ลูกศร - โจทย์รัก

1516 Words
4 [ลูกศร] โจทย์รัก ลายมือหมอของเขาทำให้ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะมันอ่านยาก แต่เคยอ่านมาแล้วเมื่อสามปีก่อนก็เลยจำได้รางๆว่าเขาเขียนว่าอะไร 'ยินดีด้วยกับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เก่งและจัดการเวลาได้ดีมาก ไม่รู้จะพูดยังไงแต่พี่คิดเรื่องนี้มาเป็นปีแล้ว ความสัมพันธ์ของเรา พี่ขอพัฒนาขึ้นด้วยได้ไหม พี่ชอบลูกศร คบกันนะ' ไม่คบ ถึงจะอ่านตอนนี้คำตอบฉันก็ยังเหมือนเดิม ฉันโยนการ์ดแผ่นนั้นลงในกล่องอย่างทิ้งๆขว้างๆ และเปิดกล่องกำมะหยี่สีเทาดูสร้อยข้อมือจี้รูปหัวใจที่เขาให้มาแทน เชยชะมัด ฉันดูเป็นผู้หญิงหวานที่จะใส่อะไรมุ้งมิ้งแบบนี้รึไง แถมดอกไม้ที่ให้มาก็สีชมพูด้วย ตอนนี้มันยังแห้งอยู่ในกล่องนี้อยู่เลย บอกชอบฉัน แต่ไม่รู้รึไงว่าฉันเกลียดสีชมพูเข้าไส้ สุดท้ายฉันก็ปิดกล่องแล้วเดินหนีมันเหมือนสามปีที่แล้ว ต่อให้โตขึ้นหรือเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ความรู้สึกฉันกับของพวกนั้นก็ยังเหมือนเดิม 'ก๊อก ก๊อก ก๊อก' "เข้ามาค่ะ" ประตูห้องค่อยๆเปิดเข้ามา คุณแม่ส่งยิ้มให้ฉันเหมือนทุกครั้งที่ท่านเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัว ราวกับเป็นเครื่องวัดระดับอารมณ์ของเจ้าของห้อง "แม่อยากคุยกับลูกศร ว่างไหม" ฉันพยักหน้าแล้วนั่งลงที่ปลายเตียง คุณแม่จึงเดินมานั่งด้วย "ที่เรียกตัวกลับมา พอดีบ้านเราจะมีงานใหญ่ ในวันนั้นแม่อยากให้ลูกศรอยู่ด้วย" "งานแต่งงานลูกโซ่ใช่ไหมคะ?" "อ้าว ลูกศรรู้แล้วเหรอลูก" "ค่ะ อลินบอกมา อยู่ให้ก็ได้ค่ะ แต่หลังจากวันนั้นหนูขอไปค้างที่โรงแรมนะคะ" คุณแม่ถอนหายใจเบาๆ "ยังไม่ชอบอยู่บ้านเหมือนเดิมเลยนะลูกสาวแม่ เรื่องนั้นแล้วแต่ลูกจ้ะ แล้วก็เรื่องงานลูกศรไม่ต้องคิดมากนะ คุณพ่อเข้าใจว่าอยากพัก ถ้าคุณพ่ออยากให้เข้าบริษัทก็แค่ไปดูงาน ศึกษางานคร่าวๆเท่านั้นแหละ" คุณแม่เป็นตัวเชื่อมสัมพันธไมตรีของฉันกับคุณพ่อ และเป็นคนส่งสาสน์ เพราะเราสองคนนิสัยเหมือนกันเกินไปโดยเฉพาะเรื่องเอาความต้องการของตัวเองเป็นใหญ่ และยึดมั่นในแนวคิดของตัวเอง จึงคุยกันไม่ค่อยได้ ฉันอยากทำอีกอย่าง คุณพ่ออยากให้ทำอีกอย่าง และไม่มีใครยอมใคร "หนูยังไม่มีอารมณ์พูดเรื่องงานตอนนี้ค่ะ" "แต่ตกลงอยู่ร่วมงานแต่งลูกโซ่ใช่ไหม?" "คุณแม่ไม่ต้องกลัวหนูหนีกลับลอนดอนหรอกค่ะ ตราบใดที่คุณพ่อไม่อนุญาตหนูไปจากประเทศนี้ไม่ได้หรอก" ฉันตอบไปอย่างประชด แต่มันก็คือความจริง คุณแม่ทำได้เพียงยิ้ม ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงช้าๆ "งั้น...พักผ่อนเถอะจ้ะ แม่ไปนะ" "ค่ะ" หลังจากที่คุณแม่ออกไปจากห้อง ฉันก็ใช้เวลาทั้งวันกับการนอนเพราะเจ็ตแล็ก ตื่นมาอีกทีก็โดนเรียกไปกินมื้อค่ำกับครอบครัวแล้ว ซึ่งมีฉัน คุณพ่อคุณแม่และลูกโซ่ ส่วนน้องชายคนเล็กชื่อเซนต์ ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่อเมริกาชาติหน้าคงกลับมา "ที่อยากทำบริษัทของตัวเองอยากทำอะไรลูกศร" คุณแม่หันไปมองคุณพ่อ เพราะคำถามแรกของท่านก็ถามเรื่องงานไม่ถามสารทุกข์สุขดิบของฉันที่ไปอยู่เมืองนอกคนเดียวตั้งสามปี "เอ่อ ที่ลอนดอนร้านอาหารไทยอร่อยๆเยอะไหมลูก" "สนใจบริษัทอีคอมเมิร์ซอยู่ค่ะ" แล้วฉันก็หันมาตอบคุณแม่ต่อ "ร้านอาหารไทยเยอะแต่กินไม่ได้สักร้านค่ะ" "งั้นพี่ลูกศรกินนี่เลยค่ะพะแนงหมู แม่ครัวคนใหม่ทำอร่อยถึงเครื่องมาก" ลูกโซ่ตักพะแนงหมูให้ฉัน ฉันกดตามองครู่หนึ่งก่อนจะมองหน้าเธอ "ได้ข่าวว่าเธอจะแต่งงาน" ลูกโซ่ยิ้มกว้าง "ใช่ค่ะ" "ผู้ชายคนนั้นฉลาดพอที่จะเป็นลูกเขยบ้านนี้รึเปล่า" รอยยิ้มน้องสาวฝาแฝดฉันค่อยๆหุบลง แต่นับหนึ่งไม่ถึงสามก็เผยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง "เรื่องนั้นคุณพ่อคัดเลือกด้วยตัวเองแล้วค่ะ" คิ้วฉันขมวดเข้าหากัน "เธอไม่ได้รักกันหรอกเหรอ?" ยิ้มยังไม่ทันเต็มปาก รอยยิ้มนั้นก็หุบลงอีกรอบ ก่อนที่ลูกโซ่จะส่ายหน้าเบาๆตอบ "ไม่ค่ะ เราแต่งงานเพื่อธุรกิจและก็... เอ่อ ความเหมาะสม" "สมัยนี้ยังมีคนแต่งงานเพื่อธุรกิจอีกเหรอเนี่ย คร่ำครึชะมัด" ฉันพูดกลั้วหัวเราะในคอ จนคุณพ่อยกน้ำดื่มแล้วปรายตามองฉัน "พ่อแค่เลือกผู้นำครอบครัวที่ดีให้ลูกโซ่ และเพื่อต่อยอดธุรกิจเครื่องมือแพทย์ที่ลูกโซ่สนใจจะทำ ส่วนเราลูกศรถ้ายังดื้อแบบนี้ พ่อคงต้องทำวิธีเดียวกัน และถ้าอยากเปิดบริษัทเองก็โชว์ศักยภาพให้พ่อเห็น โดยที่ไม่ต้องใช้เงินพ่อสักบาท" ฉันรวบช้อนทันที จนคุณแม่มองฉันกับคุณพ่อสลับกัน มือท่านพยายามแตะแขนคุณพ่อบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาที่ท่านต้องอ้าปากหนักๆคุยกับลูกสาวไม่รักดีอย่างฉัน "ได้ค่ะ หนูจะไม่รบกวนเงินของคุณพ่อ ถ้าอย่างนั้นคุณพ่อบังคับหนูไม่ได้นะคะ ชีวิตของหนู...หนูเลือกเอง และกับผู้ชายก็ไม่ต้องเลือกให้ค่ะ คุณพ่ออาจจะตาถึงเรื่องชาติตระกูลและความฉลาด แต่เรื่องบนเตียงคุณพ่อคงคัดแทนไม่ได้" คุณพ่อนิ่ง แต่ฉันโปรยยิ้มให้ท่านกว้างกว่าเดิม "โทษทีค่ะที่ต้องพูดตรงๆ... หนูไม่อยากได้ผู้ชายเรื่องบนเตียงห่วย มันไม่แฮปปี้" "ลูกศร!" ฉันไม่สนใจหันไปมองหน้าลูกโซ่ด้วยรอยยิ้ม "ขอให้เธอโชคดี เจอผู้ชายแซ่บๆนะลูกโซ่ เป็นห่วงจริงๆที่เลือกคนที่นอนด้วยตลอดชีวิตเองไม่ได้" "เอ่อ คือ..." ลูกโซ่อ้ำอึ้งกะพริบตาปริบๆ แต่ฉันทิ้งท้ายเท่านั้นก็ลุกขึ้นทันที ก่อนจะเดินยิ้มออกไปจากห้องอาหารท่ามกลางสายตาอึ้งทึ้งของแม่บ้านและตาที่เบิกกว้างของคุณแม่กับลูกโซ่ ฉันอยู่คนเดียวก็ดีอยู่แล้วยังจะอยากให้กลับไทย และร่วมชายคาด้วยอีก เป็นไงล่ะ พอกลับขึ้นมาที่ห้องฉันก็รู้สึกไม่เอนจอยกับทุกสิ่งในโลกใบนี้ นอนมาทั้งวันบวกกับอาการเจ็ตแล็กจากไทม์โซนอีกทวีป ตาฉันสว่างจนรู้สึกเบื่อห้องเบื่อเตียงไปหมด ฉันจึงหยิบมือถือขึ้นมาเล่น และเข้าไลน์กลุ่มอีกครั้ง LINE | Rebel Queens (4) LS. : เบื่อ NAE_ON : กรี๊ดแม่มาแล้วววววววว DAIDAI : กูว่าแล้ว พนันกับพิตต้าไปสองแสน โอนมาด้วยพิตต้า PITTA : จ้า เดี๋ยวโอน ว่าแต่คุณลูกศรเบื่ออยากไปไหนคะ ไปผับ? บาร์โฮส หรือไปห้องเนออน นางซื้อคอนโดใหม่วิวดีเวอร์ NAE_ON : ไม่ต้องมา ผู้ชายอยู่ห้อง LS. : ไปที่ไหนก็ได้เน้นดื่มสบายๆ คนน้อย DAIDAI : โอเค อย่าแต่งตัวสวยมากนะแค่แกโผล่มาเนี่ยพวกเราก็ไม่ได้เกิดแล้ว LS. : มารับฉันด้วยขี้เกียจขับรถ DAIDAI : ได้ เตรียมตัวได้เลย ฉันลุกขึ้นจากเตียงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเดรสเกาะอกสีครีมและแต่งหน้าอ่อนๆ อ่อนที่ว่าแค่ทาลิปสติก ดัดขนตา ปัดมาสคาราก็พอ ถึงไลฟ์สไตล์ฉันจะออกไปทางเซ็กซี่แต่ฉันแต่งหน้า natural look เป็นส่วนใหญ่ เน้นชุดที่โชว์ผิว และเรือนร่างที่ใครๆก็บอกว่าเพอร์เฟกต์มากกว่า ไม่ถึงสิบห้านาทีได๋ได๋ก็ขับรถเข้ามาจอดที่หน้าประตูบ้านฉันแล้ว ฉันหนีบกระเป๋าคลัตช์ใบเล็กก้าวลงบันไดด้วยรองเท้าส้นเข็ม เดินผ่านลูกโซ่ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาโดยไม่หยุดคุยกับเธอ "พี่ลูกศรคะ" ฉันหยุดเดินแล้วปรายตามองน้องสาวตัวเอง "มีอะไรก็พูดมา" "จะออกไปไหนเหรอคะ" "ฉันแต่งตัวแบบนี้ในเวลานี้ คงออกไปใส่บาตร" ลูกโซ่ยิ้มแห้งๆกลับมา พร้อมกับยกมือลูบท้ายทอยตัวเอง "แหะๆจริงด้วย ถ้าไปดื่มกลับดีๆนะคะ ไม่ไหวหรือไม่มีใครมาส่งโทรหาลูกโซ่นะ" ฉันไม่ตอบเธอ ส่ายหัวเอือมระอาแล้วเดินออกไปขึ้นรถเฟอร์รารี่สีแดงของได๋ได๋ที่จอดรออยู่ แต่ทันทีที่ขึ้นรถปิดประตู ยัยนั่นก็หวีดร้องเสียงหลงจนฉันอยากจะกระโจนลงจากรถและเปลี่ยนใจกลับไปนอน "กรี๊ดดดดดด!" "ผีเข้ารึไง?" "ทำไมแกสวยแบบนี้อ่ะ! สวยจนหน้าพี่หมอปริญลอยมา" ฉันมองหน้าได๋ได๋ทันที หัวใจเหมือนจะหยุดเต้นไปชั่วขณะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD