ปลอดภัยจริงๆ ใช่ไหม

1214 Words
ขณะที่กำลังท่องไปในโลกโซเชียลอย่างเพลิดเพลินเดนิสาก็ไม่รู้เลยว่ามีคนแอบมองตนเองอยู่ตลอดจนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงหญิงสาวเริ่มเบื่อจึงหยิบขนมที่เตรียมมาจากบ้านขึ้นมาทานและเงยหน้าขึ้นเพื่อจะถามว่าติณณภพจะทานขนมกับเธอไหม หญิงสาวจึงเห็นว่าชายหนุ่มกำลังจ้องมาทางตนเองอยู่ “มีอะไรหรือเปล่าคะ หรือหนูรบกวนสมาธิอาหมอ” “เปล่าหรอก” “แต่อาหมอมองหน้าหนูอยู่นะคะ” “อาก็แค่สงสัยบางอย่าง” “สงสัยอะไรคะ” “สงสัยว่าหนูได้ตาสีฟ้ามาจากใคร” ติณณภพโกหกออกไปคำโตทั้งที่จริงตนเองกำลังแอบสังเกตพฤติกรรมของเธอ “ได้มากจากคุณพ่อค่ะ” เดนิสาชอบตาสีฟ้าของตนเองมากเพราะมันเป็นสิ่งที่เชื่องโยงระหว่างเธอกับบิดาที่ล่วงหลับไปนานแล้ว “อ๋อ” ติณณภพพยักหน้าเข้าใจ เขาไม่เคยเจอกับบิดามารดาของเดนิสามาก่อนเพราะเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน “อาหมอกินขนมไหมคะ” “อาไม่ชอบกินขนม” “เหมือนคุณยายเลยค่ะ คุณยายก็บอกว่าไม่ชอบกินขนมก๊อปแก๊ปพวกนี้” คำพูดของเดนิสาทำให้เขาชะงักเพราะไม่คิดว่าเธอจะเอาเขาไปเปรียบเทียบกับคุณยายซึ่งมีอายุมากกว่าเขาหลายสิบปี “แต่อาว่าลองกินหน่อยก็ดีนะ” เพราะกลัวจะถูกมองว่าแก่เหมือนคุณยายติณณภพเลยเดินมานั่งข้างๆ และหยิบขนมของเธอมาทาน “รสชาติก็ไม่เลวนะ แต่โซเดียมเยอะไปไหน่อย แบบนี้กินบ่อยๆ ไม่ดีต่อสุขภาพนะ” เขาเตือนออกไปตามสัญชาตญาณ “หนูรู้ค่ะ แต่กินแล้วมันหยุดไม่ได้ ปกติแล้วอาภพไม่กินขนมเลยเหรอคะแล้วเวลาอ่านหนังสือหรือทำงานไม่ง่วงแย่เหรอ” “อาก็กินกาแฟไง” “กาแฟไม่ดีต่อสุขภาพเหมือนกันนะคะ” “นั่นสินะ” เขาไม่รู้จะเถียงเดนิสายังไงเพราะสิ่งที่เธอพูดมันก็จริงแต่เขาก็มีลิมิตว่าวันหนึ่งจะดื่มกาแฟไม่เกินสองแก้วหรือบางวันก็ดื่มแค่แก้วเดียว “อาหมออยู่บ้านคนเดียวเหรอคะ” “ครับ” “ไม่เหงาเหรอคะ” เดนิสาเริ่มชวนคุยเพราะนั่งเงียบคนเดียวมาหนึ่งชั่วโมงก็เริ่มจะเบื่อ ปกติแล้วเธอเป็นคนร่าเร่งและมีเพื่อนเยอะมากแต่พอกลับมาที่นี่ก็ไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนที่อังกฤษเพราะเวลาไม่ค่อยตรงกันละเธอก็อยากลืมทุกอย่างที่นั่น “ก็นิดหน่อยนะ” อันที่จริงเขาอยากตอบว่าเขาชอบที่ได้อยู่คนเดียวเงียบๆ แต่ถ้าตอบแบบนั้นออกไปเดนิสาก็คงจะรู้สึกไม่ดีแน่ๆ ชายหนุ่มเลยเลือกตอบอีกอย่าง “อาหมออยากหายเหงาไหมคะ” คำถามมาพร้อมกับรอยยิ้มและแววตาเป็นประกาย “อยากสิ” เขาไม่รู้ว่าเดนิสาจะทำอะไรเลยยอมตามน้ำไปก่อน “ถ้างั้นวันที่อาหมอหยุดหนูจะมาอยู่เป็นเพื่อนหาหมอเองดีไหมคะ” เดนิสาพยายามหาทางออกให้กับตนเองเพราะรู้สึกว่าที่บ้านของคุณยายมันไม่ปลอดภัยเลยโดยเฉพาะวันหยุดเพราะอาณัติมักจะพาเพื่อนมาที่บ้านและพูดคุยกันเสียงดัง และเพื่อนบางคนของเขาก็มักจะพูดจาแทะโลม อาณัติไม่ได้ช่วยอะไรแถมยังผสมโรงไปกับเพื่อนอีกด้วย แต่จะอยู่ที่ร้านตลอดคุณยายกับน้าของเธอก็อยากให้หญิงสาวได้มีเวลาทบทวนบทเรียนก่อนที่จะเริ่มไปเรียนในวันจันทร์หน้า “ได้สิ” “ขอบคุณค่ะ งั้นเริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เลยนะคะ หนูจะมาบ้านอาหมอหลังเที่ยงค่ะ” “ตอนเช้าล่ะ” “ตอนเช้าไปช่วยคุณยายกับน้าษาที่ร้านค่ะ” “เดซี่ก็ขยันเหมือนกันนะ แล้วเรื่องไปเรียนล่ะจัดการเรียบร้อยหรือยัง” “เรียบร้อยแล้วค่ะ จะเริ่มไปเรียนวันจันทร์แล้วค่ะ” “ตื่นเต้นไหมที่จะได้เจอเพื่อนใหม่” “ตื่นเต้นค่ะ ตอนนี้หนูพยายามจะรู้จักเพื่อนให้มากที่สุด ทุกคนดูเป็นกันเองมากค่ะ พวกเรามีไลน์กลุ่มกันพออาจารย์ที่ปรึกษาบอกว่าหนูย้ายมาเรียนระหว่างเทอมเพื่อนก็ดึงหนูเข้ากลุ่มและช่วยแนะนำว่าหนูต้องเตรียมตัวยังไงบ้างก่อนเรียน” “อ่านภาษาไทยได้เหรอ” “พอได้ค่ะ แต่เพื่อนของหนูก็คุยกันเป็นภาษาอังกฤษ” “เดซี่เคยเรียนภาษาไทยเหรอ” “เคยค่ะ ตอนเด็กๆ หนูก็อยู่เมืองไทยค่ะ เลยได้เรียนนิดหน่อย พอไปอยู่ที่นุ่นแม่ก็สอนให้อ่านบ้าง บางครั้งคุณยายส่งหนังสือไปให้ค่ะ” เดนิสาเล่าไปด้วยกินขนมไปด้วยอย่างผ่อนคลาย เธอรู้สึกว่าการคุยกับติณณภพทำให้ตนเองผ่อนคลายและสบายใจมากขึ้น “ไปอยู่ที่นู่นนานหลายปีแล้วกลับมาอบยู่เมืองไทยแบบนี้ไม่คิดถึงเพื่อนๆ เหรอครับ” เมื่อมีช่องทางเขาก็เริ่มถามขอ้อมูลของเดนิสามากขึ้น “หนูไม่อยากนึกถึงทุกอย่างที่นั่นอีก” เธอพูดแล้วเงียบจนคนถามรู้สึกผิดมากที่ทำให้หญิงสาวกลับยังจุดที่เธอเจ็บปวดอีกครั้ง ติณณภพไม่ได้พูดหรือถามอะไรต่อเพราะแค่นี้มันก็มากเกินไปสำหรับการพูดคุยกันตามลำพังครั้งแรก เขาอยากให้เดนิสาไว้ใจเขามากขึ้นและพูดถึงปัญหานั้นให้เขาฟังเอง “เดี๋ยวคุณยายก็คงกลับแล้ว” เดนิสาพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ “เดซี่จะไปรอคุณยายก็ได้” “หนูขอรอจนได้ยินเสียงรถคุณยายมาได้ไหมคะ” “ได้สิ หนูจะอยู่ที่บ้านของอานานแค่ไหนก็ได้” “อาจะไม่ถามเหรอคะว่าทำไมหนูถึงไม่อยากกลับบ้าน” “เดซี่อาจไม่มีเพื่อนคุยใช่ไหม” “ไม่ใช่หรอกค่ะ” “แล้วเพราะอะไรล่ะครับ” ในที่สุดติณณภพก็กล้าถามถึงเหตุผลเพราะรู้สึกได้ว่าเดนิสาก็อยากจะเล่าให้เขาฟังอยู่เหมือนกัน “เพราะหนูรู้สึกว่าที่บ้านนั้นไม่ปลอดภัย” “ถ้าที่บ้านไม่ปลอดภัยแล้วที่ไหนล่ะที่ปลอดภัย” “หนูว่าที่บ้านของอาหมอยังปลอดภัยกว่าที่นั่น” “เล่าให้อาฟังได้ไหม” “อาอยากฟังเหรอคะ” “อยากฟังสิ เดซี่อยากเล่าให้อาฟังไหมล่ะ” “อาหมอสัญญาไหมว่าจะไม่อกเรื่องนี้กับคุณยายและน้าษา” “อาไม่กล้ารับปาก เดซี่ลองเล่าให้อาฟังก่อนได้ไหมครับแล้วอาจะตัดสินใจเองว่าควรจะบอกคุณยายหรือเปล่า” “ถ้าบอกคุณยายต้องไม่สบายใจแน่ๆ หนูไม่อยากให้คุณยายไม่สบายใจ” “ถ้าเรื่องมันใหญ่เราก็ควรบอกคุณยาย แต่ถ้ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่เราก็จะรู้กันสองคน ตกลงตามนี้ไหม” “ก็ได้ค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD