EP7 ถอนหมั้น

1233 Words
น้ำหวานและภูผาก้าวเดินเข้ามาในร้านอาหารอิตาเลียนแห่งหนึ่ง เดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร มองไปรอบร้านไม่เห็นผู้คนในร้าน มีแต่บริกรและพนักงานที่บาร์เหล้าที่คอยให้บริการ ว่าแต่บริการใครก่อน “วันนี้ทำไมไม่มีคน” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ไม่ชอบคนเยอะ” เขาเอ่ยบอก บริกรชายสวมใส่ชุดทักซิโด้ก้าวเดินมารับออเดอร์ พร้อมกับเมนูส่งให้เธอก่อนและส่งเมนูให้เขา “เอาสเต็กเนื้อวากิวหมักซอสคาซิโต้สองชุด แล้วเอา ซาโต้ เลอ แปง 1983 สองแก้ว” ภูผาเอ่ยบอกบริกรด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “นี้ฉันสั่งเองได้” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขายกมือไล่บริกร บริกรเห็นสัญญามือของเขา บริกรก้มหัวแล้วก้าวเดินออกไปทันที “กว่าจะรอเธอสั่งก็เป็นชั่วโมง หรืออยากให้กินอย่างอื่นแทน” ภูผาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงโทนต่ำและกะพริบตาลงข้างเดียวเหมือนคนเจ้าเล่ห์ เธอจึงเมินหน้าหนีดูบรรยากาศรอบๆ ร้าน แล้วหันหลังมาหาเขาอีกครั้งที่มองเธออยู่ด้วยรอยยิ้ม “ทำไมวันนี้พาฉันมากินร้านนี้” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย “อยากพามา พรุ่งนี้จะพาไปบ้านหลังที่พาไปดูเมื่อกี้” เขาบอกด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและอ่อนโยน มองใบหน้าหวานของเธอไม่วางสายตา “ไปทำไมอีก” เธอเอ่ยถาม “เถอะน่าเดี๋ยวก็รู้” เขาบอกเช่นนี้ ไม่ช้าบริกรคนเดิมก้าวเดินมาหาเขาและเธอที่โต๊ะ ในมือของบริกรมีขวดไวน์ที่เขาได้สั่งไป “ขออนุญาตครับ นี้คือ ซาโต้ เลอ แปง 1983 ครับ” บริกรเอ่ยบอกเอาขวดไวน์มาให้เขาดู ภูผาพยักหน้า บริกรโค้งตัวเล็กน้อย เอายกแก้วไวน์ที่คว่ำอยู่บนโต๊ะฝั่งของน้ำหวานหงายขึ้น แล้วนำแก้วมาไว้ที่มือ บริกรค่อยๆ รินไวน์ใส่แก้วมาเสิร์ฟบนโต๊ะฝั่งของเธอ และนำแก้วฝั่งภูผารินด้วยเช่นกัน “ทำไม ไม่ชวนเด็กของนายมานั่งกินด้วย” เธอเอ่ยถาม เมื่อนึกถึงหญิงสาวเมื่อตอนกลางวันที่เธอได้เห็น ซึ่งเป็นคนละคนกับเมื่อวานที่เธอพบเจอ “คนไหนละ มีหลายคน” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม แล้วยกแก้วขึ้นมาดื่มอย่างผ่อนคลาย ทำให้เธอรู้สึกว่ามีก้อนอะไรมาจุกที่ลำคอ เธอเองก็ไม่อยากเป็นเมียหลวงที่ยอมให้เขามีเมียน้อยได้หลายๆ คน เธอเพียงแค่ลองใจเขาว่าเขาจะตอบว่าเช่นไร แม่เมื่อเขาตอบเช่นนี้ จะไปต่อหรือถอยไปดี และยกเลิกงานแต่งไปชะ ที่เธอยอมอาจเป็นเพราะเธอหลงรักเขาเข้าให้แล้ว “ฉันอยากกลับแล้ว” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง แล้วลุกขึ้นยืนทันที “จะไปไหนละ อาหารยังไม่มาเลย” เขาเอ่ยบอกเช่นนี้ “ฉันไม่อยากกินแล้ว” เธอเอ่ยบอก แล้วก้าวเดินไปทางเก้าอี้ที่เขานั่ง ซึ่งเป็นทางออกของร้าน เขาฉุนมือฉันนั่งบนขาเขา เขากอดฉันไว้ มือเขาโดนอกฉันอย่างจงใจ ทำให้เธอตกใจและต่อต้านเขาให้ปล่อยทันที “ปล่อยฉัน” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงดุดัน และดิ้นรนให้หลุดจากพันธนาการด้วยแขนแกร่งทั้งสองข้าง ยิ่งเธอดิ้นมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งกอดแน่นมากเท่านั้น เหมือนกับว่าเธอจะหายไปตลอดกาลเช่นนั้นแหละ “น้ำหวาน เธอจะกินดีๆ หรือจะให้ฉันกินเธอ นมก็ไม่ได้เล็กนะเนี่ย” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแหบแห้งกระเส่าเร้าอารมณ์เธอ ขณะที่เขาใช้มือหนาทั้งสองข้างขยำฐานเต้านมของเธอ ราวกับเป็นของตัวเอง “ภูผา...ปล่อยฉัน” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ขณะร่างกายของเธอเริ่มอ่อนระทวย เหมือนกับเทียนลนไฟใกล้หลอมละลายเต็มที “กินก่อนนะแล้วค่อยกลับ เดี๋ยวไปส่ง” เขาเอ่ยบอกข้างริมหูของเธอ แล้วจูบที่โหนกแก้มแผ่วเบา “ได้” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ขณะที่บริกรสองคนถือถาดตรงมาทางนี้ เธอจึงนั่งลงข้างๆ เขาเพราะเขารั้งบั้นเอวของเธอไว้ บริกรเผยรอยยิ้ม แล้ววางสเต็กไว้ตรงที่เขานั่งและตรงที่เธอนั่งด้วยเช่นกัน “วางสองจานไว้ตรงนี้” เขาเอ่ยบอกบริกร บริกรจึงก้าวเดินออกไป ทิ้งให้เขาและเธอนั่งกันอยู่สองคนเช่นเดิม เขานำจานเธอมาไว้ตรงหน้าเขา แล้วหั่นเนื้อสเต็กทันที “ฉันทำเองได้” เธอเอ่ยบอก จะยกจานกลับคืน เขาจับมือเรียวของเธอออกจากจาน แล้วหั่นต่อ “อยู่เฉยๆ” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง เธอจึงนั่งอยู่นิ่งๆ ให้เขาหั่นสเต็กเป็นลูกเต๋าพอดีคำ แล้วมาวางตรงหน้าของเธอ และเขาเอามือมาโอบเอวฉัน เธอจึงหันมามองใบหน้าของเขาด้วยสายตาดุดัน “กินได้” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม “ปล่อยได้แล้ว” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาปล่อยมือจากเอวของเธอ เธอจึงเริ่มกินสเต็กสีละชิ้นที่เขาหั่นเขาไว้ เขาจึงเริ่มหั่นเนื้อสเต็กของตนเองบ้าง เขาและเธอนั่งกินกันแบบเงียบๆ ไม่เคยเงียบจนเธอรู้สึกได้ว่า เธอครั้งแรกที่เขาตั้งหน้าตั้งตากินโดยไม่พูดอะไรกับเธอ และเขาก็ไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อนด้วย เขาจึงหันข้างมามองเธอมองเธอด้วยรอยยิ้ม “มีอะไร” เธอเอ่ยถามเขา “เปล่า” เขาบอก “เอามาให้อีกแก้ว” เขาบอกบริกร บริกรคนเดิมเดินไป เธอดื่มนิดเดียวแล้ววางลงที่เดิม กลัวฝันเหมือนเมื่อวานนี้ ทำเอาเธออายอยากแทรกแผ่นดินหนี “ไม่อร่อยเหรอ” เขาเอ่ยถามด้วยความสงสัย ไม่นานบริกรเอาไวน์แก้วใหม่มาวางไว้ให้ฝั่งของเขา และนำแก้วเก่าที่หมดแล้วออกไป “เปล่า ฉันไม่ค่อยชอบแอลกอฮอล์สักเท่าไหร่” เธอเอ่ยบอกเช่นนี้นี้ “หัดดื่มบ้าง อีกไม่กี่เดือนจะแต่งงานแล้ว จะได้ไม่ขายหน้าเวลาไปงานเลี้ยง” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มแล้วยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มหนึ่งคำ นี้มันยังคิดเรื่องแต่งงานอีกเหรอ ตราบใดที่นายยังเลิกมีคู่ขาไม่ได้ ฉันไม่มีวันแต่งงานแน่ “ฉันไม่อยากแต่ง” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อย่างไงเธอก็เป็นคู่หมั้นฉัน เธอก็ปฏิเสธไม่ได้ด้วย” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หมั่นได้ ก็ถอนหมั้นได้” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขานำแก้วไวน์ยกขึ้นดื่มจนหมดแก้ว เขามองฉันอย่างไม่พอใจอย่างมาก อีกทั้งเขายังฉุดแขนเธอขึ้นยืน ทำให้เธอมีสีหน้าที่ตกใจและจับมือเขาออกจากแขน แต่ว่าไม่เป็นผล “ปล่อยนะภูผาจะพาฉันไปไหน” ฉันเอ่ยถามเขา เขาจับมือก้าวเดินเร็ว ราวกับว่าลากเธอไปเสียมากกว่า อีกทั้งเขามีสีหน้าเรียบเฉย ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD