“หยุดเลยไอ้ปุณณ์โคตรเหี้ย...มันเน้นกินเงียบ กินเรียบ กินไม่เลือก เดี๋ยวก็มีปัญหา”
แป๋ว...วาสนาอีพริกน้องก็ไม่ดีพี่ก็ไม่ได้...ว่าที่คุณนายพันล้านจบแล้ว
เฮียปัณณ์ดักคอก็จริง แต่ฉันรู้สึกแปลก ๆ แล้วล่ะ ถ้าไม่ชอบฉันแล้วจะหวงพี่ชายไปทำไม บางทีฉันก็อาจจะชอบกินเงียบ ๆ ก็ได้นะ ที่เห็นเต๊าะอยู่ก็คือยังไม่ได้กินไง
“แต่ถ้าได้กินหนู...จะปิดปากสนิทเลยนะ” ฉันตอบเฮียปัณณ์พร้อมยักคิ้วท้าทาย แล้วขยิบตาเจ้าชู้ให้พี่กับพี่ปุณณ์
“ปัญญาอ่อน!”
“ทำไมต้องหวงด้วยอะ...หวงพี่ปุณณ์หรือหวงหนูกันแน่คะเฮียขา” น้ำเสียงทะเล้นสีหน้าทะลึ่งส่งไป ทำให้อีกคนใบหน้ามืดครึ้ม
เขาต้องคิดว่าฉันกวนตีนเขาอยู่แน่ ๆ
“ไม่ได้หวง” เฮียปัณณ์เอ่ยเสียงเรียบ แต่แววตาคมนั้นกลับวูบวาบเหมือนคนกำลังปิดบังซ่อนเร้นอะไรบางอย่าง
“อุ้ย...ร้อนตัวขึ้นมาแบบนี้ หึงเหรอคะ”
แน่นอนว่าไม่พลาด ไม่ว่าเฮียปัณณ์จะพูดอะไรออกมามักจะตามด้วยมุกหยอดหวาน ๆ น่ารัก ๆ เสมอ และพี่รินกับพี่ปั้นก็มองเฮียปัณณ์คล้ายเรดาร์จ้องจับผิด
แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ฉันคิดไปไกลได้ยังไงล่ะ
โอ๊ย...ฟิน!
“ไม่ได้หึง...แต่รำคาญ”
“คนรำคาญเขาไม่หวงกันหรอกค่ะ” ฉันรีบจีบปากจีบคอส่งถ้อยคำกวน ๆ ไปหาอย่างไม่ลดละ บอกแล้วคนนี้ต้องได้เป็นลูกเขยแม่งามพริ้ง ไม่งั้นอีพริกไม่ยอมตายเด็ดขาด
“หวงก้างฉิบหาย”
นั่นคือเสียงพี่ปุณณ์ อื้ม...น่าคิดนะคำนี้ ท่าทางของเฮียปัณณ์มันเข้าข่ายหวงก้างนะ แบบนี้จะไม่ชอบได้ยังไง
ปากแข็งเป็นหินเลย คอยดูลิ้นพริ้ว ๆ ของอีพริกจะงัดทั้งปากให้เปิดและก็ไอ้นั่นให้แข็งให้ได้เลย...
“กูไม่ได้หวง”
“เออ...เรื่องของมึง”
สองพี่น้องทะเลาะกันแล้วค่ะ อย่าเพิ่งทะเลาะกันแย่งพริกแกงคนนี้เลย เดี๋ยวพริกแกงจะหลงตัวเองไปมากกว่านี้
“พี่ปุณณ์อย่าทะเลาะกับเฮียปัณณ์เลยค่ะ เพราะนอกจากเฮียจะปากแข็งแล้ว ใจก็ยังแข็งเป็นหินอีก แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวพริกจะตักน้ำรดหินก้อนนี้ทุกวัน เดี๋ยวสักวันก็กร่อนเองนั่นแหละ”
ฉันว่าอย่างมุ่งมั่น แต่ดูเหมือนพี่ ๆ ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ฉันจะทำนะ
“เตรียมใจไว้บ้างนะ ไม่ใช่แค่ใจของมันที่แข็งเป็นหินนะ...”
ซี้ด...คำนี้ของพี่รินแซ่บไม่เบาเลยนะ...อะไรอีกนะที่แข็งเป็นหินพูดอย่างนี้อีพริกคิดดีไม่ได้เลย...แล้วขยับมานั่งใกล้ ๆ เจ้รินของฉันทันที
“ไอ้นั่นเหรอพี่ริน...แข็งโป๊กยิ่งกว่าหินเลยปะ เคยเห็นหรือยังเล่าหน่อย” ที่จริงอยากถามตอนที่อยู่ด้วยกันสองคน หากไม่เกรงใจพี่ปั้นจะถามลึกกว่านี้ถึงขนาดและความยาวด้วย แต่ดูเหมือนพี่ปั้นจะจ้องเขม็งไปที่พี่ริน ทำให้พี่รินขยิบตา
“อ๋อ...หมายถึงไอ้ขานั่นก็แข็งแรงจนเหมือนหินงี้ใช่ปะ”
ฉันรีบเฉไฉ ก่อนที่พี่รินจะไม่มีโอกาสได้มาเม้าท์มอยกับฉันอีก
“อ้อ...อื้ม...ใช่ขาแหละ”
แม้ใจพี่รินอยากให้ตอบอีกอวัยวะแต่ว่าไม่สุภาพนัก จนเมื่อเงยหน้าขึ้นมองไปยังเจ้าตัว กลับเห็นว่าจ้องฉันตาเขม็ง
แต่ฉันก็ยิ้มสู้ไปเลย เราจะแพ้ไม่ได้เสียชื่อลูกแม่งามพริ้งพอดี
“ฉันไม่ใจอ่อนหรอกนะ จะบอกให้ แล้วที่ว่าไม่ชอบกินเด็กเพราะ เด็กน่าเบื่อ ขี้โกหก”
โหย...นี่จะมาเหมารวมไม่ได้นะ ไม่ใช่เด็กทุกคนจะเป็นเหมือนกันหมดเมื่อไหร่กัน หรือว่าเฮียปัณณ์มีประสบการณ์กินคนเด็กกว่าแล้วโดนเด็กหลอกงี้อะเหรอ
ไม่เป็นไรอีพริกแกงจะช่วยเยี่ยวยา เอ้ย...เยียวยาพี่เอง
“เฮีย...สาบานต่อหน้าหมูกรอบ พริกแกงคนนี้เป็นคนใส ๆ จริงใจด้วยนะ”
“ไสยศาสตร์!”
ช็อตทุกคำ...ให้ตายเถอะ ต่อให้ผลักไสพริกแกงก็ไม่หวั่น นี่แค่ Day 1 เองนะคะเฮีย
“ไม่ให้โอกาสก็ไม่รู้หรอก คอยดูนะพริกจะเอาเฮียมาทำผัวให้ได้” ฉันกำหมัดยกแขนขึ้นตั้งปณิธานอันมุ่งมั่นให้กับตัวเอง หยอดวันละนิดยังไงก็หวั่นไหวกันบ้าง
“ถ้าไม่เชื่อก็ลองดู”
เอ๊ะ...ให้ลองนี่แปลก ๆ นะ แล้วมุมปากที่ยกยิ้มแบบนั้นหมายความว่าไง มันดูไม่น่าไว้ใจเลย นี่เฮียจะชอบหรือไม่ชอบฉันกันแน่เดาทางไม่ถูกเลย
แต่ว่าก็อยากลองเหมือนกัน
“เฮ้อ...กูสงสารน้องวะ” พี่รินเอ่ยขึ้น
“สงสารกูไหมไอ้รินกูเพื่อนมึงนะ แล้วสงสารอะไรน้อง”
“จะอะไรเสียอีก เห็นเหี้ยเป็นหินไปได้...เฮ้อ...ปวดใจแทน กูต้องไปซื้อน้ำยาล้างตาให้น้องแล้ว เผื่อน้องจะตาสว่างขึ้นมาบ้าง”
“....”
พี่รินพูดอย่างนี้ฉันชักหวั่น ๆ แล้วสิ นี่ฉันกำลังคุยกับหินหรือเหี้ยกันแน่ ยิ่งแววตาเฮียที่มองมาที่ฉันมันสวนทางกับการกระทำเลยนะ แต่ไม่เป็นไรฉันจะพิสูจน์เอง