หลังจากวันนั้นที่เกิดเรื่องขึ้น เพชรรัตน์ไปตามหาเปรมวดีที่มหาวิทยาลัยทุกวัน แต่อีกคนกลับไม่ได้ไปเรียนเลย ถามกับเพื่อนร่วมห้องก็ไม่มีใครที่เปรมวดีจะติดต่อกลับมาหา ถามกับอาจารย์ที่ปรึกษาก็บอกยังไม่เห็นติดต่อมา
“ทำอะไรสิ้นคิด! เรียนปีสุดท้ายแล้วเธอจะทิ้งไปแบบนี้จริง ๆ เหรอเปรมวดี! เธอหายไปอยู่ที่ไหนนะ”
เสียงบ่นให้ได้ยินแบบนี้เป็นเรื่องปกติ หายไปครั้งนี้เปรมวดีหายเงียบเหมือนตายจาก หายไปอยู่ที่ไหน ยังคงเป็นคำถามที่เขาต้องหาคำตอบให้ได้โดยเร็ว
ครืด! ครืด!
เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นจนต้องรีบกดรับ เพราะเป็นเบอร์ของคนที่บ้านที่โทรเข้ามา
“ครับคุณน้า ฮะ! มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง ผมจะรีบไปตอนนี้เลยครับ”
บ้านวิบูลย์เทวัญ
“หน้าตาดูไม่ดีเลยนะคะเพชร คืนนี้คุณกลับมานอนบ้านได้แล้วเหรอ?”
เสียงทักทายของวาสิตาดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มต้องหยุดชะงักฝ่าเท้าที่กำลังจะก้าวเดินในทันที
“กลับก็บ่น ไม่กลับก็บ่น จะเอาอะไรกับผมนักหนาฮะวา ผมมาดูคุณลุง ขอตัวก่อนนะ”
“วารู้นะว่าเด็กที่คุณไปกกกับมันมาเป็นใคร?”
เพชรรัตน์ถึงกับหันไปมองจ้องหน้า ดวงตาคมจ้องมองด้วยความไม่พอใจอีกครั้ง หรือเป็นเพราะวาสิตาที่ทำให้เปรมวดีหายไปแล้วไปลับได้นานมากแบบนี้นะ
“ผมบอกแล้วนะว่าอย่ามายุ่งเรื่องส่วนตัวผม ที่เด็กผมหายไปคุณเป็นคนทำหรือเปล่าวา?”
“วาจะทำแบบนั้นทำไมคะ คุณไม่คิดบ้างล่ะว่าเด็กมันเป็นคนมีสำนึกดี รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่อยากยุ่งกับคนมีเจ้าของแล้ว คุณเองก็ควรนึกถึงหน้าวา หน้าพ่อแม่ของวาด้วยนะคะ ถ้าอยากให้ธุรกิจที่บ้านคุณเดินหน้าต่อไปได้ราบรื่น คุณควรให้เกียรติวามากกว่านี้ ไม่ใช่เอาวามาอยู่ที่นี่ด้วยแล้วทิ้งขว้างวาให้โดดเดี่ยวเดียวดายเหมือนที่คุณทำมาตลอด”
เพชรรัตน์ไม่อยากต่อปากต่อคำกับวาสิตา เขารีบเดินหนีหายขึ้นไปดูผู้เป็นลุงที่นอนอยู่ในห้องพักทันทีเลย
แม้จะรู้สึกโมโหแต่วาสิตาก็ยิ้มอย่างพออกพอใจ เธอเองก็ไม่รู้หรอกว่าเปรมวดีหายไปอยู่ที่ไหน แต่ที่แน่ ๆ เพชรรัตน์ตามหาไม่เจอ ก็แสดงว่าผู้หญิงคนนั้นพูดจริงและทำจริง อย่างน้อยก็ไม่มีมารมาอยู่ขวางทางชีวิตรัก เพชรรัตน์จะได้หันมาสนใจเธอแต่เพียงคนเดียวอีกครั้ง
ชานเมืองของกรุงเทพฯ
บ้านสไตล์โมเดิร์นทรงมินิมอลที่ถูกล้อมรอบไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ไม่ไกลก็มีทุ่งนาที่เขียวขจี เป็นบ้านพักที่ชานนท์จัดหาให้ได้อยู่แบบส่วนตัวขึ้น หลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเปรมวดีอยู่ที่นี่ด้วยความสบายใจมาก ชานนท์ไม่ได้เลวร้ายแต่เป็นผู้ชายที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด
“จะไปเข้าเวรแล้วเหรอคะ?”
“ใช่ เอาอะไรไหม เดี๋ยวขากลับผมซื้อของเข้ามาให้ด้วยเลย”
“ไม่ค่ะ ยังมีครบ ยังไม่มีอะไรใกล้หมดเลย ขอบคุณนะคะ”
จากคนแปลกหน้ากลายเป็นคนคุ้นเคยที่คุยด้วยแล้วสบายใจที่สุด เธอและเขาปรับทุกข์แลกเปลี่ยนเรื่องราวในชีวิตของกันและกันในหลาย ๆ เรื่อง
ชานนท์ไม่ได้อยากให้เธอต้องดร็อปเรียนเลยด้วยซ้ำ เพราะเสียดายโอกาสปีสุดท้ายก็จะจบการศึกษาแล้ว แต่เป็นเธอเองต่างหากที่อยากหยุดทุกอย่างเอาไว้ตรงนี้ รอเวลาและโอกาสเหมาะกว่านี้อีกหน่อย แล้วเธอจะกลับไปตามหาความฝันที่มีเช่นเดิม
“เดินทางปลอดภัยนะคะ”
“เปรมเองก็ดูแลตัวเองดี ๆ นะ มีอะไรโทรหาผมได้ตลอดเลย”
“ค่ะ ไปเถอะเดี๋ยวสายหรอก”
ชานนท์โบกมือร่ำลา ก่อนจะขับรถออกไปจากหน้าบ้านของเปรมวดีช้า ๆ
หญิงสาวเดินกลับเข้าไปภายในบ้านพัก มีหลายอย่างให้ต้องทำและปรับแต่งให้บ้านพักน่าอยู่น่าอาศัย เพราะเธอตัดสินใจแล้วว่าระหว่างนี้จะพักอาศัยอยู่ที่นี่ไปก่อนจนลูกคลอด อย่างน้อยก็ปลอดภัย ไม่มีใครรู้จักเธอเลยสักคน
ตั้งแต่วันที่เปรมวดีหายออกไปจากคอนโดที่พักในวันนั้น คนที่เป็นบ้าและหงุดหงิดกว่าใครเห็นจะเป็นเพชรรัตน์ เหวี่ยงวีนกับทุกคนที่อยู่รอบตัว แม้แต่วาสิตาเองก็ยังถูกเขาตวาดลั่นอยู่บ่อยครั้ง
“แกสู้หน้าเจ้านายแกได้ยังไงภูมิ กับคนที่บ้านก็เหวี่ยงเป็นหมาบ้าได้ทุกวันเลยนะ ฉันล่ะเบื่อ เมื่อไหร่จะเลิกเป็นแบบนี้สักทีก็ไม่รู้ กะอีแค่นังนั่นหายไปจากชีวิต ทำเหมือนจะตายลงให้ได้อย่างนั้นล่ะ!” วาสิตาบ่นกับลูกน้องคนสนิทของเขาที่มารอรับไปทำงานในเช้าวันนี้
ภูมิภัทรถึงกับทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ตามสไตล์ของเขาที่ไม่ชอบพูดจานินทาเจ้านายของตัวเอง
“แกได้ข่าวมันบ้างไหม ถ้าได้ข่าวมันเมื่อไหร่ แกต้องรีบบอกฉันด้วยนะเข้าใจไหม?”
ภูมิภัทรหันไปมองจ้องหน้าวาสิตา สีหน้าของเธอดูกังวลชวนให้เขารู้สึกเห็นใจอยู่ไม่น้อย เจ้านายกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงตรงหน้า แต่ชีวิตกลับเป็นบ้าเพื่อจะตามหาผู้หญิงอีกคนที่หายไป แล้ววาสิตาต้องรู้สึกแบบไหนนะ
“เงียบมากเลยครับคุณวา ผมเกรงว่าคงยากที่จะเจอตัวคุณเปรมอีกครั้ง”
วาสิตาแสยะยิ้มพอใจเมื่อได้ฟังคำตอบแบบนั้น หายไปได้นานเป็นเดือน ๆ แสดงว่าเปรมวดีก็อยากไปจากเพชรรัตน์มากจริง ๆ ไม่ได้แค่พูดโกหกเธอเล่น เสียไปสองแสนวันนั้นรู้สึกว่าคุ้มค่ามากไม่คิดเสียดายเลย
“งั้นเหรอ มิน่าหล่ะเจ้านายแกเขาถึงอารมณ์เสียได้แบบนี้ ขนาดว่างานแต่งใกล้จะมาถึงแล้วนะ ยังไม่คิดจะเตรียมงานหรือเตรียมตัวบ้างเลย แต่ช่างเถอะแค่เขาเข้าพิธีเป็นเจ้าบ่าวก็พอแล้ว เรื่องอื่นฉันไม่สน!”
ไม่ทันที่ภูมิภัทรจะพูดอะไรต่อ เพชรรัตน์ก็เดินหน้าบึ้งตึงออกมาจากภายในบ้าน เดินเข้ามาใกล้รถที่มีเลขาคนสนิทและว่าที่ภรรยาพูดคุยกันอยู่
“ไปได้แล้วภูมิ วันนี้ฉันมีประชุมเช้า” เสียงทุ้มสั่งลูกน้องขึ้น พร้อมกับเอื้อมมือจะเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง แต่ต้องหยุดชะงักมือเสียก่อน
“ไม่ทักทายว่าที่ภรรยาหน่อยเหรอคะ ทำเหมือนไม่เห็นว่าวายืนอยู่ตรงนี้งั้นล่ะ”
ดวงตาคมดุหันไปมองจ้องหน้าวาสิตาอย่างไม่สบอารมณ์
“ถ้าว่างมากก็ไปหาอะไรทำโน่น อย่ามายุ่งกับผมนะวา ผมรำคาญ!”
“ถ้าเป็นแม่นั่นคุณคงไม่พูดแบบนี้สิใช่ไหมคะ แต่น่าเสียดายนะคะที่คุณหามันไม่พบแล้ว หนีตามชู้รักคนใหม่ไปหรือเปล่านะ”
เพชรรัตน์ถึงกับหงุดหงิดเมื่อได้ยินสิ่งที่ทำให้รำคาญหู เปรมวดีเหรอจะกล้ามีใครนอกจากเขา ไม่มีทาง! เขารู้จักเธอดีมากและไม่เคยมีผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เปรมวดีได้เหมือนกัน เขาเป็นคนหวงของที่เป็นของเขามาก ทุกอย่างในชีวิตของเปรมวดีเขารับรู้ดีที่สุด
“หมดเรื่องไร้สาระที่อยากจะพูดหรือยัง ผมจะได้ไปสักที”
“ทำไมคะ ทนฟังความจริงไม่ได้หรือไง คุณคิดเหรอเพชรว่ามันจะนอนอ้าขาให้คุณคนเดียว มันนอนกับคุณได้ มันก็ไปเอากับคนอื่นได้เหมือนกันนั่นล่ะค่ะ ผู้ชายที่ไม่มีพันธะ คนที่เขาโสดที่ไม่มีเจ้าของแบบคุณน่ะ”
ประตูรถถูกเปิดกว้างออก ก่อนที่เพชรรัตน์จะเข้าไปนั่งประจำที่และปิดประตูรถเสียงดัง ทำเอาวาสิตาสะดุ้งตกใจ ก่อนที่รถคันหรูจะขับเคลื่อนออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
วาสิตายิ้มพออกพอใจมาก เสี้ยนหนามชีวิตหายลับไปในสายลมแบบนี้ก็ดีแล้ว อย่าให้ต้องพบเจอกันอีกเลย เรื่องที่ผ่านมาเธอจะอโหสิกรรมให้ผู้หญิงคนนั้น เพราะอย่างน้อยก็มีความเป็นคนที่มีจิตใต้สำนึกดีมากอยู่ระดับหนึ่ง