มันก็อิ่มเหมือนกัน

1337 Words
ห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่เคยว่างเปล่า ตอนนี้เต็มไปด้วยข้าวของกระจัดกระจาย เพราะเจ้าของห้องคนใหม่ไม่มีเวลาที่จะจัดข้าวของเครื่องใช้ให้เข้าที่ หลังจากเรียนจบและต้องย้ายออกจากหอพักที่หน้ามหาวิทยาลัย เมญาวีหรือเมยก็ต้องมาเช่าหอพักเล็ก ๆ เท่ารูหนูอยู่ เพราะเธอยังไม่อยากจะกลับไปที่บ้านตามคำชวนของมารดา อันที่จริงแล้วมารดาของเธออยากให้กลับไปหางานทำที่บ้านเกิดแต่เมญาวีอยากลองหางานทำที่กรุงเทพก่อน หญิงสาวเรียนจบปริญญาตรี สาขาบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่งด้วยเกรดที่ไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ การหางานจึงยากกว่าเพื่อนคนอื่น แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ ไม่ว่าจะมีประกาศรับสมัครที่ไหนหญิงสาวก็ไปยื่นใบสมัครไว้ทุกที่ ในแต่ละวันเมญาวีแทบไม่ได้อยู่ห้องเลย ข้าวของเครื่องใช้ที่ย้ายมาจากหอพักจึงยังไม่ถูกเก็บเข้าที่ “เมย ให้รินช่วยฝากงานให้ไหม” รินรดาเพื่อนสนิทเพียงของหญิงสาว ทนดูไม่ได้กับสภาพของเพื่อนในตอนนี้ “ไม่เป็นไรริน เมยอยากลองหางานด้วยตัวเองก่อน” “นี่มันเดือนหนึ่งแล้วนะ ที่เมยเป็นแบบนี้” “เอาน่า ถ้าเมยไม่ไหวจริง ๆ เมยจะบอกนะ” “แต่ที่รินเห็นมันก็แทบจะไม่ไหวแล้วนะ ได้กินข้าวบ้างหรือเปล่า” “กินสิ” “เหรอแล้วกินที่ไหนล่ะ รินถามป้าร้านข้าวข้างล่างแล้ว ป้าบอกว่าเมยไม่แวะที่ร้านแกมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ” “แหม เมยก็ไปกินร้านอื่นบ้างสิ” “เอาจริงนะเมย มีเงินพอใช้ไหม เอาของรินก่อนได้นะ” รินรดารู้ว่าตั้งแต่เรียนจบแม่ของเพื่อนไม่ได้ส่งเงินมาให้อีกเพราะอยากให้ลูกสาวกลับไปทำงานใกล้ ๆ บ้าน “ยังพอมี” “แล้ววันนี้กินข้าวกับอะไรเหรอ” “แซนด์วิช” “เมยจะกินแต่แซนด์วิชไม่ได้นะ” “ไม่เป็นไรหรอกน่า กินอะไรมันก็อิ่มเหมือนกัน เมยไม่อยากเสียเวลา” “ห่วงตัวเองบ้างนะเมย แล้วนี่ไปสมัครมากี่บริษัทแล้ว” “ไม่รู้สิ เมยไม่ได้นับ” “แล้วมีที่ไหนเรียกตัวแล้วบ้าง” “ก็มีบ้างแต่งานไม่ตรงสาย เมยเลยเอาไว้ก่อน” มีหลายบริษัทที่เรียกเธอเข้าไปสัมภาษณ์แต่พอไปถึงแล้วเมญาวีก็ต้องรีบปฏิเสธ ไม่ใช่เพราะเธอเลือกงานแต่เธอเลือกเจ้านายมากกว่า ล่าสุดที่เธอไปสัมภาษณ์ หญิงสาวเกือบจะตอบตกลงอยู่แล้ว แต่จังหวะที่กำลังจะออกจากห้อง ผู้บริหารวัยห้าสิบกว่าก็เอามือมาจับบั้นท้ายของเธอ เมญาวีรีบวิ่งออกมาจากที่นั่นและไม่คิดที่จะกลับไปอีกเลย “เมย เย็นนี้เราไปหาอะไรกินกันนะ เดี๋ยวรินเลี้ยงเอง” “ไม่เป็นไรริน เมยเกรงใจ” “เมย รินเบื่อที่ต้องนั่งกินอะไรคนเดียว เมยไปกับรินนะ สัญญาจะไม่เข้าร้านแพง ๆ ให้เมยต้องลำบากใจ” “งั้นกินส้มตำกันไหม” “ได้สิ เมยรีบอาบน้ำแต่งตัวเลยนะจะได้รีบไปกัน” หลังจากออกจากร้านส้มตำเล็กๆ ที่เคยทานด้วยกันเป็นประจำ เมญาวีก็แยกกับเพื่อนที่หน้าร้าน หญิงสาวไม่อยากให้รินรดาเสียเวลาไปส่งที่หอพัก เพราะจากที่นี่นั่งรถเมล์เพียงสองป้ายก็ถึง เธอแวะที่ร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอยหญิงสาวเลือกซื้อขนมขบเคี้ยวและน้ำดื่ม ระหว่างรอชำระเงินก็ยืนมองห่อขนมในมือแล้วก็นึกถึงเรื่องราวในอดีต เมญาวีจำเหตุการณ์วันนั้นได้ไม่มากเท่าไหร่เพราะมันผ่านมานานแล้ว แต่สิ่งที่ยังจำได้ดี ก็คือขณะที่เธอกำลังร้องไห้เพราะโดนเพื่อนล้อว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ ก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาปลอบเธอ เอาขนมให้เธอกิน เด็กผู้ชายคนนั้นบอกกับเธอว่าเขาเป็นลูกชายเจ้าของโรงงานผลิตขนม ‘จริงเหรอคะ’ ‘จริงสิ พี่จะหลอกเธอทำไม’ ‘หนูอิจฉาพี่จังได้กินแต่ขนมอร่อย ๆ แน่เลย’ ‘ถ้าไปเที่ยวกรุงเทพอย่าลืมแวะไปหาพี่นะ พี่จะเอาขนมอร่อย ๆ ให้กิน แต่ต้องกินให้เรียบร้อยนะ ไม่ใช่เลอะอย่างนี้’ เด็กชายล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกงของตนเองมาเช็ดให้ ‘พี่ใจดีจัง ถ้าโตขึ้นหนูจะแต่งงานกับพี่นะคะ’ ‘เพราะพี่ใจดีเหรอ’ ‘เพราะหนูอยากกินขนมเยอะ ๆ’ ‘พี่สัญญาว่าจะแต่งงานกับเธอ แต่ตอนนี้เธอต้องเลิกร้องไห้ก่อน” เด็กชายวัย 12 ปีให้สัญญากับเด็กหญิงผมเปียซึ่งตอนนั้นเธอเพิ่งมีอายุเพียง 6 ปี เมญาวีจำได้แค่นั้น เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพี่ชายใจดีคนนั้นเลยนอกจากรู้แค่ว่าพ่อของเขาเป็นเจ้าของโรงงานผลิตขนม “278 บาทค่ะ” เสียงพนักงานร้านสะดวกซื้อปลุกหญิงสาวให้ออกจากภวังค์ เธอรีบจ่ายเงินแล้วก็เดินกลับหอพักซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในซอย เมญาวีไม่รู้ว่าพี่ชายใจดีคนนั้นจะจำเธอได้หรือเปล่าถ้าได้เจอกันอีกครั้ง แม้จะเป็นความทรงจำในช่วงเวลาที่แสนสั้นแต่มันก็ทำเธอยิ้มได้ทุกครั้งที่นึกถึง ถ้ามีโอกาสได้เจอพี่ชายคนนั้นอีกครั้งเธอก็อยากจะลองทวงสัญญานั้นดูสักครั้ง ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะยังจำสัญญาที่ให้ไว้กับเธอได้หรือเปล่า แต่สำหรับเธอนั้นจำได้ดี เธออยากเป็นเจ้าสาวของเขาไม่ใช่เพราะว่าเขามีขนมให้เธอเยอะ ๆ แต่เพราะเธอประทับใจเขาคอยปลอบเธอจนหยุดร้องไห้ พอกลับมาถึงหอพักเมญาวีก็อาบน้ำเตรียมตัวเข้านอนเนื่องจากพรุ่งนี้เธอจะออกไปหาสมัครงานอย่างเคย พอล้มตัวลงนอนเสียงสมาร์ทโฟนก็ดังขึ้น เมื่อเห็นชื่อคนโทรเข้าหญิงสาวก็หน้าเครียด “สวัสดีค่ะแม่ คิดถึงแม่จังเลย” คนที่กำลังนอนกลิ้งไปมาส่งเสียงอ้อนไปตามสาย “คิดถึงก็รีบกลับมาอยู่กับแม่สิเมย” เพชรลดาพูดกับลูกสาวทุกครั้งที่โทรมาหาหลังจากที่เมญาวีเรียนจบ เธออยากให้ลูกสาวเพียงคนเดียวกลับไปอยู่ใกล้ ๆ ครอบครัวของเธอไม่ได้ลำบากเรื่องเงินเลย เพชรลดากับสามีใหม่ช่วยกันทำงานที่ไร่ มีทั้งข้าวโพด ข้าวสาลี หญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์ซึ่งภายในไร่ของเธอเลี้ยงโคนมไว้อีกนับร้อยตัว “แม่คะ เมยขอเวลาอีกเดือนหนึ่งได้ไหมคะ” “อีกเดือนเดียวนะลูก ถ้าหนูยังหางานทำไม่ได้หนูต้องกลับมาช่วยแม่กับลุง” “แม่คะ เมยจบบริหารนะคะ แต่คุณลุงกับแม่ทำไร่นะคะ มันคนละอย่างกันเลยนะคะ” “หนูก็เอาความรู้ที่เรียนมาช่วยบริหารงานในไร่ไงลูก คนงานเราก็เยอะแยะ แม่ไม่ได้ให้หนูลงไปทำงานเองสักหน่อย” “ขอเวลาเมยนะคะ ถ้าครบเวลาแล้วเมยจะกลับไปอยู่กับแม่กับลุงนะคะ” “สัญญานะลูก” “ค่ะแม่ เมยสัญญา เมยรักแม่นะคะ” “แม่ก็รักเมยนะลูก ดูแลตัวเองด้วย แม่โอนเงินไปให้แล้ว” “ขอบคุณค่ะแม่” พอเห็นจำนวนเงินเมญาวียิ้มกว้าง ในที่สุดมารดาก็ใจอ่อนโอนเงินมาให้เธอใช้ ถ้าใช้จ่ายอย่างประหยัดเธอก็อยู่หางานที่นี่ได้อีกหลายเดือนเลยทีเดียว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD