ลุ่มหลงกลิ่นนิกา 10

2438 Words
หลังจากตื่นนอนนิกาก็รีบหยิบชุดตรวจการมาสวมใส่ พร้อมกับรวบผมให้เรียบร้อย แต่งเติมใบหน้าให้มีสีสันเล็กน้อยไม่ซีดเซียวจนเกินไป เมื่อทำทุกอย่างเสร็จก็หมุนตัวหน้ากระจกรอบหนึ่ง จากนั้นก็ลงไปหาพ่อกับแม่และเพื่อนของเธอที่เตรียมตัวจะกลับ ก่อนจะร่ำลากันไปทำหน้าที่ของตัวเอง “ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก เดี๋ยวแม่กับพ่อแวะมาหาบ่อย ๆ” กานดาเอ่ยบอกนิกาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ขณะดวงตามองลูกสาวที่อยู่ในชุดสีกากีด้วยความภาคภูมิใจ ที่ลูกได้ทำตามความฝันจนสำเร็จ “จ้ะแม่” “อยู่บ้านก็ล็อกประตูให้แน่นหนานะลูก อย่าไว้ใจใครเด็ดขาด” “จ้ะพ่อ” นิกาตอบกลับคำสอนของพ่อและแม่อย่างว่าง่าย ขณะใบหน้านั้นยิ้มแย้มเพื่อไม่ให้ท่านสองคนเป็นห่วง จากนั้นก็เดินเข้าไปโอบกอดผู้ให้กำเนิดด้วยความรู้สึกวูบหวั่น อีกทั้งใจหายไม่น้อย เพราะตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยห่างไกลจากทั้งสองเลย ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จะได้อยู่ห่างไกลและใช้ชีวิตอยู่คนเดียว “พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ หนูจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด” หลังจากคลายกอดจากพ่อกับแม่ของเธอ นิกาก็หันไปทางเพื่อนทั้งสองที่อยู่เคียงข้างเธอมาโดยตลอด แล้วเอ่ยบอกด้วยใบหน้าซาบซึ้งใจ “ฉันขอบใจแกมากนะป๊อบ โปรดด้วย” “ฉันกับโปรดยินดีช่วยแกนิ” “ใช่ ไว้เรากับป๊อบจะหาวันว่างมาหานะ” “โอเค” สิ้นเสียงสั่นเครือ ทั้งสามก็เดินเข้าไปกอดกันแนบแน่น หลังจากร่ำลากันไปทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว นิกาก็ยืนมองพ่อกับแม่และเพื่อนของเธอขึ้นรถ ก่อนจะเอ่ยบอกด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ “เดินทางปลอดภัยนะทุกคน” จากนั้นก็ยืนมองรถสองคันแล่นตามกันออกไปจากบ้านพักครู กระทั่งพ้นสายตานิกาก็ถอนหายใจเบา ๆ เมื่อรู้สึกใจหายเหมือนกันที่ทุกคนกลับแล้ว พอเข้าสู่สถานการณ์จริงคือเธอต้องอยู่คนเดียว และทำหน้าที่สอนเด็กนักเรียนอย่างที่ตั้งใจ ร่างเล็กก็หยิบโทรศัพท์ดูเวลา เมื่อเห็นใกล้เจ็ดโมงครึ่งแล้ว นิกาจึงเดินไปยังโรงเรียนเพื่อเตรียมร่วมพิธีต้อนรับครูใหม่... เช่นเดียวกับอีกคน หลังจากแต่งตัวด้วยชุดสุภาพเรียบร้อยก็เดินออกมาข้างนอกห้องนอน เห็นหลานชายนั่งกินไข่ทอดอยู่ พ่อครูจึงเอ่ยถามด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “เสร็จยัง?” “พ่อจะไปส่งไข่เหรอ?” เห็นคนเป็นลุงแต่งตัวเต็มยศไข่จึงถามด้วยใบหน้าสงสัย เนื่องจากทุกวันจะเป็นมิ่งไปส่ง “ใช่” “เย่! ดีใจจังพ่อจ๋าจะไปส่งไข่” กาญมองหลานตัวน้อยด้วยสายตาเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเข้มดุ “รีบกิน เดี๋ยวสาย” “จ้า” ขณะรอไข่หวานกินข้าวเช้า คนตัวสูงก็เดินไปหยิบแผ่นกระดาษที่มีชื่อและนามสกุลของอีกคนขึ้นดู จากนั้นก็พับเก็บยังกระเป๋าเสื้อเชิ้ตพร้อมกับด้ายสายสิญจน์ใส่ไปด้วย จากนั้นก็นั่งทำนู่นทำนี่รอหลานชาย กระทั่งเด็กน้อยผมจุกกินข้าวอิ่ม กาญก็ปั่นรถจักรยานพาไข่หวานมุ่งตรงไปยังโรงเรียนทันที... ทางด้านนิกาหลังจากเดินไปเรื่อย ๆ กระทั่งเห็นแพรวกำลังจัดเก้าอี้พลาสติกอยู่ข้างสนามบอล ที่มีเด็ก ๆ กำลังวิ่งเล่นเพื่อรอเข้าแถวจึงเตรียมจะเดินไปหา ทว่าตาคู่สวยดันเหลือบเห็นคนตัวสูงใบหน้าหล่อเหลากำลังเดินไปยังลานพิธีข้างสนามบอล นิกาจึงรีบหลบหลังต้นไม้ แล้วแอบมองกาญด้วยสายตาหวานหยาดเยิ้ม พร้อมกับพูดด้วยใบหน้าเคลิบเคลิ้ม “คนอะไร หล่อจริง หล่อจัง” ขณะกำลังยืนมองอีกคนด้วยความหลงใหล พอเห็นเด็กผู้ชายผมจุกวิ่งตามตูด พร้อมกับเรียกเขาว่า “พ่อจ๋า รอไข่ด้วย ไข่ขาสั้น” ก็ทำเอานิกาชะงักนิ่งครู่หนึ่ง ภายในใจวูบหวั่น ในหัวเต็มไปด้วยคำถาม ก่อนจะรีบหันหลังหลบยังหลังต้นไม้ แล้วพูดด้วยใบหน้าเศร้าสลด “อ้าว! พ่อครูมีลูกมีเมียแล้วเหรอ?” แต่ทำไมวันนั้นเธอถึงไม่เห็นใครเลย นิกาได้แต่คิดแล้วก็สงสัย โดยมีคนที่ยืนรอหลานชายมองอยู่ เพราะเขาเห็นเธอตั้งแต่เดินมาแล้ว... พอไข่หวานวิ่งมาหยุดยืนด้านข้าง กาญก็เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ “กูบอกให้มึงเรียกลุง จะเรียกพ่อห่าอะไรนักหนา” “อ้าว! ไข่ก็เรียกมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยแล้วไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย” สิ้นเสียงสองลุงหลานก็ทำเอาคนที่ยืนหลบอยู่หลังต้นไม้หูผึ่งทันที ขณะใบหน้าสวยหวานกลับมาระบายยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะพูดด้วยท่าทีตื่นเต้น “งั้นพ่อครูก็โสดสิ” จากนั้นนิกาก็หันกลับไปมองคนตัวสูงที่กำลังเดินไปยังลานพิธีกับหลานชายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะรีบเดินตามไปเมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลาเข้าแถวแล้ว หลังจากยืนคุยกับแพรวไม่นานก็ถึงเวลาเคารพธงชาติ นิกาจึงช่วยแพรวพาเด็กนักเรียนเข้าแถว ทางด้านกาญเมื่อถูกเชิญให้ไปนั่งที่เก้าอี้ระหว่างรอนักเรียนเข้าแถวเคารพธงชาติ ตาคมก็มองยังคนตัวเล็กที่อยู่ในชุดตรวจการ กำลังพาหลานชายของตนไปเข้าแถวด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แต่พอเธอหันมามองพร้อมส่งยิ้มหวานให้ เขาจึงเบือนหน้าไปทางอื่น จากนั้นก็ดูเด็ก ๆ ที่มีตั้งแต่อนุบาลจนถึงประถมเข้าแถวด้วยความเอ็นดู อีกทั้งเหมือนกับได้ย้อนไปในวัยเด็กของตัวเอง ซึ่งมันก็นานมากจนจำแทบไม่ได้แล้ว ส่วนนิกาขณะยืนดูเด็ก ๆ เข้าแถวด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ไม่นานแพรวก็เอ่ยบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ครูนิไปนั่งรอทำพิธีเลยค่ะ เดี๋ยวแพรวดูเด็ก ๆ เอง” “อ๋อ ได้ค่ะ” สิ้นเสียงบอกกล่าวนิกาก็เดินไปยังเก้าอี้ที่มีกาญและสมศักดิ์ซึ่งเป็นผู้อำนวยการกำลังนั่งคุยกันอยู่ จากนั้นก็ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยท่าทีนอบน้อม แล้วส่งยิ้มให้อีกคนที่มองเธออยู่ ไม่นานก็เดินอ้อมด้านหลังเก้าอี้ของพ่อครูไปนั่งลงด้านข้างมะลิวัลย์ ครูที่จะย้ายไปสอนที่อื่น พร้อมกับยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ” “สวัสดี ครูเพิ่งบรรจุใหม่เหรอ?” “ใช่ค่ะ” ร่างเล็กตอบคนที่อายุมากกว่าด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ “อายุเท่าไรแล้วล่ะ” “ยี่สิบสี่ค่ะ” ทั้งที่สนทนากันเพียงสองคน ทว่าคนที่นั่งอยู่ด้านหน้ากลับได้ยินทุกประโยค แม้จะไม่ได้ใส่ใจเลยก็ตาม จากนั้นกาญก็เลือกไม่สนใจ แล้วหันไปคุยกับสมศักดิ์ที่เอ่ยถาม ในขณะที่นิกาก็นั่งคุยกับมะลิวัลย์... “ได้บรรจุเร็วเหมือนกันนะ” “ค่ะ” “แล้วครูมาจากไหนเหรอ?” เพราะดูจากผิวพรรณและหน้าตาไม่เหมือนคนต่างจังหวัด มะลิวัลย์จึงถามไถ่นิกาด้วยความอยากรู้ “กรุงเทพค่ะ” “ว่าแล้วเชียว หน้าตาผิวพรรณเหมือนเด็กในเมืองขนาดนี้ แล้วครูย้ายมาอยู่ที่นี่เลยเหรอ?” “ใช่ค่ะ หนูย้ายมาอยู่บ้านพักครูคนเดียว” “เก่งจัง แล้วมาอยู่คนเดียวแบบนี้พ่อกับแม่และแฟนไม่ว่าเหรอ?” ดูจากหน้าตาที่สะสวยคงมีคนรักแล้วแน่นอน มะลิวัลย์จึงพูดออกไปเช่นนั้น ขณะความรู้สึกอึ้งทึ่งเพราะไม่คิดว่าเด็กเมืองกรุงอย่างนิกา จะใจกล้ามาบรรจุโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลความเจริญแบบนี้คนเดียว “พ่อกับแม่ไม่ว่าหรอกค่ะ เพราะเขารู้ว่าหนูอยากเป็นครูมาก ส่วนแฟน…” นิกาทิ้งคำพูดไว้ครู่หนึ่ง แล้วเบี่ยงสายตามองยังแผ่นหลังกำยำของคนที่นั่งอยู่ด้านหน้า ก่อนจะพูดเสียงดังฟังชัด “ไม่มีค่ะ โสด ๆ ซิง ๆ” “แค่ก ๆ” ทำเอาคนที่นั่งอยู่ทางด้านหน้าถึงกับสำลักน้ำลาย เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ พอนิกาเห็นเช่นนั้นก็ยกยิ้มด้วยความชอบใจ จากนั้นก็หันไปทางมะลิวัลย์อีกครั้ง “หน้าตาน่ารักขนาดนี้ไม่มีแฟนได้ไงนะ” “สงสัยรอคนแถว ๆ นี้อยู่ค่ะ” สิ้นเสียงหวานกาญก็ถอนหายใจเบา ๆ แล้วหันไปถามสมศักดิ์ด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ใกล้ถึงพิธียังผอ.” เพราะตัวเขาอยากกลับบ้านจะแย่แล้ว เนื่องจากต้องมาได้ยินในสิ่งที่ไม่อยากรู้ “ใกล้แล้วครับพ่อครู” กาญได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป นอกจากหลับตาลงแล้วรวบรวมสมาธิเพื่อให้ภายในใจสงบลง หลังจากทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ก็ได้ยินสมศักดิ์เอ่ยบอกมะลิวัลย์กับนิกา “เดี๋ยวเชิญครูทั้งสองไปพูดกล่าวกับเด็ก ๆ หน้าเสาธงหน่อยนะ” “ค่ะ” จากนั้นนิกากับมะลิวัลย์ก็เดินไปหน้าเสาธงแล้วพูดกล่าวกับเด็ก ๆ ในเวลาที่ร่างเล็กกำลังพูดแนะนำตัวกับนักเรียน อีกคนก็นั่งมองใบหน้าสวยและรอยยิ้มสดใสของเธอด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แต่พอเห็นภาพวันวานซ้อนทับเธอ ทั้งที่ตัวเขาลืมไปตั้งนานแล้ว ก็ทำเอาคนที่เกลียดชังกับอดีตไม่อยากมองเบื้องหน้า จึงละสายตาจากร่างเล็กไปทางอื่น… หลังจากมะลิวัลย์และนิกากล่าวหน้าเสาธงจบ ทั้งสองก็เดินไปนั่งลงยังพื้นด้านหน้าพ่อครูท่ามกลางครูคนอื่น ๆ ที่นั่งประนมมือไหว้เขาอยู่ จากนั้นตาคู่สวยก็ช้อนขึ้นมองร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังจุดเทียนวางบนขันด้วยท่าทีใจเย็น ก่อนที่มือหนาจะประนมขึ้นไหว้ ไม่นานก็ได้ยินเสียงบทสวดด้วยสุ้มเสียงเย็น ๆ อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ ยังกิญจิ วิตตัง อิธะวา หุรังวา สัคเคสุ วายัง ระตะนัง ปะณีตัง นะโนสะมัง อัตถิตะถาคะเตนะ อิธัมปิ พุทเธ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ขณะพ่อครูท่องบทสวด สายลมบางเบาก็พัดผ่านเป็นระยะ ๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ใบไม้ไม่กระดิกเลยเพราะไม่มีลมเคลื่อนผ่าน ทำเอาเหล่าบรรดาครูที่นั่งทนร้อนอบอ้าวอยู่ในพิธีต่างพากันเย็นชุ่มฉ่ำกันถ้วนหน้า หลังจากพ่อครูทำน้ำมนต์เสร็จ ก็ประพรมให้ครูทุกคนเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ขณะมือหนากำลังประพรมน้ำมนต์ จู่ ๆ สายตาก็สบกับคนตัวเล็กที่นั่งมองเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ไม่ได้ค้อมศีรษะลงเช่นคนอื่น ก็ทำเอากาญหมั่นไส้กับหน้าตาบ้องแบ๊วของนิกาไม่น้อย จึงจับไม้พรมแล้วชุบน้ำมนต์ชุ่ม ๆ จากนั้นก็พรมไปยังเธอ “อ๊ะ!” พอเห็นใบหน้าสวยและผมเปียกชุ่มด้วยน้ำพระพุทธมนต์ กาญจึงหลุดยิ้มกริ่มด้วยความชอบใจ จากนั้นก็พรมน้ำมนต์ให้คนอื่นต่อ หลังประพรมน้ำมนต์เสร็จนิกาก็ถูกแพรวเอ่ยบอกให้ขยับไปใกล้พ่อครู เพื่อให้อีกคนผูกสายสิญจน์ให้ ด้วยความเชื่อของคนในหมู่บ้าน หากใครเข้ามาอยู่ใหม่ก็จะให้พ่อครูผู้ที่ชาวบ้านเคารพนับถือ ผูกข้อไม้ข้อมือและประพรมน้ำมนต์เพื่อเป็นสิริมงคล และขวัญกำลังใจตลอดระยะเวลาที่อยู่หมู่บ้านแห่งนี้ เมื่อนั่งคุกเข่าด้านหน้าพ่อครูแล้ว ตาคู่สวยก็ช้อนขึ้นมองหน้าเคร่งขรึมของอีกคนด้วยหัวใจเต้นสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ ไม่นานก็ได้ยินเขาเอ่ยบอกทั้งที่ไม่มองหน้า “ยื่นแขนมา” นิกาจึงรีบยื่นแขนไปข้างหน้า จากนั้นก็มองมือหนาจับด้ายสายสิญจน์ถูขึ้นลงยังข้อมือของเธอเบา ๆ ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองอีกคนด้วยความประทับใจ ขณะใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ส่วนกาญพอผูกสายสิญจน์ให้นิกาเสร็จก็ช้อนตาขึ้น ทำให้สบกับเธอที่นั่งมองเขาตาปริบ ๆ จึงเอ่ยบอกเธอเสียงเข้ม “ประนมมือขึ้น แล้วหลับตาลง” “ต้องหลับตาด้วยเหรอคะ?” เพราะไม่เข้าใจว่าเขาจะให้เธอหลับตาทำไม นิกาจึงถามตรง ๆ ในสิ่งที่สงสัย ส่วนคนที่ไม่มีเหตุผลไปมากกว่า ไม่อยากเห็นเธอนั่งมองหน้าพร้อมกับทำตาปริบ ๆ แบบนี้ จึงตอบเสียงดุ “กูบอกให้หลับ มึงก็หลับเถอะ” “ได้ค่ะ” สิ้นเสียงเกรี้ยวกราดนิกาก็รีบประนมมือขึ้นด้วยท่าทีลนลานพร้อมกับหลับตาลง กาญเห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจเบา ๆ กับความขี้สงสัยของเธอ จากนั้นก็รวบรวมสมาธิแล้วท่องบทสวดแคล้วคลาดปลอดภัยให้เธอด้วยน้ำเสียงเย็น ๆ “นะโมพุทธายะ นะชาลีติ ปะสิทธิ มะอะอุ อิสะวาสุ สัพพะภะยัง สัพพะปะฏิฆัง วินาสสันติ” ขณะปากหยักขยับบริกรรมคาถา ตาคู่คมก็มองใบหน้าสวยที่อยู่ในระยะใกล้ พอท่องบทสวดจบก็โน้มใบหน้าลงไปใกล้เธอ จากนั้นก็เป่าศีรษะเล็กเบา ๆ ทางด้านนิกาเมื่อรับรู้ถึงลมเย็น ๆ กระทบยังศีรษะ ตาคู่สวยจึงลืมขึ้น ทำให้สบกับนัยน์ตาคมเข้มของคนที่อยู่ด้านหน้าก็ทำเอาลืมหายใจชั่วขณะ อกข้างซ้ายสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ ความรู้สึกเหมือนจะตายกับเหตุการณ์ในตอนนี้ ขณะดวงตามองอีกคนไม่ละไปไหนราวกับต้องมนตร์สะกด กระทั่งอีกคนยืดตัวขึ้นขยับหน้าออกห่าง ก็ทำให้ได้สติก่อนจะเอ่ยบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ขอบคุณค่ะ” ทางด้านกาญไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เมื่อเห็นว่าเสร็จธุระของตัวเองแล้วก็ดันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ จากนั้นก็เดินออกไปทันที โดยมีคนตัวเล็กมองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หัวใจดวงน้อย ๆ พองโต ความสุขเปี่ยมล้นหัวใจ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีต้อนรับครูใหม่ นิกาก็พาเด็กอนุบาลที่เธอต้องสอนเข้าห้องเรียน...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD