Story By Tanagrid Chongkittiraks
author-avatar

Tanagrid Chongkittiraks

bc
เทพระลึกชาติ 1
Updated at May 20, 2022, 17:17
เด็กชายระลึกอดีตชาติได้ แต่ฝันจากชายชราผมขาวโพลนในอาภรณ์ขาว ได้กำหนดให้เขาต้องหยุดความพินาศย่อยยับจากฝันอันน่าสะพึงกลัว ชีวิตคนเราไม่เที่ยง ขึ้นกับบุญวาสนาสะสมจากปางก่อนคงเป็นเช่นนั้นจริง ผมเทวเนตรคงทำกรรมดีจากชาติก่อนมาพอสมควร ชะตาชีวิตชาตินี้จึงสุขสบายดี แต่อีกนั่นแหละ เพราะกรรมดีอาจสะสมไม่มากพอ ชีวิตชาตินี้จึงสั้น จบไม่สวยนัก ผมเป็นลูกชายคนเดียวจึงเป็นที่รักอย่างมากของพ่อแม่ ทุกคนชมว่าผมหล่อเพราะตาโตมีประกายแวววาวแสดงถึงความมุ่งมั่น เป็นเด็กขี้อ้อนชอบให้พ่อและแม่กอดแต่เด็ก ครั้นโตขึ้น อุปนิสัยแก้ไม่หายอย่างหนึ่ง คือชอบก้มหน้าเอามือซ้ายเสยผมเวลาเขิน แต่ความที่ตัวสูงและผอมมาก เพื่อน ๆ จึงตั้งฉายาผมว่า ‘ไอ้ก้าง’ ศุกร์ที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๓๔ อีกสัปดาห์เดียวก็จะอายุสิบห้าแล้ว วันนี้ พ่อมารับผมที่โรงเรียนเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปรับแม่ที่โรงพยาบาลเพราะแม่อาเจียนไม่หยุด วันนั้นเป็นวันที่เรียนอะไรไม่รู้เรื่องเลย เหมือนมีบางสิ่งเป็นลางร้าย เช่น นั่งเหม่อลอยในชั้นจนปากกาหล่นพื้นไม่รู้ตัว ระหว่างทานมื้อเที่ยงอยู่ดี ๆ ก็สำลักอาหารจนจุก ที่น่าแปลกคือ เห็นแสงวูบวาบในสมองเป็นระยะ ๆ ที่ไม่เคยเกิดมาก่อน สร้างความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวให้คิดถึงพ่อและแม่ตลอดทั้งวัน พุทธมณฑลสายสองเวลานั้นถนนบางช่วงกำลังอยู่ระหว่างปรับปรุง เมื่อถึงช่วงซ่อม รถเราจะขับได้ช้าทำให้ใจพ่อร้อนรนพิกล และเมื่อผ่านพ้นช่วงนั้นแล้วรถจะน้อย พ่อก็ถอนหายใจโล่งพร้อมเร่งความเร็วเต็มพิกัด “พ่อ” ผมตกใจตะโกนเรียกพ่อลั่นเมื่อจู่ ๆ มีหมาดำวิ่งตัดหน้ารถ พ่อหักพวงมาลัยหลบไปทางขวาทันที ด้วยความเร็วขณะนั้นรถจึงเสียการควบคุม ผมรับรู้ได้จากหน้ารถว่าตัวหมุนติ้วเคว้งคว้างไปยังอีกฟากฝั่งถนน จากนั้นโลกกลับหัวกลับหางพลิกกลับหลายตลบ ตามด้วยเสียงดังเหมือนโลกแตกเป็นเสี่ยงคล้ายเสียงระเบิดเป็นระลอก ๆ ผมร้องเรียกหาพ่อ พลันรู้สึกอุ่นใจทันทีด้วยกลิ่นคุ้นเคยในอ้อมกอด แต่ความเร็วของรถที่ตีลังกากระแทกพื้นถนน ทำให้พ่อกระเด็นหลุดจากตัวผมอีกครั้ง พ่อพยายามโผกลับมากอดผมอีก ปากร้องตะโกน “ขอพ่อกอดอีกครั้ง ...ขอพ่อกอดอีกครั้ง” สมองผมพลันดับวูบดำมืดมิด พร้อมกระหายอ้อมกอดพ่อไม่เคยจาง หรือผมฝัน! เพราะมีควันสีเทาลอยล่องไปทั่ว เห็นฝูงชนชุลมุนวุ่นวายนำพ่อออกจากซากรถบู้บี้วางกับพื้น ปิดร่างพ่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ จึงรู้ว่าจะไม่มีอ้อมกอดพ่ออีกต่อไป และต้องตกใจเมื่อสัมผัสได้ว่า ตกอยู่ในอ้อมกอดชายชราผมขาวโพลนในอาภรณ์ขาว รัศมีเปล่งปลั่งทั่วร่างจนเห็นหน้าไม่ชัดนัก ผมอยากให้แม่กอดตอนนี้ แทนชายชราผู้นี้ จึงร้องสุดเสียงเหมือนเด็กเล็ก “แม่... แม่คร้าบบบ... แม่อยู่หนายยย” จากนั้น ตะโกนเรียกหาแม่อีกนับพันครั้งท่ามกลางหมอกควันสีเทารอบตัว นั่นคืออารมณ์อันแสนอ้างว้างเหมือนถูกทอดทิ้ง ณ ขณะนั้น กระทั่งควบคุมตัวเองได้ สามารถล่องลอยอย่างมีจุดหมาย มองผู้คนขวักไขว่ต่างทำธุระตน เห็นทารกเกิดใหม่ไม่เว้นแต่ละวันยิ่งทำให้ต้องการแม่เหนืออื่นใด ทันใด มีนารีองค์หนึ่งปรากฏกายอ้าแขนพูดว่า “แม่รออยู่นะ” พร้อมแสงวาบจากฟากฟ้าผ่าเข้ากลางศีรษะ สุดท้ายจำได้ว่านอนขดตัวอยู่ในห้องอันแสนอบอุ่นและเปี่ยมด้วยความรัก จากนั้นจำอะไรไม่ได้อีกเลย นอกจากเลือดของความเป็นนักสู้ที่จำได้ ...ขณะนั้น ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมชื่ออะไร!
like