ตอนที่ 9 แฟนจำเป็น
หลังจากผ่านเรื่องคืนวันที่เฟย์และอคิณณ์ได้ทำข้อตกลงกันเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสอง หนึ่งเรื่องสถานะเจ้าหนี้กับลูกหนี้ และผู้ว่าจ้างให้เฟย์เป็นแฟนปลอมๆเมื่อเขาต้องการ เวลาอยู่ข้างนอกห้ามเฟย์ทำตัวสนิทสนมแต่เมื่ออยู่ในที่ส่วนตัวอนุญาตให้เรียกเขาว่า “ พี่ ” ได้
เมื่อเฟย์ตกลงที่อยู่ในความสัมพันธ์นี้จนกว่าทุกอย่างจะจบลงเธอต้องป้องกันตัวเองแม้ทุกครั้งอคิณณ์จะสวมถุงยางอนามัยก็ตาม เฟย์ยังคงกินยาคุมกำเนิดรายเดือนในทุกวันเพราะเธอไม่พร้อมรับกับความผิดพลาดหากเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา
ตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบจะอาทิตย์แล้วที่ทั้งสองเจอกันแทบทุกวันที่มหาวิทยาลัย แต่ต่างคนต่างไม่มีใครทักทายกัน จะมีแค่คำเหน็บแหนมของอคิณณ์ในบางครั้งเมื่อมีโอกาสที่อยู่ใกล้กันเท่านั้นเอง
“นี่! ยัยแม่วัว” เฟย์ที่คิดว่าตัวเองเดินเลี่ยงอีกฝ่ายพ้นแล้ว แต่กลับถูกเรียกระหว่างทางเชื่อมของตึก ทำให้เธอต้องหยุดยืน เฟย์ถอนหายใจออกมาก่อนหันไปมองใบหน้าของอคิณณ์
“พี่เรียกหนูเหรอ” เฟย์หันไปถามเพื่อความแน่ใจ
“ก็ใช่นะสิ มีคนอื่นเหมือนแม่วัวได้เท่าเธออีกแล้วเหรอ”
“มีอะไรคะ”
“วันนี้ตอนเย็นมาหาฉันที่เพนท์เฮาส์ด้วย”
อคิณณ์และเฟย์ยืนคุยกันอยู่โดยยังมีนักศึกษาคนอื่นๆที่เฝ้ามองทั้งสองคนเนื่องจากตั้งแต่วันรับน้องที่เฟย์ประกาศออกไปแบบนั้น ทำให้ทุกคนในมหาวิทยาลัยจับจ้องดูว่าอคิณณ์จะมีท่าทียังไงแต่กลับกลายเป็นว่าอคิณณ์ที่เป็นคนเข้าทักเฟย์ก่อน
บางทีเฟย์ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเขาไม่ส่งข้อความมาบอกหรือโทรมาบอก ทำไมต้องเดินมาหาให้คนอื่นเห็นเพราะมันทำให้เธอวางตัวลำบาก ไม่ใช่ว่าจะดีใจแต่เพราะมีเสียงคนพูดลับหลังหรือบางคนพูดซึ่งหน้าเลยทีเดียว
“พี่อคิณณ์คบกับยัยอ้วนนั้นจริง ๆ เหรอ”
“ไม่รู้สิ แต่พี่อคิณณ์ไม่น่าจะลดตัวลงไป”
“งั้นก็ต้องเป็นยัยอ้วนที่คิดจะจับพี่เขา”
บทสนทนาของเหล่าสาว ๆต่างคณะที่ดังออกมาจากวงสนทนา เฟย์ไม่รู้ว่าพวกเธอตั้งใจพูดให้เธอได้ยินหรือไม่ แต่มันทำให้เฟย์ที่ได้ยินกำมือเข้าหากันแน่น เธอคิดว่าเรื่องที่เธอประกาศว่าชอบอคิณณ์มันจะเงียบไปแล้ว แต่ตอนนี้สิ่งที่เธอคิดกลับไม่เป็นอย่างนั้นเพราะทุกคนต่างจับจ้องเธอทั้งนั้น เฟย์ที่ยังคงยืนฟังบทสนทนาที่พูดถึงเธอในทางไม่ดีโดยที่กำลังจะตอบโต้ออกไปแต่แล้วเสียงนั้นก็ดังขึ้น
“ตามมานี่” อคิณณ์สั่งให้เฟย์เดิมตามมาและออกจากเสียงนินทาของเหล่านักศึกษาที่กำลังนั่งคุยกัน
“เพราะเธอคนเดียวเลย ถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเอง คนอื่นคงไม่พูดแบบนี้” อคิณณ์เอ่ยอย่างอารมณ์เสียใส่เฟย์
“ก็หนูบอกพี่...คุณไปแล้ว ว่าเดี๋ยวไปประกาศให้ว่าไม่ได้ชอบคุณอคิณณ์แล้ว คุณก็ไม่ยอม ตอนนี้ยังจะมาพูดแบบนี้ ใช่ได้ที่ไหน”
“เธอกล้าว่าฉันเหรอ”
“ไม่ได้ว่า แต่พูดความจริง”
“ยัยแม่วัว” อคิณณ์เรียกอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ ก่อนจะพุ่งเข้าไปหวังจับตัวเธอ
“คุณอย่าจับนะ เดี๋ยวคนอื่นเข้าใจผิด มารุมตบหนูทำไง”
“ไม่มีใครแล้วก็เรียกพี่ซะสิ ”
“ค่ะ คุณพรี่....”
“ใครเขาจะกล้ามารุมเธอ ตัวเธอใหญ่ขนาดนี้ ถ้าล้มทับคนอื่นคงได้ตายพอดี” อคิณณ์ไม่เพียงแต่พูดกระแทก เพราะเขายังใช้สายตาในการมองเรือนร่างของอีกฝ่าย
“คุณอคิณณ์คะ...” เฟย์เปลี่ยนสรรพนามเรียกอย่างโมโหที่โดนอีกฝ่ายค่อนแคะ
“มาตามนัดด้วย อย่าผิดเวลา”
เฟย์ได้แต่มองตามคนที่เดินออกไปอย่างไม่สนใจเธอ อคิณณ์ไม่ได้สนใจคำพูดของใครในมหาวิทยาลัยนัก ขอเพียงแค่อย่าทำให้เขารู้สึกถูกล้ำเส้นเท่านั้น ส่วนเรื่องราวที่เฟย์เผชิญอยู่เขาคิดเพียงว่ามันเป็นเรื่องปกติที่เฟย์จะต้องได้รับผลกระทบกลับ เมื่อเธอกล่าวถึงใครสักคนในที่สาธารณะแบบนั้นโดยไม่ได้นึกถึงผลที่ตามมา ลองคิดย้อนกลับไปหากตัวเขามีแฟนอยู่ แฟนของเขาจะรู้สึกยังไง นี่คือผลที่ตามมาในรูปแบบหนึ่ง
เมื่อเฟย์เดินแยกจากอคิณณ์แล้วก็มาเข้าเรียนคลาสช่วงบ่าย เธอตั้งใจเรียนโดยมีอะตอมที่คอยมองเฟย์เหมือนอยากจะถามอะไรบางอย่างแต่ไม่กล้าที่จะถามออกไป เฟย์มองกลับมาที่อะตอมที่นั่งข้างกันแล้วยิ้มให้อะตอม
“เฟย์ มึงไหวไหมอ่ะ”
“เรื่องอะไรอ่ะ”
“เรื่องที่มีคนพูดถึงมึงเกี่ยวกับพี่อคิณณ์”
“ไหวสิ มึงสบายใจได้ กูไหว”
“แล้วมึงจะจีบพี่เขาจริงๆไหม”
“เขาคงมองมาที่กูหรอก ตอนนี้กูเป็นลูกหนี้เขา อย่างที่กูเล่าให้ฟัง ต้องทำงานหาเงินใช้หนี้เขา ” เฟย์เล่าเรื่องอุบัติเหตุให้อะตอมฟังแต่ไม่ได้เล่าลึกว่าจะชดใช้วิธีไหน อย่างน้อยเฟย์ก็อุ่นใจที่มีเพื่อนอย่างอะตอมให้ได้ปรึกษาทั้งเรื่องเรียนเรื่องส่วนตัวที่พอจะเล่าสู่กันฟังได้
“กูเป็นกำลังใจนะ ”
“ขอบใจมึงนะอะตอม”
หลังจากเฟย์เลิกเรียน เฟย์ก็แยกกับเพื่อนๆเพื่อเดินทางกลับ แต่เพราะว่าข้อความของเขาทำให้เธอต้องรีบตรงมาที่เพนท์เฮาส์ของอคิณณ์ตามคำสั่งของชายหนุ่ม ซึ่งก่อนหน้านี้อคิณณ์ส่งข้อความมาหาเธอเป็นสิบ ๆ ข้อความเพื่อเร่งเธอให้มาหา บางทีเธอก็ไม่เข้าใจเขาเอามากๆ
“กว่าจะมาได้ เธอเนี่ยมันจริง ๆ เลย” อคิณณ์ที่นั่งรอที่ล็อบบี้อย่างร้อนใจ เอ่ยต่อว่าคนที่เดินเข้ามาใหม่ในทันที เขามองใบหน้าของเฟย์ที่เต็มไปด้วยเหงื่อ เพราะหญิงสาวทั้งวิ่งทั้งเดินมาที่นี่เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายต้องรอนาน อย่างไม่พอใจ
“ก็รีบที่สุดแล้ว หนูบอกพี่ไปแล้วว่ามีเรียน พี่ก็เร่งอยู่ได้”
“ช่างเถอะ ฉันเสียเวลากับเธอนานไปแล้ว” อคิณณ์เดินเข้ามาจับมือของคนที่เพิ่งเดินเข้าล็อบบี้มาออกไปที่จอดรถส่วนตัวของเขา
“จะไปไหนคะ”
“เดี๋ยวก็รู้เอง” อคิณณ์ตอบส่ง ๆ ก่อนจะออกแรงดึงที่ข้อมือให้หญิงสาวเดินตามเขามายังรถสปอร์ตหรูคันใหม่ของตัวเองที่จอดอยู่
“ขึ้นไป ฉันไม่มีปัญญาอุ้มเธอหรอกนะ” เฟย์กรอกตาใส่อีกฝ่ายอย่างเอือมระอากับคำพูดที่เอาแต่กระแทกแดกดันเธอ
“วันนี้พ่อฉันนัดให้ไปดูตัว เธอต้องทำให้ผู้หญิงคนนั้นเลิกยุ่งกับฉัน” อคิณณ์เอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบหลังจากรถเคลื่อนตัวออกมาได้สักพัก
“แล้วหนูได้อะไร” เฟย์หันไปถามคนที่เอาแต่สนใจท้องถนนอยู่ อย่างน้อยเธอก็ต้องรู้ว่าเธอควรได้อะไรบ้าง
“ค่าจ้าง ห้าพัน”
“ตกลงค่ะ” เฟย์ตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
“หน้าเงินจริง ๆ”
“ทำยังไงก็ได้ใช่ไหมคะให้เลิกยุ่ง”
“ใช่”
อคิณณ์ขับรถพาเฟย์เข้ามาที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะพาเธอเดินไปยังห้องอาหารของโรงแรม เฟย์ที่นั่งอึดอัดอยู่มองอคิณณ์ตาเขียวเพราะเธอนั่งอึดอัดกับรถที่คับแคบของเขา ถ้าเลือกได้ถึงจะหรูราคาแพงแต่เธอนั่งไม่สบาย เธอก็ไม่อยากนั่งเลย
“พี่อคิณณ์” แพมมี่คนที่พ่อของอคิณณ์นัดเอาไว้ให้ลูกชาย เอ่ยเรียกอคิณณ์ที่เดินเข้ามาทางเธออย่างดีใจ สาวสวยรูปร่างดี หุ่นเซ็กซี่ ที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบรนด์เนมทั้งตัว
“พ่อบอกว่ามีธุระที่จะคุย” อคิณณ์นั่งลงโดยที่เฟย์นั่งลงข้าง ๆ เขาก่อนเอ่ยถาม ด้วยท่าทีเย็นชา
“คือคุณพ่อให้แพมมี่มาทานข้าวด้วยค่ะ”
“แต่ฉันบอกไปแล้วไง ว่าไม่ได้ขาดคนทานข้าวด้วย”
“อย่าบอกนะคะว่าหมายถึงคนข้าง ๆ พี่อคิณณ์ชอบอะไรแปลก ๆ เหรอคะ ทำไมไปเลือกคนอ้วนขนาดนี้ ไม่โลไปหน่อยเหรอคะ” แพมมี่มองคนข้างกายของอคิณณ์อย่างไม่พอใจ
“แปลกแล้วไงค่ะ อ้วนแล้วจะทำไม แบบฉันก็ทำให้พี่อคิณณ์ติดใจได้ จนพี่คิณณ์ต้องพามาด้วยนี่แหละค่ะ ส่วนคุณก็มาแค่เสนอตัว” เฟย์ที่นั่งเงียบมาสักพักก็ทนไม่ไหวเอ่ยกระแทกอีกฝ่ายออกไป
“นี่เธอเป็นใคร กล้าว่าฉันขนาดนี้เลยเหรอ”
“ก็คุณว่าฉันก่อน”
“คุณอคิณณ์ดูยัยอ้วนนี่สิ” แพมมี่เอ่ยอย่างออดอ้อนใส่อคิณณ์ที่นั่งชมการแสดงอย่างใจเย็น
“ที่รักคะ เขาด่าเฟย์อ้วนอีกแล้ว” เฟย์เอื้อมมือไปคล้องที่แขนของอคิณณ์ก่อนเอ่ยออกมา
“อะไรนะ”
“ได้ยินไม่ชัดเหรอ ที่รัก” เฟย์เอ่ยย้ำออกมามือคว้าแขนอคิณณ์มาซบหน้าลงต้นแขนเขา สายตามองด้วยท่าทีราวกับผู้ชนะใส่อีกฝ่าย
“คุณมีแฟนแล้วทำไมต้องนัดแพมมี่มาด้วย”
“ฉันไม่ได้นัด บอกไปแล้วว่ามีแฟน ทำไมไม่เชื่อ ไม่ต้องโทรไม่ส่งข้อความมาอีกแล้ว” อคิณณ์เคยบอกหญิงสาวทางโทรศัพท์ไปแล้วว่าเขาไม่ต้องการสานสัมพันธ์ใดๆแต่เป็นฝ่ายหญิงที่ดึงดันอยากเดินหน้าเนื่องจากอาจจะคิดว่าอคิณณ์ไม่ได้มีแฟน
“ฝากไว้ก่อนเถอะนะคะ” หญิงสาวเดินออกไปด้วยท่าทีโมโหขั้นสุด แต่ท่าทีของเธอกลับทำให้เฟย์หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
“เก่งจริง ๆ ยัยแม่วัว” อคิณณ์ไม่คิดว่าเฟย์จะจัดการอีกฝ่ายได้ง่ายขนาดที่พูดแค่เพียงไม่กี่ประโยชน์เท่านั้น
“เธอไปแล้วเราก็กลับเลยได้ใช่ไหมคะ” เฟย์เอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าหมดหน้าที่ของเธอแล้ว หญิงสาวที่อคิณณ์ต้องการให้เธอไล่ ตอนนี้ก็ไล่ออกไปแล้ว
“ยัง อยู่ทานข้าวก่อน ไหน ๆ ก็มาแล้ว” เฟย์ไม่พูดอะไรพยักหน้ารับอย่างเดียว บางทีเฟย์ก็สงสัยว่าเขาไม่รู้สึกอายเหรอที่มานั่งทานข้าวกับเธอต่อ
“พี่คะ งานเป็นแฟนจำเป็นจบหรือยังคะ”
“จนกว่าพ่อฉันจะยอมถอดใจยอมแพ้ไปเอง”
“พี่ไม่หาแฟนจริงๆสักคนล่ะคะ”
“ฉันไม่คิดจะจริงจังกับใคร ไม่คิดจะแต่งงาน ส่วนเธอก็อย่ามารู้สึกกับฉัน” อคิณณ์บอกเฟย์แล้วมองหน้าเธออย่างจริงจัง เฟย์พยักหน้ารับและบอกตัวเองว่า เธอแค่จะอยู่ตรงนี้จนกว่าจะปลดหนี้หมดเท่านั้นและตั้งใจเรียนจนจบ นี่สิคือเป้าหมายของเธอ