ตุลามองใบหน้าตะวันกับพันดาว สองฝาแฝดชายหญิงแล้วยิ้ม ลูกที่ไม่เคยคิดว่ามี หรือไปไข่ทิ้งไว้ที่หญิงสาวคนใด เพราะเขาป้องกันทุกครั้ง จึงนึกไม่ออกว่า มีครั้งใดยามนอนกับนารถยา ตนพลั้งเผลอ คิดเท่าไหร่คิดไม่ออก มั่นใจว่าป้องกันอย่างดี แต่ไม่ว่าเหตุใดนารถยาถึงท้องได้ ตอนนี้คงไม่ความสำคัญ เพราะหลักฐานชัดเจนว่า ตะวัน พันดาวเป็นลูกตน
สตรีอีกคนในภาพ ที่ถ่ายกับตะวัน พันดาว เธอเป็นคนสวย แม้ไม่สวยจัดจ้าน ทว่ากลับมีเสน่ห์ที่รอยยิ้ม ได้เห็นก็อยากยิ้มตาม ซึ่งใช่ ตุลายิ้มตามเธอไปด้วย และมองดวงหน้าหวานนิ่งนาน ราวกับว่ากำลังจดจำเจ้าของดวงหน้านี้อย่างไรอย่างนั้น
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
“แกยังจะไปทำงานที่บาร์อีกเหรอ วันมะรืนแกได้งานประจำแล้วนี่” อัญชุลีถามวิสาขา ขณะเพื่อนวางสายกับพี่พู่หรือฉวีวรรณ ผู้จัดการเลมอนบาร์
“ทำสิ มันคือรายได้ของฉันนะ ดีซะอีกฉันมีรายได้สองทาง งานประจำทำกลางวัน งานเสริมทำกลางคืน” วิสาขาตอบ “คงทำวันหยุดน่ะ กลัวว่าถ้าลงเวลาร้องเพลงในวันธรรมดา แล้วติดงานด่วน พี่พู่จะยุ่ง”
บทที่ 2
“จะว่าไปนะ งานที่บาร์รายได้ดีกว่างานที่แกจะไปทำซะอีก แล้วแกจะกระเสือกกะสนทำงานประจำทำไม” อัญชุลีถามต่อ
“งานประจำมีสวัสดิการไงแก เงินเดือนก็ตายตัว เจ็บป่วยฉันมีประกันสังคม แล้วที่นี่มีประกันสุขภาพกลุ่มให้พนักงานด้วยนะ อาหารกลางวันก็มี สิ้นปีมีโบนัสอีก หยุดเสาร์อาทิตย์ ต่างกับงานบาร์ ฉันร้องเพลงได้คืนละพันกว่าบาทก็จริง แต่ก็ไม่ได้ทุกวัน อีกอย่างมันไม่มั่นคง สู้ฉันหางานมั่นคงทำ สวัสดิการพร้อม แล้วทำงานที่บาร์เป็นงานเสริมไม่ดีกว่าเหรอ”
“ก็จริงของแกนะ” อัญชุลีเห็นด้วย “แกน่ะโชคดีมากเลยรู้มั้ย สมัครงานที่แรกก็ผ่านเลย เท่าที่ฉันรู้มา บริษัทนี้เข้ายากมากเลยนะ โดยเฉพาะตำแหน่งเลขาที่แกไปสมัครน่ะ”
“จังหวะดีมั้งแก หรือไม่ก็สวรรค์เมตตาคนสวยๆ อย่างฉัน ให้ได้งานดีๆ และในบริษัทที่มั่นคง”
“จ้าแม่คนสวย สวยที่สุด” อัญชุลีพูดกึ่งประชด จะว่าไป คำพูดนี้ไม่ผิดสักเท่าไหร่ เนื่องจากความสวยของวิสาขาใช่ย่อย ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้เป็นขวัญใจของชายหลายคน ที่หลงทั้งเสียง รูปร่างหน้าตาวิสาขา
“ฉันยอมรับว่าสวย” คนพูดยิ้มเขิน “เราไปกันเถอะ เดี๋ยวไปรับสองแฝดช้า วันนี้ฉันนัดกับหลานไว้ว่า จะพาไปซื้อของเล่น”
“พูดถึงสองแฝด ฉันอยากรู้จังว่า ใครเป็นพ่อของตะวัน พันดาว แล้วทำไมพี่หน่อยถึงไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร แม้ตอนตายยังไม่บอก ฉันสงสัยอ่ะ”
“ฉันก็สงสัย แต่จะถามใครได้ล่ะ คนที่รู้ความจริงไม่อยู่ให้ถามแล้ว” ข้อนี้ติดในวิสาขาเสมอมา “ฉันอยากรู้มาก จนตอนนี้ไม่อยากรู้แล้ว รู้แค่ว่าฉันต้องเลี้ยงตะวันกับพันดาวให้ดีที่สุด พี่หน่อยจะได้หมดห่วง”
“ก็จริงนะ มันเลยมาไกลจนกว่าอยากรู้ความจริง” อัญชุลีเห็นด้วย “ฉันน่ะนับถือแกจริงๆ เลี้ยงสองแฝดไม่พอ ยังเลี้ยงป้าอุ๊กับลุงพลอีก เหนื่อยแย่เลย”
“ทำไงได้ล่ะ พ่อกับแม่เลี้ยงฉันมานี่ ทั้งที่ฉันไม่ใช่ลูกแท้ๆ ฉันก็ต้องตอบแทนบุณคุณสิ”
“ก็จริงอีกแหละ” คนพูดยังเห็นด้วยเช่นเดิม “ไปกันเถอะ จวนบ่ายสองแล้ว”
สองสาวออกจากบ้านไม่สองชั้น ในชุมชนห้วยนที มุ่งหน้าไปยังโรงเรียนแสงอรุณ โรงเรียนที่ตะวันกับพันดาว สองฝาแฝดชายหญิงเรียน
...................................
วิสาขาทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับสองหลานฝาแฝด เมื่อวานนี้เงินค่าทิปรวมออก ได้คนละหนึ่งพันเจ็ดร้อยบาท เธอจึงพาตะวันกับพันดาวมาซื้อของเล่น ซึ่งทั้งสองอยากได้คนละแบบ เลยต้องไปสองร้าน ร้านแรกเป็นร้านขายของเล่นผู้ชาย ของเล่นที่ตะวันอยากได้คือ รถแข่งบังคับ อีกร้านคือ ร้านขายตุ๊กตา พันดาวเลือกซื้อตุ๊กตาหมีตัวขนาดกลางไว้กอดตอนนอน
เมื่อเลือกซื้อของเสร็จ วิสาขาพาตะวันกับพันดาว และอัญชุลีไปกินข้าว ที่ร้านอาหารไทยขึ้นชื่อ เหตุผลที่มากินร้านนี้แม้ค่าอาหารค่อนข้างสูง เพราะวิสาขาได้คูปองสวนลดค่าอาหารห้าสิบเปอร์เซ็นต์ และมีคูปองฟรีค่าเครื่องดื่มอีกหนึ่งใบ หากไม่ได้คูปองนี้จากฉวีวรรณ เธอคงไม่กล้าเข้าร้านนี้แน่
“โห ค่าอาหารราคาโหดเหมือนกันนะ ข้าวผัดหมูจานใหญ่ จานละสามร้อยเก้าสิบ” อัญชุลีเห็นราคาแต่ละเมนู ถึงกับไม่กล้าสั่ง
“ถ้าฉันไม่ได้คูปองส่วนลด ฉันก็ไม่กล้าเข้ามากินหรอก กลัวไม่มีเงินจ่าย” ก่อนเข้ามาวิสาขาถามพนักงานก่อนว่า คูปองนี้ใช้ได้หรือไม่ หากไม่ถามก่อน แล้วใช้ไม่ได้ เธอคงหน้ามืดกับค่าอาหารแน่ “ถ้าเราสั่งอาหารรวมสามพัน ก็จ่ายแค่ครึ่งเดียวไง ฉันจ่ายไหว อีกอย่างนะฉันอยากให้ตะวันกับพันดาวได้กินของดีๆ ด้วย”
“งั้นเราสั่งข้าวผัดหมูจานใหญ่มาหนึ่งจานดีมั้ย แล้วก็สั่งกับข้าวมาอีกสักสามอย่าง เป็นต้มยำ แกงจืดแล้วก็ทอดมันกุ้ง กินได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่” อัญชุลีดูเมนูไป บอกเพื่อนไป “อ้อ...ฉันแชร์ค่าอาหารด้วยนะ ไม่กินฟรี”
“ถ้างั้นหารสี่ เพราะฉันมาสามคน แกก็ออกในส่วนของแก” วิสาขายิ้ม ก่อนที่สองสาวจะสั่งอาหาร และรออาหารราวสิบห้านาที อาหารที่สั่งถูกนำมาเสิร์ฟครบทั้งหมด ทั้งสี่จึงลงมือกินข้าวแสนอร่อย