2
ฉันได้เข้าพิธีแต่งงานแบบเรียบง่ายที่กะทันหันสุดๆ รู้ว่าต้องแต่งงานไม่ถึงชั่วโมงก็เข้าพิธีแต่งงานเลย เจ๋งมั้ยล่ะ และการแต่งงานในครั้งนี้ก็เป็นความลับสุดๆ มีแค่ที่บ้านฉันกับที่บ้านเขาเท่านั้นที่รู้
และยิ่งไปกว่านั้นฉันต้องย้ายไปอยู่กับเขาที่ต่างประเทศ ปฏิเสธก็ไม่ได้ เพราะค่าตัวของฉันนั้นแพงเหลือเกิน เช็คที่คุณลุงให้พ่อฉันมันเป็นตัวเลขที่มหาศาล ฉันควรดีใจหรือเสียใจดี ที่โดนขายในค่าตัวที่แพงขนาดนี้
พิธีแต่งงานอันเรียบง่ายจบปุ๊บ คุณลุงจะให้ออกเดินทางเลย แต่ฉันขอเวลากลับไปเก็บของที่บ้านสองชั่วโมง ฉันเก็บของทุกอย่างเสร็จรถก็มารับมาที่สนามบิน
ฉันไม่ได้อยากไปอยู่กับเขา เพราะดูแล้วเจ้าบ่าวของฉันจะไม่ชอบฉันเอามากๆ แต่ฉันก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพราะอยากออกจากบ้าน ฉันอยากมีอิสระ ทำอะไรตามใจตัวเอง ไปไหนก็ได้ก็แค่นั้น
ฉันใส่เข็มขัดนิรภัยก่อนเครื่องบินส่วนตัวจะทะยานสู่ฟ้า การมาครั้งนี้ของไอดอลหนุ่มเป็นความลับมาก หรือเขารวยมากก็ไม่แน่ใจ ถึงได้ใช้เครื่องบินส่วนตัวแบบนี้ แต่ก็นั่นแหละเป็นผลพลอยได้ของฉัน เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยขึ้นเลย
ทันทีที่มีการแจ้งเตือนปลดเข็มขัดนิรภัยได้ ผู้ชายร่างโตสูงสง่าก็ปลดเข็มขัด แล้วเดินไปที่ห้องห้องหนึ่ง ซึ่งฉันก็ไม่แน่ใจว่าห้องอะไร ฉันแอบมองตามเขาตลอด กลัวว่าการได้เจอเขาแบบนี้จะเป็นแค่ความฝัน แต่ถ้านี่เป็นความฝันจริงๆ ฉันทั้งอยากตื่นและไม่อยากตื่นในเวลาเดียวกัน เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะได้แต่งงานกับเมนตัวเองไง มันเกินฝันมั้ยล่ะ แต่การถูกพ่อขายแบบนี้ มันดูโหดร้ายเกินไปว่ามั้ย
ฉันนั่งจับแหวนอยู่ที่เดิมไม่ลุกไปไหนจนกระทั่งเครื่องลงจอด ผู้ชายตัวโตถึงเดินออกมา ฉันรีบลุกขึ้นเดินตามเขาลงเครื่องไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ ฉันนั่งมองออกไปนอกรถเงียบๆ ดูตึกรามบ้านช่องที่เคยเห็นแต่ในทีวี จนกระทั่งรถเลี้ยงเข้าไปในตึกสูง ที่ดูหรูหราสมฐานะไอดอลอย่างเขา เขาคงพักที่นี่สินะ
"เอ่อ...."ฉันไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ควรเรียกเขาว่า คุณ พี่ หรือนายดี
"...นายให้ฉันพักที่อื่นก็ได้นะ"ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้ต้องการฉันสักนิด แค่ขัดพ่อไม่ได้เท่านั้น
"..."
"ฉันพูดจริงๆ นะ ฉันพักที่อื่นได้"ฉันรีบออกตัวกลัวเขาไม่เชื่อ ฉันไม่อยากทำให้เขาหนักใจ มันจะส่งผลเสียต่องานเขา
"พูดอะไรโง่ๆ คิดว่าพ่อฉันไม่จับตาดูรึไง"เขาตวัดสายตามองฉัน ก่อนจะลงรถไปเมื่อประตูรถตู้ถูกเปิดออกอัตโนมัติ
ฉันตามเขาลงไปขึ้นลิฟต์ แล้วยืนเก้ๆ กังๆ แทบหยุดหายใจ เมื่อมองสบตากับเขาในกระจก ความหล่อนี่พุ่งเข้าตา ลมแทบจับ
"กะ...กระเป๋าล่ะ"ฉันชวนคุย
"เดี๋ยวคนก็เอาขึ้นไปให้เอง"เขาทำหน้าเบื่อหน่ายแต่ก็ตอบ ทำให้ฉันหน้าเสียยืนเงียบๆ มองมือตัวเอง
ติ๊ง!
ประตูลิฟต์ถูกเปิดออก ร่างสูงสมส่วนก้าวขาเดินเข้าห้อง ตามด้วยฉันที่เดินตามก้นเข้าไปติดๆ พลางกวาดสายตามองรอบๆ นี่มันเพนท์เฮาส์หรูชัดๆ ทั้งกว้างขวางโอ่อ่า ตกแต่งเรียบง่ายแต่ดูมีอะไร สมกับเป็นแทซันเลย
"นั่นใคร!?"
ขณะที่ฉันกำลังมองสำรวจห้องอยู่นั้น ก็สะดุ้งตกใจกับเสียงผู้ชาย แต่เอ๊ะ! นั่นมัน ผู้จัดการที่ไปไหนมาไหนกับแทซันนี่!
"คนที่พ่อให้แต่งงานด้วย"แทซันตอบพลางเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวใหญ่
"แต่งงาน! นายจะบ้ารึเปล่า!"ผู้จัดการขึ้นเสียงดังกว่าเดิม
"ทำไงได้แต่งไปแล้วนี่"เขาพยักพเยิดมาที่แหวนบนนิ้วฉัน
".... จะพามาอยู่ที่นี่งั้นเหรอ"
"อือ"
"นานแค่ไหน"
"จนกว่าพ่อจะให้หย่า"
"แล้วถ้าโดนจับได้ล่ะ นายก็รู้ปาปารัสซี่เยอะแค่ไหน"
"อันนั้นมันเรื่องของพี่"
"แทซัน!!"
"ห้องสุดทางเดินของฉัน ส่วนเธออยากนอนห้องไหนก็เลือกเอา"เขาไม่สนใจเสียงตะคอกของผู้จัดการ ชายตามองฉันเล็กน้อย ก่อนจะกลับไปเล่นมือถือต่อ
"อือ"ฉันพยักหน้าเข้าใจ แล้วเดินไปดูห้อง ตามทิศทางที่เขาบอก แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อผู้จัดการเรียกไว้
"เดี๋ยวก่อน"
"คะ?"
"เธอรู้ใช่มั้ยว่าตอนนี้แทซันดังแค่ไหน"กอดอกเดินวนรอบตัวฉันไปมา
"รู้ค่ะ"ใครมันจะไม่รู้ล่ะ ฉันนี่ติ่งตัวยงเลย
"เพราะฉะนั้นแทซันจะมีข่าวเสื่อมเสียไม่ได้ ฉันไม่อนุญาตให้เธอป่าวประกาศความสัมพันธ์ของเธอกับแทซันให้ใครรู้"
"รู้แล้วค่ะ"เรื่องนี้เราตกลงกันก่อนแต่งแล้ว
"แหวนนั่นถอดออกซะ"ผู้จัดการพยักพเยิดมาที่นิ้วฉัน
"แต่คุณลุงบอกว่า..."ฉันจับแหวนแน่น ไม่ใช่ไม่อยากถอด แต่ไม่อยากขัดคำสั่งคุณลุงต่างหาก
"มันใหญ่ไป เป็นจุดสนใจเกินไป ถ้าอยากใส่ หาวงเล็กๆใส่แทนแล้วกัน"
".... ค่ะ"ฉันเงียบไปครู่หนึ่งถึงตอบรับ ก็จะให้ฉันไปเอาเงินจากไหนมาซื้อแหวนเพชรใส่เล่า พูดมาได้
"เฮ้อ..."แทซันหันมามองพวกเราแล้วถอนหายใจ ก่อนจะลุกเดินไปเปิดลิ้นชัก แล้วโยนกล่องสี่เหลี่ยมมาให้ฉัน "เอาไป"
"..."ฉันรับมาแบบงงๆ ก่อนจะเปิดออกดู วะ...แหวนเพชร
"นี่! เดี๋ยวก็ถูกโยงเป็นข่าวหรอก!"ผู้จัดการโวยวาย
"ยังไม่เคยใส่"เขาตอบอย่างเบื่อหน่าย
"งั้นก็แล้วไป"