หลานรักของยาย

1488 คำ
“ครูเข้าใจค่ะ ครูก็เลยคุยกับหมอให้แล้วเดี๋ยวคุณแม่พาออมสินกลับบ้านได้เลย” “แล้วพรุ่งนี้ออมสินต้องมาโรงเรียนไหมคะครู” “คุณหมอบอกว่าแผลที่ศีรษะไม่ได้เป็นอะไรมากแต่ถ้ามีไข้หรือปวดแผลมากๆ ออมสินจะหยุดอยู่บ้านก็ได้” “คือแม่ต้องไปทำงานออมสินต้องอยู่บ้านกับยายค่ะ แม่กลัวว่ายายจะเอายาให้ออมสินไม่ถูกเพราะยายแกอ่านหนังสือไม่ออกค่ะ ถ้าจะให้หยุดงานแม่ก็เอาเงินค่าจ้างของเขามาแล้ว” “เอาอย่างนี้ก็ได้ค่ะ คุณแม่ให้ออมสินมาที่โรงเรียนเอายามาด้วยนะคะเดี๋ยวครูจะช่วยดูให้ แล้วตอนเย็นคุณครูจะพามาล้างแผลและจะพาไปส่งที่บ้าน” “เกรงใจคุณครูจังเลยค่ะ เรื่องล้างแผลแม่พามาเองก็ได้” “ต้องเกรงใจอะไรกันน่ะยังไงเวลาครูกลับบ้านก็ต้องผ่านบ้านออมสินอยู่แล้วใช่ไหม” เธอหันมาถามลูกศิษย์ “ใช่ครับ บ้านครูปิ่นเลยไปข้างในบ้านเรา” ออมสินจำได้ว่าเพราะเธอเคยเล่าให้ฟังว่าทุกครั้งว่ากลับจากโรงเรียนก็จะผ่านบ้านของเด็กชาย “แม่ไม่รู้จะขอบคุณคุณครูยังไงเลย” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ที่ออมสินเป็นแบบนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของครู ด้วยเพราะเด็กๆ รบเร้าขอเลิกเรียนก่อนครึ่งชั่วโมงเพื่อจะไปวิ่งเล่นก่อนจะถึงเวลากลับบ้านครูก็เลยยอมให้เขาออกไปวิ่งเล่น แต่ไม่ได้ตามออกไปดูไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ครูขอโทษคุณแม่ด้วยนะคะ” “คุณครูไม่ต้องขอโทษแม่หรอกค่ะ แม่เข้าใจดีลูกชายของแม่ก็ซนแบบนี้แหละ” “แล้วนี่คุณแม่มายังไงคะ” “เอามอเตอร์ไซค์มานะ” “เดี๋ยวคุณแม่ขับกลับไปก่อนก็ได้ครูจะส่งออมสินที่บ้านเอง” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะครู ออมสินนั่งมอเตอร์ไซค์ได้” “ครูก็ต้องผ่านบ้านออมสินอยู่แล้วให้ออมสินไปกับดีกว่านะคะ เกิดนั่งรถไปแล้วปวดหัวเวียนหัวขึ้นมาจะแย่ค่ะ คุณแม่ไปรอที่บ้านเถอะค่ะ” เมื่อคุยกับมารดาของออมสินเสร็จเรียบร้อยแล้วปิ่นปินัทธ์ก็พาเด็กชายมายังรถของตนเองที่จอดอยู่ด้านหน้าโรงพยาบาล “ออมสินหิวข้าวไหม” “หิวนิดหน่อยครับครู” “เดี๋ยวครูจะจอดรถซื้อข้าวเหนียวไก่ทอดให้ออมสินกินนะ” หญิงสาวขับรถออกจากโรงพยาบาลและแวะที่ตลาดซื้อข้าวเหนียวไก่ทอดให้กับลูกศิษย์จากนั้นก็แวะซื้อนมถั่วเหลืองมาอีกสองแพ็กเพราะระหว่างนี้คิดว่าเด็กชายน่าจะทานนมวัวไม่ได้ เนื่องจากมันจะทำปฏิกิริยากับยาแก้อักเสบตามที่เภสัชกรบอก เมื่อขึ้นมาบนรถก็ส่งข้าวเหนียวไก่ทอดให้กับลูกศิษย์แต่ตอนนี้มือของเขายังมีรอยเลือดอยู่ “ออมสินอดทนอีกนิดได้ไหม กลับไปถึงบ้านค่อยกิน” “ได้ครับครู” แม้จะหิวมากแค่ไหนแต่มองเห็นมือตัวเองมีแต่เลือดออมสินก็ไม่กล้าจะกินข้าวเหมือนกัน หญิงสาวขับรถจากโรงพยาบาลมาถึงบ้านของเด็กชายใช้เวลาประมาณสิบนาทีเมื่อมาถึงหน้าบ้านมารดาของออมสินก็รออยู่ก่อนแล้ว “ถืออะไรมาแล้วนะออมสิน” “ครูซื้อข้าวเหนียวกับนมให้ครับแม่” “นี่มันก็มืดค่ำแล้วเดี๋ยวกว่าแม่จะทำกับข้าวเสร็จออมสินก็คงหิวแย่” “ขอบคุณนะคะครู แล้วคุณครูล่ะกลับค่ำแบบนี้คุณยายไม่ห่วงแย่เหรอคะ” “ไม่หรอกค่ะแม่ คุณยายชินแล้วปกติครูก็จะกลับบ้านค่ำเป็นประจำ” “คุณครูรอแป๊บหนึ่งนะคะ วันนี้ตอนกลางวันแม่เข้าป่าได้หน่อไม้มานิดหน่อยฝากไปให้คุณยายได้ไหม” “ได้ค่ะคุณยายกำลังบ่นว่าอยากกินต้มจืดหน่อไม้ใส่กระดูกหมูอยู่เลยค่ะ ออมสินเข้าบ้านไปเลยนะครับ แล้วพรุ่งนี้เราเจอกันที่โรงเรียน กระเป๋านักเรียนของเราอยู่ที่โรงเรียนนะ” “ครับครู ขอบคุณครับ” ออมสินเดินตามมารดาเข้าไปในบ้าน หญิงสาวรออยู่หน้าบ้านไม่นานมารดาของเด็กชายก็กลับออกมาพร้อมกับถุงหน่อไม้ซึ่งในนั้นมีหน่อไม้หน่อใหญ่อยู่ถึงสองหน่อ “ทำไมเยอะจังเลยค่ะแม่” “แม่ได้มาเยอะน่ะ ขอบคุณค่ะครูที่พาออมสินไปหาหมอแล้วยังจะซื้อข้าวซื้อนมให้อีก แม่ก็มีแค่ของแบบนี้ให้ครู” “ไม่เป็นไรค่ะแม่ ครูไปก่อนนะคะ ถ้ากลางคืนออมสินมีไข้หรือคุณแม่ต้องการให้ครูช่วยเหลืออะไร คุณแม่โทรหาครูได้ตลอดนะคะยาก็กินตามฉลากยาที่โรงพยาบาลเขียนไว้ ส่วนแผลระวังอย่าให้โดนน้ำนะคะ พลาสเตอร์ที่ติดมากันน้ำก็จริงแต่เวลาอาบน้ำสระผมก็ให้ระวังหน่อยเพราะถ้าน้ำเข้าไปในแผลแล้วมันจะเป็นเรื่องใหญ่แต่ทางที่ดี อย่าเพิ่งสระผมดีกว่าค่ะ เพราะออมสินผมสั้นแค่ใช้ผ้าชุบน้ำทำความสะอาดก็น่าจะพอ” “ขอบคุณมากค่ะครู” ปิ่นปินัทธ์ขับรถจากบ้านของออมสินเข้ามาในซอยไม่ไกลเท่าไหร่ ก็มาถึงบ้านของตนเองซึ่งคุณยายของเธอเปิดประตูรั้วรอไว้เหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา “ปิ่นกลับมาแล้วค่ะ” ยายเสียงใสตะโกนบอกคุณยายซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารเย็นอยู่ในครัว “ปิ่นเป็นอะไรนะลูกทำไมเสื้อหนูมีแต่เลือดแบบนั้น” คุณยายละมัยตกใจเมื่อเห็นว่าเสื้อของหลานสาวตัวเองมีแต่เลือดเต็มไปหมด “ปิ่นไม่ได้เป็นอะไรค่ะยาย” “ไหนขอยายดูใกล้ๆ หน่อย” คุณยายรีบเดินเข้ามาใกล้จับหลานสาวหมุนตัวด้วยความเป็นห่วง ปิ่นปินัทธ์หัวเราะเมื่อเห็นท่าทางของคุณยาย เธอกอดคุณยายไว้แน่น “ยายห่วงหนูเหรอคะ” “ห่วงสิ ปล่อยยายก่อนขอยายดูก่อนว่ามีแผลตรงไหนหรือเปล่า” “ไม่ใช่แผลของปิ่นหรอกค่ะ ออมสินหกล้มหัวแตกปิ่นเลยพาไปโรงพยาบาลมา” “โล่งใจไปที แล้วเด็กนั่นเป็นอะไรมากไหม” “หมอเย็บไปเจ็ดเข็มค่ะ” “ตายจริงคงเจ็บมากร้องไห้ลั่นโรงพยาบาลเลยหรือเปล่า” คุณยายละมัยเคยฟังหลานสาวพูดถึงเด็กชายออมสินอยู่บ่อยๆ ว่าเป็นเด็กน่ารัก ช่างพูดช่างถาม “ก็ประมาณหนึ่งค่ะคุณยายเมื่อกี้หนูแวะไปส่งเขาที่บ้านแม่เขาฝากหน่อไม้มาด้วยนะคะ” “พอดีเลยยายกำลังอยากจะกินต้มจืดหน่อไม้” “ปิ่นก็อยากกินค่ะ แต่เย็นนี้ขอกินข้าวเย็นก่อนได้ไหมคะหิวมากเลย ยายทำอะไรให้ปิ่นกินบ้างค่ะ “ยายว่าไปเปลี่ยนชุดก่อนดีไหม เลือดเต็มเสื้อแบบนี้ยายไม่ชอบเลย” “ปิ่นขอเวลาเปลี่ยนเสื้อและล้างหน้าไม่เกินห้านาทีค่ะยาย” หลังจากทานข้าวเย็นกับคุณยายแล้วปิ่นปินัทธ์ก็จัดการปอกหน่อไม้และหั่นเป็นชิ้นใส่หม้อตั้งไฟบนเต่าถ่านเพราะคุณยายบอกว่าต้มเตาถ่านหน่อไม้จะหอมละหวานกว่า “เดี๋ยวต้มทิ้งไว้แบบนั้นครึ่งชั่วโมงแล้วเทน้ำทิ้งให้หมดจากนั้นก็ค่อยตั้งไฟอีกรอบแล้วค่อยเอากระดูกหมูลงไปใส่นะจำได้ใช่ไหม” “จำได้ค่ะยาย ปิ่นไม่ได้ต้มจืดหน่อไม้ครั้งแรกซะหน่อย ว่าแต่ในตู้เรามีกระดูกหมูใช่ไหม” “มีสิก็หนูซื้อมาเมื่อวันก่อนยังกินไม่หมดเลย พรุ่งนี้เช้าเรามีกับต้มจืดแล้วหนึ่งอย่างแล้วปิ่นจะกินอะไรเพิ่มอีกไหม” “แค่ต้มจืดหน่อไม้อย่างเดียวก็ได้ค่ะ ซดร้อนๆ กินก่อนไปทำงาน” “กับข้าวอย่างเดียวมันจะพอเหรอยายว่าหมูทอดอีกอย่างดีไหม” “ปิ่นไม่อยากให้ยายต้องตื่นมาทำกับข้าวทุกวันแบบนี้เลยค่ะ” “ถ้าไม่ให้ยายตื่นมาทำกับข้าวแล้วจะให้ยายตื่นมาทำไมล่ะ” “ยายก็นอนต่อตื่นสายๆ หน่อยก็ได้นะคะ ปิ่นก็รู้นี่ว่ายายชอบตื่นตั้งแต่ตีห้า” “ตื่นสายมันจะทำอะไรไม่ทันเขาสิ” “ปิ่นไม่อยากให้ยายเหนื่อย” “ยายไม่เหนื่อยอะไรหรอกลูกแค่ทำกับข้าวให้ปิ่นเอง” “ปิ่นเป็นโชคดีที่สุดเลยค่ะที่เกิดมาเป็นหลานยายมีกับข้าวกินอร่อยๆ ทุกวันเป็นรักยายนะคะ” “ยายก็รักปิ่นจ้ะเอาละหนูปิ่นจะไปทำอะไรก็ไปนะยายจะดูละครสักหน่อย” “ค่ะยาย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม