่ชอบให้ใครจ้องเวลาตัวเองกำลังทำงานอยู่แต่ถ้าจะมีเสียงเด็กร้องโวยวายอยู่แบบนี้ก็คงไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ “หนุ่มน้อยไหนบอกหมอสิชื่ออะไร” “ผมชื่อเด็กชายออมสินครับ” เด็กชายตอบพร้อมเสียงสะอื้น “หมอจะให้คุณครูอยู่กับออมสินนะ แต่ออมสินจะต้องสัญญากับหมอก่อนว่าจะไม่ร้องจะไม่ดิ้นหมอจะได้เย็บแผลให้สวยๆ” “เย็บแผลคืออะไร เหมือนเย็บเสื้อขาดหรือเปล่า หรือเปล่าใช้เข็มเย็บผ้าใช่ไหมผมกลัว” “มันก็คล้ายๆ เย็บผ้าที่ขาดนั่นแหละ แต่เราใช้เข็มอีกแบบ แต่เดี๋ยวหมอจะฉีดยาชาก่อนตอนเย็บออมสินจะได้ไม่เจ็บไงครับ” “ฉีดยาเหรอ ไม่เอาออมสินไม่ฉีดครูปิ่นครับ ผมไม่อยากฉีดยาผมกลัวเจ็บ” “ออมสินครับหนูฟังครูนะ ฉีดยาชาแค่นิดเดียวเองจากนั้นออมสินก็จะไม่เจ็บอีกเลย” ปิ่นปินัทธ์ปลอบลูกศิษย์ “แต่ฉีดยามันเจ็บ” “เจ็บนิดเดียวเองนะ เชื่อหมอสิ” “แต่ผมกลัว” “ออมสินเป็นคนเก่งเดี๋ยวคุณครูจะไปเล่าให้เพื่อนๆ ที่โรงเรียนฟังว่ายอมให้คุณหมอฉีดยาชาและให้คุณหมอเย็บตั้งหลายเข็มโดยไม่ร้องไห้เลย เพื่อนๆ จะต้องชมแน่เลยว่าออมสินเป็นเด็กที่เก่ง” “ครูจะบอกชมพู่ด้วยไหมครับ” “บอกสิครูจะบอกชมพู่ว่าออมสินอดทนมากๆ เลยดีไหม” “แต่คุณครูอยู่กับผมได้ไหมครับ” “หมอคะขอฉันอยู่กับออมสินได้ไหม” “ก็ได้ครับ” เพราะเห็นว่าเขาคงคุยกับเด็กไม่รู้เรื่องแน่ๆ การให้คุณครูของเด็กชายอยู่ด้วยน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด “เจ็บนิดหนึ่งนะออมสิน” คุณหมอหนุ่มบอกเด็กชายขณะที่ฉีดยาชาลงไป “ผมเจ็บ ผมเจ็บ” “ไม่ได้นะคะออมสินไม่ดิ้นนะ” ออมสินที่นอนตะแคงอยู่ดิ้นจนพยาบาลต้องเขามาช่วยกันจับศีรษะไว้ ขณะที่คุณครูก็กอดเด็กชายแล้วใช้มือลูบไปบนหลังเบาๆ คุณหมอหนุ่มยับเข้าใกล้มากขึ้นเพื่อจะฉีดยาบริเวณปากแผลอีกด้านและมันใกล้มากจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ออกมาจากตัวของคุณครูกลิ่นที่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างประหลาด กรัณย์กรรีบสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากศีรษะก่อนจะฉีดยาชาไปบนแผลจากนั้นก็เย็บจนเสร็จ การเย็บแผลใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีแต่ทำให้เขาเหงื่อตก ไม่ใช่เพราะเย็บยากแต่เพราะเขาตื่นเต้นที่สายตาของคุณครูคนจ้องอยู่ต่างหาก เย็บแผลเสร็จก็ให้เด็กชายลุกขึ้นนั่งแต่ยังไม่ให้ลงจากเตียงเพราะเขายังต้องซักประวัติให้ละเอียด เพื่อมั่นใจว่าการล้มหัวกระแทกก้อนหินจะไม่กระทบกระเทือนถึงสมอง “ออมสินไหนลองเล่าให้หมอฟังสิครับว่าออมสินลงได้ยังไง” “ผมเล่นฟุตบอลกับเพื่อนครับแล้วก็ลื่นล้มหัวมันไปกระแทกก้อนหิน” “ไม่ได้นะออมสินเราจะบอกหมอว่าเล่นฟุตบอลไม่ได้” คุณครูกระซิบ “แล้วผมต้องบอกหมอว่ายังไงล่ะครับ” เด็กชายมองหน้าคุณครูอย่างไม่เข้าใจเพราะเขาเล่นฟุตบอลอยู่กับเพื่อนแล้วล้มจริงๆ “ไม่ทันแล้วนะครับคุณครู เด็กเขาก็บอกแล้วว่าเล่นฟุตบอลจนหัวกระแทก” คุณหมอได้ยินอย่างชัดเจน “หมอช่วยแก้ในประวัติได้ไหมว่าแค่วิ่งเล่น ตัดคำว่าฟุตบอลออก” “ทำไมล่ะครับ” คุณหมอถามด้วยความไม่เข้าใจเพราะเขาไม่เคยรักษาเด็กแบบนี้มาก่อนถึงแม้จะมาทำงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้หนึ่งปีแล้วก็ตาม “คือเด็กมีประกันอุบัติเหตุไว้ค่ะแต่ถ้าเป็นการเล่นกีฬาบริษัทประกันเขาจะไม่จ่าย ครูขอคุยส่วนตัวกับคุณหมอได้มั๊ยคะ” “ได้สิเดี๋ยวผมให้พยาบาลพาออมสินออกไปข้างนอกก็ได้” ยังไม่ทันเรียกให้พยาบาลเข้ามาก็ได้ยินเสียงมารดาของออมสินถามลูกชายก่อน “แม่มาแล้วครับครู” “ถ้าอย่างนั้นให้เด็กออกไปอยู่กับผู้ปกครองก่อนนะครับผมขอคุยกับคุณครูเป็นการส่วนตัว” คุณหมอบอกกับพยาบาลที่เดินเข้ามาตามพอดี เขาพาคุณครูมาในห้องตรวจที่อยู่ติดกับห้องฉุกเฉิน เชิญเธอนั่งลงตรงข้ามก่อนที่ตัวเองจะเดินอ้อมมานั่งเก้าอี้ของตัวเอง “ที่ครูพูดครูก็เท่ากับว่าจะให้ผมทำทำผิดจรรยาบรรณ ด้วยการกรอกประวัติผู้ป่วยไม่ครบใช่มั้ย” “คุณหมออย่าคิดมากแบบนั้นสิคะ มันก็แค่การช่วยเหลือเด็กผู้ปกครองเขาชำระค่าประกันมาแล้วและลูกเขาเจ็บตัวอย่างนี้ยังจะต้องให้เขาจ่ายเงินอีกเหรอคะ ถึงแม้โรงพยาบาลนี้จะเป็นโรงพยาบาลรัฐบาล แต่ออมสินไม่ใช่คนที่นี่เขาจึงใช้สิทธิ์บัตรทองไม่ได้ ค่าใช้จ่ายมันก็คงไม่น้อยเลยชาวบ้านหาเช้ากินค่ำเขาจ่ายเงินค่าประกันไปแล้วเขาก็หวังว่าจะได้ลูกของเขาจะได้ใช้สิทธิ์อย่างเต็มที่หมอไม่สงสารเด็กเลยเหรอคะ” ปิ่นปินัทธ์เคยไปเยี่ยมบ้านของนักเรียนทุกคนจึงพอจะรู้ว่าครอบครัวของใครเป็นยังไงบ้าง “แต่มันผิดนะครับคุณครู ถ้าคนอื่นรู้ผมอาจจะต้องถูกยึดใบประกอบวิชาชีพและโดนสอบสวนเลยนะครับ” “มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอคะ แล้วที่นี่ฉันจะทำยังไงล่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม