รุ่งเช้าของวันถัดมา มะนาวตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนเพลียเพราะว่าเมื่อวานเธอต้องรองรับอารมณ์ของภูวดลแล้ว ก็ยังคงต้องมาทำงานบ้านต่ออีก วันนี้เธอจึงตื่นสาย
โชคดีที่ป้าวรรณช่วยปลุก หญิงสาวจึงสามารถตื่นขึ้นมาได้ทันเวลา
เมื่อเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำ เธอจึงรู้ตัวว่าตัวเองเป็นเมนส์
มิน่าละวันนี้ถึงได้อ่อนเพลียผิดปกติ แต่อีกใจเธอก็รู้สึกดีเหมือนกันที่เรื่องอย่างว่าระหว่างเธอกับภูวดล คุณชายของบ้านหลังนี้ เกิดขึ้นในช่วงวันปลอดภัยของตัวเอง
มะนาวเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพซีดเซียว เนื่องจากวันแรกของประจำเดือนมักจะมามากกว่าทุกวัน มิหนำซ้ำเธอยังปวดท้องเอามาก ๆ จนแทบจะจับไข้
ถึงจะเป็นแบบนั้น เธอก็ยังต้องรีบออกจากบ้านพักของตัวเองไปช่วยป้าและแม่บ้านคนอื่น ๆ เตรียมอาหารไว้ให้กับเจ้านาย และเก็บกวาดทำความสะอาดภายในคฤหาสน์
หลังจากจัดเสิร์ฟให้เจ้านายเรียบร้อยแล้ว เธอก็ขอตัวกลับ
“ป้าจ้ะ หนูเตรียมตัวไปเรียนก่อนนะ” เธอบอกกับป้าวรรณ
“เออ ๆ เดินทางดี ๆ นะมะนาว ตั้งใจเลยด้วยนะลูก” ป้าวรรณตอบ
ถึงจะรู้สึกอ่อนเพลีย และง่วงเหงาหาวนอนอย่างมาก แต่มะนาวก็ยังฝืนตัวเอง รีบกลับบ้านพักมาอาบน้ำแต่งตัว และรอรถประจำทางเพื่อเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยที่เธอเรียนอยู่
โดยปกติหญิงสาวจะขึ้นรถเมล์สายเดิมทุกวัน เพราะราคาถูก และไปส่งเธอเกือบถึงหน้ามหาวิทยาลัย แม้ว่าจะต้องเดินไกลหน่อย แต่เธอก็ไม่ต้องเสียเงินนั่งรถหลายต่อ
แต่แล้วระหว่างมีหญิงสาวกำลังยืนรอรถอยู่ที่ป้ายรถเมล์ใกล้ ๆ ที่อยู่ และที่ทำงานของตัวเอง พลันก็เหลือบไปเห็นรถของคุณภูวดล ค่อย ๆ เคลื่อนออกมาจากตัวคฤหาสน์
และเมื่อรถคันหรูเลี้ยวเข้าสู่ถนนใหญ่ เสียงเครื่องยนต์ก็ดังกระหึ่ม พร้อม ๆ กับความเร็วที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งวิ่งฉิวป่านหน้าเธอไปอย่างรวดเร็วจนแทบมองไม่ทัน
มะนาวรู้สึกหวิว ๆ ในใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่เธอก็พยายามไม่สนใจอะไร
เรื่องแบบนี้ เกิดขึ้นบ่อยจนเธอชินชาเสียแล้ว
พอไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ากัน ภูวดลก็เย็นชาเสียจนเหมือนคนที่ไม่ได้รู้จักกับเธอ
หลังจากปล่อยให้ตัวเองฟุ้งซ่านไปได้สักระยะหนึ่ง ในที่สุดรถประจำทางที่รอคอยก็มาถึง
หญิงสาวไม่รอช้า รีบขึ้นรถคันนั้น เพื่อเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยทันที
สำหรับมะนาว นี่คือการเดินทางอันยาวนาน เพราะเธอต้องฝ่ารถติด มลพิษภาวะต่าง ๆ เป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง กว่าที่จะไปถึงมหาวิทยาลัยที่เธอเรียนอยู่ ก็สายโด่งแล้ว
แต่เนื่องจากวันนี้ เธอมีเรียนประมาณสิบโมง จึงไม่ได้เป็นปัญหามากนัก
หลังจากมาจากรถเมล์แล้ว เธอก็เดินเท้าต่ออีกประมาณสิบนาที ก็มาถึงมหาวิทยาลัย และพบว่าเพื่อนสนิททั้งสองคนของเธอกำลังนั่งเล่นอยู่ที่ม้าหินอ่อนหน้าตึกคณะ
หญิงสาวไม่รอช้า รีบสับเท้าเดินเข้าไปหาคนทั้งคู่พร้อมด้วยรอยยิ้ม
คนแรกเป็นผู้หญิง ชื่อว่าผ้าแพรเธอมีหน้าตาสวยแต่พูดมาก ส่วนอีกคนเป็นผู้ชาย ชื่อว่ากองพลเป็นเด็กหนุ่มตัวสูง พูดน้อย ท่าทางเนิร์ด ๆ ซึ่งทั้งสามคนสนิทกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง
ทั้งทีที่ผ้าแพรเหลือบมาเห็นมะนาว ก็รีบยกมือทักทาย และทำให้กองพลหันมาเช่นกัน
“อ้าวมะนาวมาแล้วเหรอ” กองพลเอ่ยทักเสียงเรียบ ๆ
“อื้ม เมื่อเช้ารถติดมากเลย นึกว่าจะมาไม่ทันซะแล้ว” มะนาวตอบพลางยิ้มให้ทั้งคู่
รอยยิ้มสวย ๆ ของผู้หญิงที่ชื่อมะนาวทำให้กองพลรู้สึกเก้อเขิน ถึงกับต้องแอบหลบตา ส่วนผ้าแพรก็เอาแต่จ้อไม่สนใจใคร ตามประสาผู้หญิงพูดเก่ง
“นี่ยัยมะนาว วันก่อนฉันเจอผู้ชายคนนึงด้วย หล่อมาก แต่ดูแล้วน่าจะอายุเลยสามสิบไปแล้ว ไม่รู้ว่ามีเมียหรือยัง แต่ดูจากหน้าตาแล้วก็น่าจะไม่เหลือ ฉันเสียดายมากเลย”
“หืม?” มะนาวเลิกคิ้วประหลาดใจไปกับเพื่อน “ใครเหรอ ฉันรู้จักไหม?”
“เอ… ฉันว่าไม่น่านะ ฉันแค่บังเอิญเจอเขาที่ปั๊มน้ำมัน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร”
“อ้าว…” ทั้งมะนาวกับกองพลร้องออกมาอย่างงุนงง
ถึงจะเป็นเรื่องปกติที่ผ้าแพรมักจะขุดค้นเรื่องนั้นเรื่องนี้มาพูด แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงขนาดที่ไปแอบปั๊งหนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้ในปั๊มน้ำมัน แล้วถึงขนาดเก็บเอามาเล่าให้เพื่อนฟัง
“อืม… อันที่จริง ผู้ชายอายุสามสิบนี่ก็วัยกำลังมีเสน่ห์เลยนะ”
มะนาวกล่าวเสริมคำพูดของผ้าแพร แต่แล้วเพื่อนสาวก็สังเหตุเห็นสิ่งผิดปกติ
“แต่จะว่าไป มะนาวฉันว่าแกหน้าซีด ๆ ไปเยอะเลยนะ ไม่สบายหรือเปล่าเนี่ย?”
ผ้าแพรวกกลับมาถามมะนาวดูบ้าง เพราะเห็นว่าเพื่อนดูท่าทางไม่ค่อยดี
มะนาวคลี่ยิ้มแล้วตอบกลับ “เพราะฉันเป็นวันนั้นของเดือนน่ะ เลยรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร แล้วก็ไม่ได้แต่งหน้าด้วย หน้าซีด ๆ ไปใช่ไหม แต่ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก”
ทางด้านกองพลเขาเห็นใบหน้าหญิงสาวซีดเซียวตั้งแต่แรกแล้วแต่ไม่กล้าทัก พอเพื่อนอีกคนทักขึ้นมา จึงได้ตัดสินใจเอ่ยถามบ้าง ตามประสาผู้ชายที่ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากนัก
“มะนาว แล้วเธอกินยาหรือยัง?”
มะนาวหันไปยิ้มให้กองพล “อื้ม กินเรียบร้อยแล้วล่ะ”
หลังจากพูดคุยกันไปได้สักพักหนึ่ง ก็ใกล้ได้เวลาเข้าห้องเรียน นักศึกษาทั้งสามคนจึงต้องรีบเก็บข้าวของทั้งหมดลงกระเป๋า แล้ววิ่งขึ้นห้องเรียนไปรออาจารย์เข้าสอนพร้อมกัน
ทางด้านของภูวดล หลังจากเร่งเครื่องยนต์จนมาถึงบริษัท เขารีบก้าวเท้าเข้าไปภายใน พลันร่างโปร่งระหงของหญิงสาวผู้เป็นเลขานุการของเขาก็ปรี่เข้ามาโค้งทักทาย
“ท่านค่ะ มีเอกสารต้องเซ็นค่ะ”
ไม่พูดเปล่า ยังรีบยื่นเอกสารที่กล่าวถึงมาให้แก่ผู้เป็นนายอย่างว่องไว
แม้ว่าคนทั้งคู่จะกำลังเดินอยู่ แต่ชายหนุ่มก็รู้ว่างานในบริษัทของเขาที่กำลังเติบโตนั้น ยุ่งวุ่นวายแค่ไหน จึงรีบกลับเอกสารมาอ่านดูคร่าว ๆ แล้วลงลายเซ็น ก่อนจะส่งคืนให้เลขา
เมื่อรับลายเซ็นมาตรวจสอบดูให้ดีแล้ว ชายหนุ่มก็พูดต่อ
“เอ่อท่านคะ อีกไม่นานจะถึงเวลาประชุมแล้วนะคะ”
ภูวดลได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด แม้ว่าเขาจะไม่ใช้อารมณ์ในการทำงาน แต่เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละวันก็ยากเย็นจนเขาต้องลงไปแก้ไขด้วยตัวเอง
“รู้แล้ว” เขาตอบเลขาไปแค่นั้น ก่อนจะเร่งฝีเท้ารีบตรงไปยังห้องประชุมทันที
ภายในห้องประชุม มีการนำเสนอสินค้าและบริการใหม่ ๆ เกี่ยวกับการตกแต่งภายใน ซึ่งต้องใช้ทักษะในการออกแบบและมีราคาค่อนข้างสูง ภูวดลจึงต้องตัดสินใจเองทั้งหมด
หลังจากจัดการเรื่องราวภายในห้องประชุมทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้สั่งงานกับเลขานุการส่วนตัว เพื่อให้เตรียมเอกสารสัญญาของคู่ค้ารายใหม่ทั้งหมดมาให้
ก่อนที่ตัวเองจะเดินออกจากห้องประชุมไปอย่างว่องไว และกลับไปยังห้องทำงานของตนเอง เพื่อนเร่งเคลียร์งาน และตรวจสอบเอกสารที่ทุกฝ่ายส่งมาเช่นทุกวัน