กลิ่นของบางสิ่งลอยมาตามสายลม กลิ่นเหมือนที่เขาได้กลิ่นในความฝัน กลิ่นเครื่องหอมอ่อนจางเคล้ากลิ่นเนื้อนาง กลิ่นติดตรึงบนเรือนกายสตรี กลิ่นหอมหวานชวนดอมดมซุกไซร้ขบชิมลิ้มเลียทั่วทุกสรรพอณู รอยลิ้นลากผ่านผิวกายนุ่มละมุน เสียงครางหวานกระเส่ากระสันยามถูกลิ้นรุกรานบนติ่งเนื้อกลางกลีบสาว น้ำใคร่หวานหอมชุ่มฉ่ำยามเขาตวัดลิ้นดูดชิม ละเลงลิ้นปาดเลียบดเม็ดเสียวของนางจนต้องแอ่นสะโพกรับจังหวะลิ้นร้ายกาจ
เพียงนึกภาพฝัน ท่อนเอ็นกลางกายบุรุษกลับแข็งเกร็งเหยียดขยาย
หลันเฟิ่งจงกลืนน้ำลายลงคอ พยายามสลัดภาพลามกในห้วงสำนึกออกให้พ้นจากความคิดของตน พลันเขาได้ยินเสียงหัวเราะหวานแว่วคล้ายดังมาจากที่อันแสนไกล
เสียงหัวเราะของนาง
เสียงนั้นดังใกล้เข้าและไกลออกไปสลับก้องซ้ำซากอยู่ในหัวอย่างล่อหลอกยั่วเย้า
"ออกมาเสียทีเถิดนางจิ้งจอก" เขาเอ่ยเสียงต่ำ มองป่ามืดมิดโดยรอบ
สายตาแข็งกร้าวเพ่งมองเบื้องหน้า ก่อนกระตุกยิ้มขึ้นอย่างชั่วร้าย
หลันเฟิ่งจงเป็นหลานชายเพียงคนเดียวของราชครูหลันอี้ สิ่งที่สืบทอดต่อกันมารุ่นสู่รุ่น มิเพียงแต่พลังยุทธเป็นเลิศแต่สิ่งที่แข็งแกร่งกว่าคืออาคม
หากมองผิวเผิน หลานชายราชครูเป็นเพียงมือปราบขั้นห้า ตำแหน่งนับว่ามิได้ใหญ่โต แต่สิ่งที่เขามีเหนือผู้อื่นคือป้ายอินทรีย์ทอง ป้ายทองพระราชทานอันมอบแด่ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อบ้านเมืองอย่างมิอาจเปิดเผยตัวตน
เขามีตำแหน่งพิเศษเป็นหัวหน้าหน่วยอินทรีย์พิฆาต สืบเรื่องอันสมควรปกปิด กลบฝังเรื่องราวอันไม่น่าเปิดเผย สืบหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องลึกลับที่หน่วยอื่นมิสามารถทำได้
งานหลักของหลันเฟิ่งจงมิได้ต่างจากหัวหน้ากองโจร เขาทำงานทุกรูปแบบให้กับราชสำนักโดยมีค่าจ้างสูงลิบตอบแทนเป็นทองคำ
ตำแหน่งมือปราบเป็นเพียงตำแหน่งบังหน้าเท่านั้น
งานหินอย่างเรื่องการสืบความสิ่งประหลาดลึกลับ เขายินดีรับเพราะค่าจ้างจากเจ้าเมืองคือทองคำก้อนถึงสี่หีบ บุรุษผู้รักแสงตกกระทบของทองคำจะไม่รับงานนี้ได้อย่างไร
สิ่งที่สำคัญกับบุรุษอย่างหลันเฟิ่งจงมีเพียงเงินทอง
เมื่อไล่ผู้ติดตามกลับไปแล้ว เพื่อให้เรื่องน่าสะพรึงเป็นความลับขึ้นอีกสักเล็กน้อย เขาอยากทำงานกับลูกสมุนคู่ใจเสียมากกว่า
บุรุษหนุ่มอายุยี่สิบห้าปี แข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ พลังยุทธของเขามิเป็นรองผู้ใด อาคมในกายกล้าแกร่งยิ่งกว่านักพรตของราชวงศ์
เสียงหัวเราะแว่วหวานดังเย็นยะเยือกในห้วงคำนึงซ้ำ ๆ นางหัวเราะยั่วเย้าเขาอีกครา
"ข้าสั่งให้เจ้าออกมา!" เสียงเข้มตวาดก้องทั่วผืนป่า
ไร้การปรากฎกายของนางผู้ยั่วเย้ามีเพียงกลิ่นกายหอมอ่อนบางเคล้าเสียงหัวเราะหวานไหวอย่างอารมณ์ดีคลอกับเสียงลม
"หากเจ้าไม่ออกมาแต่โดยดี ข้าจะเผาบ้านของเจ้า เผาป่าแสนน่าชังให้แหลกเป็นผงธุลี"
มือปราบหนุ่มมิได้พูดขู่เพียงวาจา เขาหยิบขลุ่ยทองคำสลักลายอสรพิษขึ้นมาเป่าเรียกหน่วยเงาอินทรีย์ ร่างเงาสูงใหญ่ปรากฎเป็นสายขึ้นอย่างรวดเร็ว บุรุษร่างสูงกำยำราวสิบคนสวมผ้าคลุมหน้ายืนรอรับคำสั่งผู้เป็นนาย
"ตั้งค่ายกลเพลิงโลกันต์ " เขามองไปยังป่าเบื้องหน้าอย่างไม่หวังดี
หลันเฟิ่งจงลงจากหลังอาชาตัวใหญ่ นำคบไฟในถุงหนังข้างอานม้าปักบนพื้นดินจำนวนเก้าคบไฟ
ชายหนุ่มควักมีดสั้นในอกเสื้อกรีดกลางฝ่ามือของตน ก่อนหลั่งเลือดลงตรงจุดศูนย์กลางคบไฟเพื่อสร้างค่ายกลเพลิงโลกันต์ขึ้นบนผืนดินหน้าป่าอาถรรพ์
ผู้มีอาคมแข็งแกร่งมีไม่มากนักในแผ่นดิน หนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สุดคือหลันเฟิ่งจงผู้เป็นหัวหน้าหน่วยอินทรีย์
ชายฉกรรจ์ผู้รอรับคำสั่งกางเชือกสีแดงห้อยกระพรวนทองคำตวัดกลางค่ายกลอย่างรวดเร็วกลายเป็นดวงดาวเก้าแฉกส่องแสงเรืองรอง
"ข้าจะย่างนางทั้งเป็น" มือปราบหนุ่มกล่าวออกมาอย่างเหี้ยมเกรียม