ในตรอกข้างเรือนร้างเปลี่ยวห่างไกลจากบ้านเรือนผู้คน
ผลั่ก เสียงกระสอบป่านใบหนาถูกโยนลงกับพื้นดิน หญิงสาวลักษณะบ่าวรับใช้สองคนเปิดปากถุงออก พวกนางจิกผมเด็กสาวซึ่งถูกมัดไว้ในถุงโยนออกมาด้านนอกอย่างทารุณ
เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ!
ไม้เรียวในมือหญิงวัยกลางคนฟาดลงบนแผ่นหลังเล็กของเด็กสาว สตรีร่างระหงแต่งกายอย่างชนชั้นคหบดียืนมองอยู่ไม่ไกลกันนัก สายตาของนางเรียบเฉยมองรอยเลือดค่อยไหลซึมออกมาจากรอยไม้เรียว หยาดโลหิตไหลซึมไปบนอาภรณ์สีขาว ร่างน้อยสั่นเทาคุกเข่าอยู่ที่พื้น
"จะแต่งหรือไม่แต่ง"
"ขะ ข้าไม่อยากแต่งกับเถ้าแก่หนิว"
"แต่ข้าอยากให้เจ้าแต่ง"
"ข้าไม่แต่ง อย่างไรข้าก็ไม่แต่ง"
"เจ้ามีทางเลือกรึ บิดาเจ้านอนเป็นผักติดเตียง มารดาเจ้ากลับนรกไปตั้งแต่สามเดือนก่อน เหลือแต่ข้าหนิงเอินเป็นใหญ่ในสกุลเปาแต่เพียงผู้เดียว" หญิงสาววัยราวเกือบสี่สิบปีเกรี้ยวกราด น้ำเสียงของนางเข้มคั้นด่าทออย่างไม่ใยดี
"หากไม่แต่งก็ไสหัวไปอยู่ในหอนางโลม" หนิงเอินจิกหัวเด็กสาวขึ้นแหงนมองหน้าตน
"ข้าไร้ที่พึ่ง มีแต่ท่านแม่รองคนเดียว อย่าทำข้าเลยเจ้าค่ะ"
"อย่ามาเรียกข้าว่าแม่ ข้ามิเคยเห็นเจ้าเป็นลูก"
"แม่รองอย่าขายข้าเลยเจ้าค่ะ ข้ายอมทำงานเป็นบ่าวรับใช้ในครัว แต่อย่าขายข้าไปหอนางโลม"
"เพราะบิดาเจ้าบริหารงานกิจการตระกูลเปาอย่างไร้ความสามารถ สกุลเปาแทบกลายเป็นยาจกอยู่รอมร่อ"
"เถ้าแก่หนิวมักมากในกาม ดุร้ายทารุณ ข้าไม่อยากเป็นอนุของเขา"
"แต่เถ้าแก่หนิวจะจ่ายเงินพยุงกิจการของพวกเราทุกกิจการ หากเจ้ายอมแต่งเป็นอนุของหนิวซื่อจง"
"เมตตาข้าด้วย ท่านแม่รอง" ร่างเล็กกราบกรานคุกเข่าลงจรดศีรษะไปบนปลายเท้าฮูหยินรอง ผู้ซึ่งนางเรียกว่าแม่รองมาตั้งแต่ยังเล็ก
ข่าวลือหนาหนูว่าหนิงเอินทำดีกับบุตรสาวภรรยาเอกตั้งแต่เล็กจนโต แต่เมื่อมารดาของเสวี่ยอีตายจาก ผู้นำสกุลเปานามว่าเปาซ่งนอนป่วยไม่สามารถขยับกายได้กลายเป็นคนพิการติดเตียง หนิงเอินนำทรัพย์สินสกุลเปาไปเล่นการพนันจนแทบล้มละลาย อีกทั้งทรัพย์บางส่วนยังเอาไปปรนเปรอบุรุษที่ตนพึงใจ นางไม่มีความรู้แต่ออกหน้าบริหารงานแทนเปาซ่ง จนเกิดสภาวะขาดทุนอย่างหนัก
"เอานางจับใส่กระสอบไปขายหอนางโลม" ฮูหยินรองสกุลเปาสั่งการให้จับบุตรสาวเพียงคนเดียวของตระกูลเปาไปขายเป็นนางโลมอี้จี
เสวี่ยอีถูกฉุดกระชากลากถูกออกมาจากตรอก นางพยายามดิ้นรนขัดขืน ผมเผ้ารุงรัง เลือดแห้งกรังติดอยู่ที่มุมปาก ใบหน้าแดงช้ำด้านหนึ่งจนดูไม่ออกว่างดงามหรือไม่ ร่างเล็กในอาภรณ์สีขาวมีรอยเลือดกระจายบนแผ่นหลังเป็นหย่อม ๆ กายนางสั่นเทาอย่างน่าเวทนา
สาวใช้สองนางพยายามพาเสวี่ยอีไปมัดเพื่อยัดใส่กระสอบตามบัญชาฮูหยินรอง
ทุกเหตุการณ์อยู่ภายใต้การสังเกตของสองบุรุษดวงตาคมกล้า ทั้งคู่ผ่านมาเห็นการทารุณเด็กสาวในตรอกเปลี่ยว พวกเขาออกมาล่าจิ้งจอกสีเงินเพื่อนำขนไปทำเสื้อคลุม ไม่นึกเลยว่าจะผ่านมาพบเห็นเหตุการณ์พอดิบพอดี
"จะเอาอย่างไรดี" เจิ้นซูเอ่ยถามพี่ชาย
"นางช่างน่าสงสารนัก ได้ยินว่าคุณหนูสกุลเปาเป็นคนอาภัพ" เจิ้นหยวนเอ่ยตอบ สายตามิอาจละจากภาพเด็กสาวกำลังถูกทำร้าย เขาได้ยินข่าวลือในโรงน้ำชาเกี่ยวกับนาง
"เจ้าเองก็เป็นหมอ คงรักษานางได้กระมัง" น้องชายไหวไหล่เล็กน้อย มองไปยังสาวใช้สองคนกำลังฉุดกระชากเสวี่ยอี
"อาการผิดปกติบางอย่างในร่างกายและจิตใจ ข้ายังรักษาตัวเองไม่ได้เสียด้วยซ้ำ" เจิ้นหยวนหัวเราะ
"ดูเจ้าสนใจนาง" เจิ้นซูเอ่ยออกมา
เมื่อหันมาดูพี่ชาย พูดยังไม่ทันจบดี พี่ใหญ่ของเขาคว้าผ้าพรางหน้าขึ้นมาสวม สะกิดปลายเท้าด้วยวิชาตัวเบาไปยังกลุ่มสตรีผู้กำลังรุมทำร้ายเสวี่ยอี
ฝ่ามือใหญ่สะบัดฟาดตบหน้าหญิงรับใช้จนสลบเหมือด ส่วนหนิงเอินถูกปลายเท้าของเจิ้นหยวนถีบกระเด็นไปไกลจนสลบเช่นกัน
เจิ้นหยวนคว้าร่างบอบบางของเสวี่ยอีแบกขึ้นบ่า นางเหนื่อยล้าจนเกินจะต่อต้าน สติของนางพร่าเลือนแต่ยังมองเห็นบุรุษร่างกำยำสูงใหญ่กำลังแบกอุ้มนางพาดบ่า
"หากอยากขายตัว ข้าจะซื้อเจ้า" เสียงเขากระซิบนางแผ่วเบา
เจิ้นซูมองแพทย์บัณฑิตจอหงวนคนใหม่ มองพี่ชายของตนก่อเรื่องตั้งแต่ยังมิทันได้เข้าวังรับป้ายคำสั่งแต่งตั้ง
เจิ้นซูยืนข้างเจิ้นหยวน มองพินิจใบหน้าแดงช้ำของเสวี่ยอี ยังไม่อาจเห็นความงามของนางได้ ตามร่างกายและใบหน้าถูกทำร้ายจนปูดบวมไปหมด
"จะนำสตรีน่าสงสารผู้นี้ไปทำอันใด"
"อาลักษณ์สาวคนใหม่ของข้า" แพทย์บัณฑิตตำแหน่งจอหงวนเอ่ยออกมา
"เจ้าเปลี่ยนอาลักษณ์สาวทุกเดือนกระมัง"
เจิ้นซูหัวเราะกับตำแหน่งที่พี่ชายตั้งขึ้นเพื่อให้ดูเหมาะสม แท้จริงแล้วตำแหน่งอาลักษณ์ของเจิ้นหยวนมีเพียงขีดเขียนอักษรบนเตียงเท่านั้น