1 ถุงเท้าเป็นเหตุ

1513 Words
“พี่เพทาย” ก๊อก ก๊อก ก๊อก !!!! “พี่เพทายคะตื่นหรือยังคะ” ก๊อก ก๊อก ก๊อก !!!! แครก !!!! ”มีอะไร“ ชายหนุ่มตัวสูงกำยำ ที่ตอนนี้มีเพียงบ๊อกเซอร์ตัวเดียวที่ปกปิดส่วนล่างของเขาไว้ เปิดประตูออกมาพร้อมกับเสียงเข้มของพี่เพทายตะคอกถามฉัน พร้อมทั้งยืนหรี่ตามองลงมาที่ฉัน น่าจะเพิ่งตื่นหลังจากที่ฉันเคาะประตูเรียกพี่เพทายอยู่นาน กว่าพี่เพทายจะเปิดประตูออกมาให้ฉัน ฉันรู้แหละว่าประตูของเขาไม่ได้ล็อก แต่ฉันก็กลัวว่าถ้าฉันเปิดเข้าไปเลย ฉันอาจจะเห็นพี่เพทาย ในสภาพที่ไม่ใส่อะไรเลยก็ได้ ฮื้ย.. !! แค่คิดก็ขนลุก ”พี่เพทายเห็นถุงเท้าหนูไหมคะ“ “โอ้ย..ของขวัญเธอปลุกฉันเพราะแค่หาถุงเท้าเนี่ยนะ” “ค่ะก็ถุงเท้าหนูมันหายไปค่ะ พี่เพทายได้เก็บของหนูมาบ้างไหมคะ” “โธ่..เอ้ย..ไม่เห็น” พี่เพทายลืมตาโตมองมาที่ฉัน ขมวดคิ้วลงพร้อมทั้งหน้าดุใส่ฉัน ก่อนจะปิดประตูลงเสียงดังลั่นบ้าน ปั้ง !!!!! “ถามแค่นี้ทำไมต้องตะคอกใส่หน้าหนูด้วยเนี่ย” ฉันตะโกนกลับไป หลังจากที่ประตูห้องถูกปิดลง ฉันขอแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการก่อนนะคะ ฉันชื่อของขวัญ ฉันอายุ 19 ปี ส่วนสูง 160 สถานะโสดแล้วก็ซิง รูปร่างหน้าตาของฉันอยู่ในระดับที่ถือว่าสวย สวยแบบไทยแท้ผิวขาว แล้วฉันก็มีหุ่นที่เป็นหุ่นนาฬิกาทราย ฉันมีหน้าอกที่ใหญ่เกินตัวมาก แล้วก็มีก้นที่งอลเด้งสวยได้รูป จัดว่าเป็นหุ่นในฝันของผู้หญิงหลาย ๆ คนเลยละ ฉันเพิ่งจะย้ายมาจากอังกฤษ เพื่อมาเรียนต่อที่ประเทศไทย เหตุผลที่ฉันย้ายมาเรียนต่อที่นี่ เพราะว่าฉันไม่ชอบอยู่ที่ต่างประเทศ ฉันชอบประเทศไทยมากกว่า และฉันก็อยากที่จะเรียนที่ประเทศไทย ฉันจึงขอพ่อกับแม่ของฉันย้ายมาที่นี่ พ่อฉันให้ย้ายมาตามที่ฉันต้องการ แต่มีข้อแม้ว่าฉันจะต้องมาอยู่กับลูกชายของเพื่อนพ่อ ที่พ่อของฉันไว้ใจที่สุด เพราะพ่อของฉันย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อังกฤษหมดแล้ว ฉันก็เลยไม่มีบ้านที่นี่เลย ฉันย้ายไปเรียนที่อังกฤษตั้งแต่อายุ 15 ปี ก็เท่ากับว่าฉันไปอยู่ที่โน่น 3 ปี ฉันไม่ชินกับการใช้ชีวิตที่โน่นเลย ระยะเวลา 3 ปีที่ฉันอยู่ ไม่ได้ทำให้ฉันผูกพันเลยซักนิด ฉันก็เลยตัดสินใจกลับมาใช้ชีวิตที่ไทยดีกว่า ฉันเคยขอพ่อฉันไปอยู่ที่คอนโด แต่พ่อไม่ยอมแล้วก็ถ้าฉันไม่มาอยู่กับพี่เพทาย พ่อก็จะไม่ให้ฉันย้ายมาด้วย ฉันก็เลยต้องจำยอมทำตามที่พ่อฉันสั่ง จนกว่าฉันจะเรียนจบโน่นแหละ แล้วผู้ชายหน้าดุเสียงเข้มเมื่อซักครู่ ก็คือพี่เพทายลูกชายของเพื่อนพ่อฉัน ที่พ่อฉันฝากฝังฉันไว้นั่นแหละ พี่เพทาย อายุ 21 ปี ส่วนสูงน่าจะราวๆ 185 ได้มั้ง ส่วนสถานะฉันเองก็ไม่รู้ เพราะฉันก็เพิ่งจะย้ายเข้ามา พี่เพทายมีหน้าตาที่จัดว่าหล่อมาก ฉันมาเจอพี่เขาวันแรก ฉันยังแอบชมเลยว่าพี่เขาหล่อมาก หล่อเหมือนเทพบุตรในนิยายเลย ผิวขาวตาคมจมูกโด่งกำลังดี แต่เสียดายหน้าดุไปหน่อย แล้วก็เจ้าระเบียบไปนิดนึง ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ประมาณ 1 อาทิตย์แล้ว ฉันยังไม่เคยเห็นพี่เพทายจะพูดดีๆ หรือว่ายิ้มให้กับฉันเลยซักครั้ง นี่แหละมั้งที่เขาเรียกว่าเสือยิ้มยาก ก็หน้าจะเป็นแบบพี่เพทายนี่แหละ พ่อเคยบอกฉันว่าพี่เพทายมีธุระกิจที่นี่ต้องดูแล ก็เลยต้องเรียนที่นี่เพื่อที่จะดูแลกิจการ แทนคุณลุงอนุชาที่เป็นพ่อของเขา ส่วนคุณลุงอนุชาก็ไปดูแลกิจการที่อังกฤษ เหมือนจะเปิดผับนี่แหละมั้ง ฉันไม่ค่อยแน่ใจแล้วฉันก็ไม่ได้ถามเขาด้วย ปั้ง !!!!! เสียงปิดของประตูห้องดังจนฉันสะดุ้งตกใจ แล้วสายตาคมก็มองมาที่ฉัน ฉันมองดูพี่เพทายแค่แปบเดียว แล้วฉันก็ต้องหลบตา แต่แค่นั้นฉันก็เห็นความหล่อของพี่เพทายได้ชัดมาก เสื้อวิศวะสีแดงที่พี่เพทายสวมใส่ มันช่างดูหล่อซะเหลือเกิน ดูเข้ากันไปหมดคนอะไรจะหล่อได้ขนาดนี้กันนะ เฮ้อ..ใจของฉันมันเต้นระส่ำไปหมดแล้วละ ”เจอหรือยังถุงเท้าเจ้าปัญหาน่ะ“ ”เอ่อ..อืมจะ..เจอแล้วค่ะ“ ฉันตอบไปเสียงเบาๆ แล้วฉันก็ไม่กล้ามองหน้าพี่เพทายซึ่งๆ หน้าด้วย เพราะสายตาของเขาดุเกินกว่าที่ฉันจะกล้าสบตา “แล้วไหนถุงเท้าไม่เห็นจะได้ใส่เลย“ สายตาดุมองลงมาที่เท้าของฉัน แล้วฉันก็ต้องขยับเท้าเข้าหากันนิดหน่อย ก่อนที่ฉันจะก้มลงมองดูเท้าตัวเอง ”คือ..ถุงเท้าหนูเอาไว้ใส่นอนค่ะ ตอนกลางคืนแอร์มันเย็น“ ”แล้วเธอปลุกฉันตั้งแต่เช้า เพื่อหาถุงเท้าบ้าๆ เนี่ยนะ เฮ้อ..!!! “ พี่เพทายถอนหายใจแรงๆ แล้วก็ดูเหมือนว่าจะอารมณ์เสียขึ้นมาด้วย ”คือหนูแค่หาไม่เจอค่ะ หนูก็เลยถามดู“ ”คราวหลังรอให้ฉันตื่นก่อน แล้วค่อยถามเข้าใจไหม“ ”ขะ..เข้าใจค่ะ“ ฉันพยักหน้าลงเบาๆ แล้วฉันก็รู้สึกผิดด้วย ที่ฉันไปปลุกพี่เขาตั้งแต่เช้าแบบนั้น เพราะฉันคิดว่านี่เป็นวันเปิดเรียนวันแรก พี่เพทายหน้าจะตื่นแล้ว ฉันก็เลยไปเคาะประตูห้อง ฉันไม่คิดว่าเขาจะตื่นสายขนาดนั้น แครก !!!!! เพทายเดินออกนอกบ้านเพื่อที่จะไปขึ้นรถ โดยที่เขาไม่ได้บอกของขวัญเลยซักคำ คนตัวเล็กยังคงนั่งนิ่ง แล้วก็นึกขึ้นว่าตัวเองทำอะไร ก็ดูเหมือนจะไม่เข้าตาเขาเลยซักอย่าง “จะไปไหม” ของขวัญต้องสะดุ้งอีกครั้ง แล้วรีบดึงสติตัวเองกลับมา หลังจากที่เธอได้ยินเสียงของเพทาย ตะโกนเรียกเธอจากหน้าบ้าน “เออ..ไปค่ะๆ” “นั่งเหม่ออยู่ได้” เสียงบ่นของคนตัวสูงที่ตั้งใจบ่นให้เธอได้ยิน ก่อนจะเดินตรงไปที่รถของเขา ของขวัญรีบวิ่งตามหลังเขาไป เพราะเธอต้องอาศัยไปกับเพทายก่อน ระหว่างรอพ่อของเธอทำเรื่องซื้อรถให้ยังไม่เสร็จ “อืม..หนูขอโทษค่ะ“ ฉันรีบขอโทษพี่เพทาย หลังจากที่ฉันขึ้นมานั่งบนรถแล้ว ”……“ แต่พี่เพทายไม่ได้ตอบอะไรฉัน เขาเอาแต่ขับรถแล้วก็มองไปที่ด้านหน้าอย่างเดียว ”อืมลงตรงนี้แหละ“ ”อะ..อ้าวทำไมละคะ“ ฉันหันไปมองคนหน้านิ่งที่สั่งให้ฉันลงจากรถ ทั้งที่ยังไม่ถึงลานจอดรถ ”ก็ฉันบอกให้ลงตรงนี้ก็ลงตรงนี้แหละ“ ”แต่นี่มันหน้ามหาลัยอยู่ไม่ใช่หรอคะ“ ”ก็ลงแล้วก็เดินไป แล้วตอนเย็นก็เดินออกมารอฉันตรงนี้แหละ“ ฉันลงจากรถแบบงงๆ แล้วฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ให้ฉันนั่งไปจนถึงลานจอด แถมยังสั่งให้ฉันเดินออกมารอขึ้นรถตรงนี้ หลังเลิกเรียนอีกด้วย ”อะไรของเขา แค่นั่งรถเข้าไปด้วยจะตายหรือไง“ ฉันบ่นตามหลังไป หลังจากที่เขาขับรถออกไปแล้ว เพราะฉันไม่กล้าบ่นให้เขาได้ยินหรอก เดี๋ยววันหลังฉันจะไม่มีรถนั่งมาเรียนอีก ฉันเดินจากหน้ามหาลัย มาจนถึงด้านในก็ไม่ถือว่าไกลมาก แต่มันก็ทำให้ฉันเหนื่อยได้อยู่เหมือนกัน หลังจากที่ฉันเดินเข้ามาถึงด้านในแล้ว ฉันก็เดินตรงไปที่ร้านน้ำทันที เพราะตอนนี้ฉันคอแห้งมาก “พี่คะเอาชาไทยหนึ่งแก้วค่ะ” นี่เป็นชาไทยแก้วแรกของฉัน หลังจากที่ฉันกลับมาที่นี่ ฉันไม่ค่อยได้กินเลยตั้งแต่ที่ฉันไปอยู่ที่อังกฤษ เพราะมันหาซื้อได้ไม่ง่ายเหมือนอยู่ที่นี่ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผล ที่ทำให้ฉันกลับมาเรียนที่ไทย ฉันชอบอาหารไทยที่สุด กินอะไรก็อร่อยไปหมด “ได้แล้วค่ะ..” “เท่าไรคะ” ฉันถามพร้อมทั้งก้มลงหาเงินในกระเป๋าไปด้วย “40 บาทค่ะ” “นี่ค่ะ 40 บาท” หลังจากที่ฉันรับแก้วน้ำมาแล้ว ฉันก็รีบดูดกินทันที เพราะตอนนี้ฉันหิวน้ำมากๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD