หนึ่งมิตรชิดใกล้รัก 1 ดอมินิก
ประเทศฝรั่งเศส....
"แกจะต้องมาเรียนรู้งานที่บริษัททุกๆเย็นเข้าใจไหม"
"ผมยังเรียนอยู่นะครับ ไม่ได้ว่างขนาดนั้น"
"ไอ้ที่แกไปแข่งรถทุกวันเที่ยวผับมั่วผู้หญิงแล้วดื่มเมาทุกคืนนี้ไม่ใช่เพราะแกว่างหรอกหรือ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้พฤติกรรมของแกนะ"
"ผมยังเป็นวัยรุ่นอยู่นะพ่อ มันก็ต้องมีเวลาไปเที่ยวไปสังสรรค์ไปใช้ชีวิตให้สนุกสนานแบบนี้บ้างสิ วัยผมคือเรียนและเที่ยวไม่ใช่ทำงาน"
"แกก็มันไม่ได้เรื่องแบบนี้แหละหัดดูพี่แกเป็นตัวอย่างหน่อยสิดอม พี่แกช่วยงานพ่อตั้งแต่เป็นนักศึกษาจนตอนนี้พี่แกเรียนจบไปหลายปีแล้วยังไม่เคยทำตัวเหลวไหลแบบแกเลย"
" ใช่สิ! ผมมันไม่ได้เรื่องอะไรสักอย่างอะไรก็สู้พี่อดัมไม่ได้ แล้วทำไมพ่อต้องบังคับให้ผมทำนู่นทำนี่ด้วยล่ะในเมื่อพ่อก็มีพี่อดัมเป็นคนทำแล้ว"
"แกอย่ามาขึ้นเสียงกับฉันนะ"
"ผมพูดความจริง"
"ก็ได้! ถ้าแกไม่มาเรียนรู้งานในช่วงเย็น บัตรเครดิตของแกทุกใบฉันจะลดวงเงินให้เหลือแค่ครึ่งเดียว และถ้าแกยังไม่มาภายในสัปดาห์นี้ฉันจะยกเลิกบัตรแกทั้งหมด"
"พ่อ!" การพูดคุยกันในตอนแรกก็กลับกลายเป็นเสียงทะเลาะที่ดังก้องไปทั่วห้อง
ปัง! เสียงกระแทกประตูห้องของประธานบริษัทอย่าง โจฮัน เดอกัสปาร์ ดังสนั่นบ่งบอกถึงอารมณ์ของคนปิดว่ามีความโมโหมากแค่ไหน ก่อนร่างสูงสมส่วนของดอมินิกจะเดินเฉิบๆออกไปด้วยอาการฉุนเฉียว
ดอมินิก อัลเดริก เดอกัสปาร์ ทายาทคนที่สองของตระกูลเดอกัสปาร์มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดของฝรั่งเศสและเป็นเบอร์ต้นๆของโลก
ตระกูลเดอกัสปาร์ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นตระกูลที่เป็นผู้นำเรื่องแฟชั่นแบรนด์ทุกแบรนด์ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกาย กระเป๋า รองเท้า และเครื่องประดับทุกชนิดเดอกัสปาร์ก็เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวเช่นกัน นอกจากนี้เดอกัสปาร์ยังมีธุรกิจคาสิโนที่ทำกำไรมหาศาลต่อวันอยู่ที่ก่อตั้งอยู่รัฐโมนาโกที่มิสเตอร์โจฮันเป็นผู้ครอบครองพื้นที่ทั้งหมด
และมันก็จะเป็นแบบนี้ทุกครั้งถ้าชายหนุ่มอย่างดอมินิกได้ย่างกรายเข้ามาในบริษัทของผู้เป็นพ่อ เขาจะมีเรื่องทะเลาะกับพ่อทุกครั้งและก็เรื่องเดิมๆแล้วเจ้าตัวก็จะมีอารมณ์โมโหแบบนี้ทุกครั้งที่เดินออกไป
ว่าด้วยเรื่องของดอมินิก เขาเป็นเด็กหนุ่มหล่อเหลามีเสน่ห์อายุเพียง 20 ปีเท่านั้น ดอมินิคเป็นทายาทคนที่เล็กของตระกูลเดอกัสปาร์ ชายหนุ่มกำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยชื่อดังในฝรั่งเศสปีที่สอง แต่ด้วยเป็นคนที่ชอบดื่มชอบเที่ยวและรักการแข่งรถเป็นชีวิตจิตใจมันก็ไม่แปลกที่เขาโดนพ่อตำหนิและชอบเปรียบเทียบกับพี่ชายที่เก่งทุกอย่างทุกเรื่องอยู่เสมอ
วันนี้ท่านประธานบริษัทอย่างมิสเตอร์โจฮันได้เรียกให้ลูกชายคนเล็กเข้ามาศึกษาดูงานในช่วงเย็นหลังจากเลิกเรียน แต่ทว่าเขามีนัดแข่งรถกับเพื่อนจึงทำให้มีปากเสียงกับผู้เป็นพ่อทำให้ดอมินิกเกิดอาการโมโหและเดินออกจากห้องไปทันทีและก่อให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา
ตุ๊บ! "โอ๊ย!!..." ร่างบอบบางที่กำลังหอบเอกสารอยู่นั้น กลิ้งล้มไปกับพื้นเอกสารมากมายกระจัดกระจายเกลื่อนเต็มพื้น เมื่อดอมินิกเดินมาชนกับอีกร่างอย่างจังที่ตอนนี้นั่งร้องโอดโอยอยู่กับพื้น
"ยัยบื้อ มีตั้งสี่ตายังเดินมาชนฉันอีก" รองเท้าหนังแบรนด์ดังเตะไปที่กองเอกสารนั้นอีกครั้งด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวก่อนร่างสูงใหญ่จะเดินออกไปโดยไม่มีการกล่าวคำขอโทษแต่อย่างใด
"อะไรของเขาวะเนี่ย เดินมาชนฉันแท้ๆยังมาเตะเอกสารฉันอีกคนบ้าอะไรอ่ะไม่มีมารยาทเลย" ญารินดาสาวแว่นร่างบางที่เป็นนักศึกษาคนไทยได้มาฝึกงานอยู่ที่นี่บ่นขึ้นมาก่อนร่างบอบบางลุกขึ้นวิ่งตามดอมินิกไป
"นี่คุณ เดินชนคนอื่นแล้วไม่มีขอโทษแถมยังมาทำลายข้าวของฉันอีก" ญารินดายืนกอดอกขวางทางร่างของเขาไว้
"เธอนั่นแหละยัยแว่นเดินไม่ดูตาม้าตาเรือเอง ฉันไม่คิดเงินเธอก็บุญแค่ไหนแล้ว"
"ห่ะ! คิดเงิน? คุณจะมาคิดเงินฉันเรื่องอะไร"
"เอกสารเธอที่ถือมามันหล่นทับรองเท้าฉัน ดูสิมันเป็นรอย" ชายหนุ่มชี้ไปที่รองเท้าของตัวเอง
"เธอรู้ไหมว่ารองเท้าฉันคู่นี้มันแพงกว่าเงินเดือนเธอเป็นไหนๆ" ตาคมจ้องมองใบหน้ารูปไข่ที่อยู่ภายใต้กรอบแว่นอย่างเอาเรื่อง
"......." ญารินดาก้มดูตามที่เขาบอกแต่มันก็เป็นรอยขีดข่วนเพียงนิดเดียว แต่หญิงสาวกลับมองว่าที่มันเป็นรอยขีดขว่านนั้นก็เพราะก่อนหน้านี้เขาเตะไปที่กองเอกสารมันร่วงลงมาต่างหาก
"คุณเป็นคนทำเอง"
"หึ! ฉันเหรอทำ ถอย!"
"โอ้ย!..." ดอมินิกผลักร่างบอบบางที่อยู่ตรงหน้านั้นเซถลาจนชนฝาผนัง
ในขณะที่ญารินดานอนกองอยู่กับพื้นอยู่นั้นขายาวๆของดอมินิกก็ก้าวข้ามร่างบางไปทันที ในขณะเดียวกันหญิงสาวก็รีบเกาะดึงขาของชายหนุ่มเอาไว้แน่นทำให้เขาเซจนเกือบล้ม
"เอ๊ะ! ยัยแว่นเธอทำอะไรของเธอ" ดอมินิกพยายามสะบัดขาออกจากการเกาะกุมของญารินดาแต่ทว่าเธอนั้นกอดขาเขาเอาไว้แน่นมันจึงไม่ทำให้หลุดออกได้ง่ายๆ เธอดึงกระชากขาของเขาอย่างแรงจนทำให้ชายหนุ่มเสียหลักล้มทับลงมาที่ร่างของเธอ ริมฝีปากหยักประกบลงที่ริมฝีปากอวบอิ่มอย่างช่วยไม่ได้
"อี๋.....ไอเด็กบ้า" ญารินดาผลักร่างของดอมินิกพ้นออกจากตัวเองทันที
"ฉันต่างหากที่จะเป็นคนร้องอี๋ยัยแว่น!" ร่างสมส่วนลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วเดินออกไปจากตรงนั้นโดยทิ้งให้ญารินดานั่งงงอยู่คนเดียว
ญารินดาต้องเป็นคนเก็บเอกสารที่กองเกลื่อนพื้นนั้นคนเดียว โดยคนที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้มันเป็นแบบนี้เดินออกไปจากตรงนั้นโดยไม่สนใจใยดีสักนิด
" อย่าให้ฉันรู้นะว่านายฝึกงานแผนกไหน เดี๋ยวฉันจะ ฟ้องหัวหน้าของนายเอาเรื่องให้เข็ดเลย" หญิงสาวบ่นไปพร้อมกับเก็บเอกสารไป