พนักงานคนใหม่
- 2 -
ผมได้แต่นิ่งงัน ร่างกายรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว ชื่อของเธอทำไมถึงได้เหมือนเด็กคนนั้นขนาดนี้ และยังคงไม่มีใครเอ่ยปากใด ๆ ออกมาสักคำ เธอก็ได้แต่ยืนจ้องหน้าผมและขมวดคิ้วดูประหม่าไม่น้อย ซึ่งผมเองก็ไม่อาจเดาได้เลย ว่าเธอขมวดคิ้วอยู่นั้นเพราะผมที่เอาแต่เงียบ หรือว่าเธอเองก็คุ้นหน้าผมเหมือนกัน
“เชิญนั่งครับ”
ผมบอกเธอพลางยิ้มให้เล็กน้อย เธอยิ้มตอบก่อนจะเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เธอยื่นเอกสารสมัครงานให้ผมทันทีก่อนจะกลับไปนั่งนิ่ง ๆ จ้องหน้าผมตาแป๋ว ราวกับแมวตัวน้อย ๆ ที่นั่งรอเจ้าของ ผมสลัดความคิดของตัวเองออกทันทีแล้วหันมาจดจ่อกับบุคคลตรงหน้า และด้วยบรรยากาศแปลก ๆ นี้ทำให้ผมต้องเปลี่ยนอารมณ์และชวนเธอคุยก่อนจะเริ่มสัมภาษณ์
“พี่ชื่อภูผานะ คุยแบบเป็นกันเองแล้วกัน น้องยาหยีอายุเท่าไหร่แล้วครับ ถ้าไม่ถึง 18 พี่ไม่รับนะ มันผิดกฎหมาย”
ผมพูดติดตลกเพื่อไม่ให้บรรยากาศตึงเครียดเกินไปมากนัก ผมแอบเห็นเธอยิ้มมุมปาก เป็นรอยยิ้มที่ผมไม่ได้เห็นมานาน ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย เพราะก็แปลว่าตอนนี้เธอเองก็ไม่ได้รู้สึกกดดันเท่าไหร่
“หนูอายุ 20 แล้วค่ะ”
เธอตอบกลับด้วยใบหน้าที่มั่นใจหนักแน่น เป็นตัวยืนยันว่าเธอไม่ได้โกหก ซึ่งอาการที่เธอแสดงออกมานั้นก็ทำให้ผมอดหัวเราะไม่ได้จริงๆ
“แล้วยาหยีเคยทำงานอะไรมาบ้าง”
“ไม่เคยเลยค่ะ แต่หนูสอนง่าย ไม่ดื้อนะคะ”
ผมก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าทำไมคนที่ไม่เคยทำงานแบบเธอ ถึงอยากมาทำงานร้านอาหารแบบนี้ได้ ซึ่งใคร ๆ ต่างก็รู้กันว่างานในร้านนั้นค่อนข้างหนัก และเหนื่อยระดับหนึ่ง แต่ก็เอาเถอะดูท่าทางจะสอนง่าย สู้งานอยู่
“งั้นพร้อมเริ่มงานเลยไหม ร้านพี่กำลังอยากได้พนักงานด่วนซะด้วยซิ”
ทันทีที่เธอได้ยินเธอก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจพร้อมกับไหว้ขอบคุณแล้วพยักหน้าหงึก ๆ เป็นการตอบรับ เธอยิ้มจนตาหยีเห็นฟันสวยเรียงกันชัดเจน
“งั้นเดี๋ยวพี่พาไปแนะนำกับคนอื่น ๆ เราจะได้เริ่มเรียนรู้งานละกัน”
ผมบอกกับเธอพร้อมลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินนำเธอลงมาด้านล่าง และพาเธอเข้าไปที่ห้องพนักงาน ซึ่งมีน้ำขิงที่กำลังเก็บของอยู่ เธอหันมามองผมพร้อมกับยิ้มกว้าง ให้กับบุคคลด้านข้างผม ผมเหลือบมองยาหยีก็เห็นอาการงุนงงเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มตอบเช่นกัน
“นี่ยาหยี จะเข้ามาทดลองงานที่ร้านเรา อายุน่าจะไล่เลี่ยกับน้ำขิง พี่ฝากเราดูแลด้วยนะ”
เธอพยักหน้าหงึก ๆ ราวกับเด็กน้อยที่ได้เพื่อนใหม่ ก่อนจะหันไปยิ้มให้ยาหยีอีกครั้ง
“นี่น้ำขิง ทำงานที่นี่มาสักพักแล้ว มีอะไรถามน้ำขิงได้เลย เดี๋ยวพี่จะให้น้ำขิงสอนงานเราละกัน”
ทั้งคู่ไม่ได้ฟังที่ผมบอกเลยด้วยซ้ำ เพราะเพียงแค่พริบตาเดียว ทั้งสองหันไปคุยกันกะหนุงกะหนิงราวกับว่าผมไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ แต่เมื่อผมเห็นว่าตรงนี้ปล่อยให้น้ำขิงจัดการได้ ก็ทำได้แต่นำตัวเองเดินออกมาด้านนอก สายตาเหลือบไปเห็นว่าแวบหนึ่ง เธอหันมาพยักหน้าทำความเคารพให้กับผมแล้วหันไปยิ้มให้กับน้ำขิงต่อ
ผมเลยจำเป็นต้องเลือกที่จะเดินออกมาให้น้ำขิงดูแล จัดการเรื่องยูนิฟอร์มต่อไป เมื่อเดินมาในร้านก็เห็นลูกค้าเริ่มแออัด ทำให้ชื่นใจขึ้นมาอีกมากโข ร้านเราเป็นร้านกลาง ๆ ประมาณ4คูหาดีไซน์สไตล์เกาหลี พยายามหาจุดที่แตกต่างจากร้านอื่น ๆ จึงทำให้ค่อนข้างจะมีลูกค้าและนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก เพราะสไตล์ที่แตกต่างและโดดเด่น
“ไอ้ภู มาช่วยกันดิวะ ยืนหล่ออยู่นั่น เอาไปเสิร์ฟโต๊ะ12 ให้หน่อย เอาหน้าหล่อๆ ของมึงไปให้สาวใหญ่โต๊ะนั้นเชยชมหน่อย”
เสียงไอ้มาวินดังออกมาจากห้องครัว แสดงว่าข้างในน่าจะวุ่นวายน่าดู มันถึงกับเข้าครัวเอง ผมยักคิ้วให้มันทีหนึ่ง ก่อนจะเดินไปรับจานอาหารมาเพื่อไปเสิร์ฟให้ลูกค้า ก็อย่างที่บอกครับ ลูกค้าเราค่อนข้างเยอะในบางช่วง พวกผมก็เลยไม่มีเวลาไปไหนกัน นอกจากต้องมาร้าน ราวกับว่าพวกเรานั้นรักร้านเอามาก ๆ
ผมเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าเรียบร้อย สองเท้าเดินเอาถาดอาหารมาเก็บที่ห้องครัว สายตามองไปเห็นน้ำขิงที่เดินจูงมือพายาหยีที่ถูกสวมด้วยยูนิฟอร์มเรียบร้อย ซึ่งร้านเราจะเน้นใช้ชุดฮันบกเป็นยูนิฟอร์มในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เพื่อสร้างความแตกต่างและแปลกตาให้กับลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามา ซึ่งยาหยีเองก็มาในวันศุกร์พอดี ผมยอมรับเลยว่าเธอสวยมาก ทั้งใบหน้า รูปร่าง และนิสัยที่เงียบนิ่งของเธอนั้นด้วยและมันก็ทำให้ผมกลัวเล็กน้อย กลัวว่าเธออาจจะจะจำผมได้ขึ้นมา..
“เด็กใหม่เหรอวะ ชื่อไรอะไอ้ภู”
มาวินที่เพิ่งเดินหน้าหล่อออกมาจากห้องครัวตรงดิ่งมาที่ผม แล้วเจอกับยาหยีพอดี สายตาของมันมองยาหยีราวกับเสือที่จ้องจะตะครุบเหยื่อก็ไม่ปาน
“ยาหยี”
ผมตอบมันออกไป โดยที่สายตาไม่ได้ละออกจากยาหยีเลยสักนิด ในหัวผมได้แต่คิดเรื่องเดิมซ้ำๆ เรื่องที่ผมต้องฝันร้ายแทบทุกคืน เรื่องที่เป็นเหมือนตราบาปให้ชีวิตของผม เรื่องที่ผมวิ่งหนีมาตลอดสิบห้าปี แต่เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกกับคนแบบภูผา ที่อยู่ ๆ ก็ส่งให้เธอโคจรกลับเข้ามาในชีวิตผมอีกครั้ง
“ชื่อก็น่ารักซะด้วย ถ้าไม่ติดว่าเป็นกฎของพวกเราว่าห้ามจีบเด็กในร้านนะ คนนี้ สเปกเลยว่ะ”
คำว่าจะจีบของไอ้มาวิน ช่วยกระชากสายตาผมออกจากยาหยีแทบจะทันที ผมยืนจ้องหน้ามันนิ่งๆ มันก็หันมาจ้องหน้าผมแบบยิ้มทะเล้น ๆ ตามนิสัยของมันสักพัก พอมันเห็นว่าผมไม่เล่นมันก็ยิ้มเจื่อนๆ แทบจะทันที
“กูพูดอะไรผิดปะวะ ทำไมมึงมองหน้ากูแรงจัง”
“เปล่า กูแค่กลัวมึงจะลืมกฎของพวกเรา”
ผมบอกมันอย่างปัดๆ พวกเรา3คน ตั้งกฎตั้งแต่เปิดร้านไว้ว่า จะไม่มีการคบกับเด็กในร้านเด็ดขาด เพื่อป้องกันคำครหาจากเพื่อนร่วมงาน และป้องกันปัญหาต่างๆ ในภายภาคหน้า
“กูไปทำงานต่อก่อน มึงจะเข้าครัวอยู่มั้ย”
“ไม่ละ ในครัวน่าจะทันละ ว่าจะไปคิดหาแผนโปรโหมดร้านเพิ่มอีกสักหน่อย.. ว่าแต่สิ้นปีนี้มีแพลนพาเด็กๆ ไปเที่ยวไหนวะ”
พอไอ้มาวินทักขึ้นมา ผมก็นึกขึ้นได้ ในสิ้นปีพวกเราจะพาเด็ก ๆ ในร้านไปพักผ่อน ชาร์จแบต เป็นการขอบคุณที่ทุกคนอยู่ช่วยกันมา นี่ก็อีกแค่ครึ่งเดือนก็จะสิ้นปีแล้ว คงต้องหาที่เตรียมพร้อมเสียแล้ว
“ขึ้นเหนือไหม เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน”
ผมเสนอความคิดไปพลางๆ ก็เห็นมันพยักหน้ารับ
“ก็ดีนะ จะได้แวะไปเยี่ยมแม่ด้วย ไม่ได้เจอแม่มานานแล้ว”
ผมกับมาวินเป็นคนเชียงใหม่ ส่วนปันหยาเป็นคนกรุงเทพ ช่วงนี้งานที่ร้านค่อนข้างเยอะ มันกับผมก็ไม่ได้กลับบ้านพอ ๆ กัน
“งั้นปีนี้ไปเที่ยวเหนือกัน ว่าแต่จะไปที่ไหนดี”
ผมพูดพลางหันไปถามไอ้มาวินเป็นเชิงขอความคิดเห็น
“กำลังคิดเรื่องพักร้อนกันเหรอ ฉันกำลังจะมาคุยเรื่องนี้เลย”
“เธอมีที่แนะนำเหรอปันหยา ไอ้ภูเสนอไปเที่ยวเหนือ เธอว่าไง”
“ฉันเสนอไปเกาหลี พวกนายว่าไง”
ผมกับไอ้มาวินถึงกับมองหน้ากันเพราะปกติไม่เคยออกนอกประเทศเลย ยิ่งรู้ ๆ กันอยู่ว่าปันหยารายนี้นั้น ดูแลค่าใช้จ่ายของร้านทุกอย่างเธอจึงเป็นคนที่ค่อนข้างประหยัดและคิดคำนวณรอบคอบมากที่สุดในกลุ่ม
“หมายความว่าไงวะปันหยา ทำไมครั้งนี้อยากไปต่างประเทศ เธออย่ามาหลอกให้ดีใจนะเว้ย ฉันยิ่งอยากไปส่องสาว ๆ เกาหลีอยู่ด้วย ใช่ไหมวะไอ้ภู ฮ่า ๆ”
“เธอทำบัญชีใกล้ปิดปีเสร็จแล้วเหรอปันหยา ถึงชวนไปเกาหลี ยอดปิดปีนี้โอเคใช่ไหม”
ผมไม่ได้ติดอะไรหรอก ถ้าเราจะพากันไปเที่ยวต่างประเทศ แต่ทุกอย่างก็ต้องทำเพื่อปากท้อง ผมเห็นปันหยามองหน้าพวกผมแล้วยิ้มมุมปาก ทำให้พวกผมค่อย ๆ ยิ้มตามอย่าลุ้นคำตอบ
“ตามคาดเลยจ้ะ ฉันทำบัญชีถึงปัจจุบันแล้ว เราได้กำไรมาเยอะเลยเว้ย ฉันคำนวณค่าใช้จ่ายที่จะไปเที่ยวแล้ว ยังเหลือเพื่อขยายกิจการอีกนิดหน่อยด้วย เหลือแค่ในส่วนก่อนปิดปี ถ้าไม่มีอะไรผิดคาด งานนี้ไปเกาหลีได้สบาย!”
“เชรด ค่อยสมกับที่พวกเราเหนื่อยมาทั้งปีหน่อยเว้ย ไอ้ภูเปลี่ยนแผนๆ กูว่าไปเกาหลีกัน ๆ”
“ถ้าทุกคนโอเค ฉันจะทำเรื่องจองตั๋วแล้วนะเว้ย แกอะมาวินฉันไม่ถามหรอก แต่ภู แกละว่าไง”
‘พี่ภู ๆ พี่ภูรู้ไหมว่าประเทศไหนที่ยาหยีอยากไปเที่ยวมากที่สุด’
‘พี่คิดไม่ออกเลย ยาหยีอยากไปประเทศไหนคะ บอกพี่ภูหน่อยซิคะ’
‘ยอมแพ้แล้วใช่ไหม ยาหยีจะบอกพี่ภูแค่คนเดียวนะคะ ยาหยีอยากไปเกาหลีค่ะ พี่ภูสัญญากับยาหยีนะว่าถ้ายาหยีโตขึ้น พี่ภูต้องพายาหยีไปเกาหลีนะคะ แล้วยาหยีก็จะเป็นเจ้าสาวของพี่ภูด้วย’
‘โอเค ถ้ายาหยีโตขึ้น พี่จะพายาหยีไปเที่ยวเกาหลีนะคะ ถ้าโตขึ้นยาหยีจะมาเป็นเจ้าสาวของพี่อย่างที่พูดตอนนี้มั้ยน้า ถ้าโตขึ้นมาจำพี่ไม่ได้ พี่จะเป็นหม้ายมั้ยน้า’
‘ถ้ายาหยีโตขึ้น ยาหยีก็จะเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดของพี่ภูคนเดียว ยาหยีสัญญาเลยค่ะ’
ผมลูบหัวเด็กตัวเล็กที่พูดจาเจื้อยแจ้วตรงหน้า อย่างเอ็นดูและทะนุถนอม ยาหยีคือน้องที่ผมรักมาก ไม่ว่าเธอจะทำอะไรผมจะคอยดูเธอเสมอ ยาหยีเป็นเด็กที่มีความคิดตั้งแต่เด็ก และติดผมมากๆ ด้วยความที่เป็นเด็ก เธออาจจะพูดอะไรไปแบบไม่คิด แต่ผมก็ไม่เคยถือสาเธอเลย
“ไอ้ภูเว้ย!”
ผมหลุดจากภวังค์ความคิดทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนของไอ้มาวินข้างหู หัวใจจะวาย
“มึงจะตะโกนทำห่าอะไรวะ อยู่กันใกล้แค่นี้เองไอ้วิน”
“เป็นไรหรือเปล่าภู พวกเราเรียกตั้งนาน แกก็เอาแต่ยืนนิ่งพวกเราตกใจนะเว้ย หรือถ้าไม่อยากไปเกาหลี ก็ไม่เป็นไร ค่อยหาที่ใหม่ก็ได้ แกไม่ต้องเครียดขนาดนั้นก็ได้ พวกเราเป็นห่วงแกนะเว้ย”
“กูไม่อยากไปก็ได้ ถ้ามึงไม่โอเคอะ”
“ปันหยาเธอจองตั๋วได้เลยแล้วก็แพลนที่เที่ยวมาด้วยนะ ปีนี้เราจะไปเกาหลีกัน”
ผมบอกปันหยา ทำเอาทั้งสองคนกระโดดดีใจกันยกใหญ่
“ไอ้ภู มึงยังฝันร้ายอยู่เปล่าวะ ช่วงนี้มึงดูโทรมไปนะ เหมือนไม่ได้นอนเลย”
ไอ้มาวินหันมาถามผมหลังจากที่ปันหยารีบไปจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินของทุกคน ผมกับไอ้มาวินแทบไม่เคยมีอะไรปิดบังกันเลยสักเรื่อง และผมก็เล่าเรื่องน้องสาวของผมให้มันฟังบ่อย ๆ รวมถึงเหตุการณ์นั้นด้วยเหตุการณ์เมื่อสิบห้าปีก่อน ผมไม่ได้ตอบมันทันที แต่มองหน้ามันแล้วพยักหน้าเบา ๆ เป็นการตอบคำถามมัน มือหนาตบที่ไหล่ของผมเป็นการปลอบใจ ผมเลี่ยงมันเดินขึ้นมาในห้องทำงานสายตาจับจ้องไปที่ผู้หญิงด้านล่างอย่างเงียบ ๆ เธอจำผมไม่ได้จริง ๆ หรือเธอไม่อยากจำผมกันนะ เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ในวันนั้นตอนนี้โตเป็นสาวขนาดนี้แล้วเหรอ
“น้ำขิงปกติพี่เขามาร้านทุกวันเลยเหรอ พี่เขาดุมั้ย”
“พี่เขามาทุกวันแหละ พี่เขารักร้านนี้กันจะตาย ตั้งแต่ขิงอยู่มา ไม่เคยเห็นพี่เขาดุใครเลยนะ ใจดีมาก ก.ไก่ล้านตัว”
การแสดงออกของน้ำขิงที่พูดถึงพี่ๆ เจ้าของร้านไม่ว่าจะสายตา ท่าทางพร้อมกับยิ้มหวานหยดที่แทบจะละลายกันเลยทีเดียว แค่นี้ก็พอดูรู้แล้วว่าพี่ ๆ เขาคงจะใจดีน่าดู
“สงสัยจะใจดีจริง ๆ แหละเนอะ แค่พูดถึงก็เอาซะเคลิ้มเชียวนะ ปะ! ทำงานกันเถอะหยีกลัวโดนหักเงิน อิอิ”
ไลน์!
#ปันหยา: แจ้งน้อง ๆ ทุกคน สวัสดิการจาก PPM Korean สถานที่พักร้อนปีนี้ของเรานั้น เราจะไปแดนกิมจิกันนะคะทุกคน! อนุมัติโดยท่านประธานภูผาเรียบร้อยจ้า! ขอน้อง ๆ ส่งพาสปอร์ต และวีซ่าให้พี่ด้วยนะคะ พี่จะได้จัดการเรื่องตั๋วจ้า
#มาวิน: อย่าลืมเตรียมตัวกันให้พร้อมนะทุกคน โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ ก่อนที่ไอ้คุณพี่ภูผาของทุกคนจะเปลี่ยนใจ ฮ่า ๆ
#ภูผา: (ยิ้ม)
#นัดภพ: เสียใจมากเลย ไม่ได้ไปกับทุกคน ยังไงก็ขอให้ เที่ยวกันให้สนุกนะครับ
#น้ำขิง: พี่นัดต้องอยู่ต่อแล้วค่า
#นัดพบ: ถ้าพี่จัดการเรื่องแม่เรียบร้อยจะกลับมาสมัครเป็นรุ่นน้องน้ำขิงนะครับ อิอิ
#น้ำขิง: ได้เลย เดี๋ยวน้ำขิงจะสอนงานเป็นพิเศษเลยค่า แต่ไม่ต้องห่วงนะพี่นัด ไว้ขิงจะซื้อขนมมาฝาก อิอิ
#น้ำตาล: ยาหยีมาได้จังหวะมากเลยนะ มาทำงานปุ๊บ! ก็ได้ไปเที่ยวเกาหลีเลย อิอิ
#ยาหยี: (ยิ้ม)
#ยาหยี: หยีน่าจะมาพร้อมกับดวงแหละค่ะพี่น้ำตาล (หัวเราะ)
#ปันหยา: เอาล่ะ ๆ ไว้พี่จัดการเรื่องเอกสารและเรื่องตั๋วเครื่องบินสำหรับทุกคนเรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด พี่จะจองรอบวันที่ 29 ธันวา นะทุกคน มีใครไม่สะดวกไหม
#ภูผา: พี่นัดจะไปด้วยกันก็ได้นะครับ เดี๋ยวเรื่องคนดูแลแม่พี่ ผมจะจัดการให้
#มาวิน: นั่นนะซิ ไปกันหลายคนสนุกนะพี่ ไปด้วยกันเถอะ
#นัดพบ: ขอบคุณครับ แต่ผมว่าไม่เป็นไรดีกว่า แม่ก็อายุมากแล้ว ผมดูแลเองจะสะดวกกว่า ขอให้เที่ยวให้สนุกนะครับ
#ปันหยา: เอาไว้มีโอกาส ร้านเรายินดีต้อนรับพี่นัดเสมอนะคะ หากมีปัญหาอะไรที่พวกเราช่วยได้พวกเรายินดีค่ะ เพราะพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันเนอะ
#นัดพบ: ขอบคุณครับ (ยิ้ม)
‘ถ้ายาหยีโตขึ้น ยาหยีก็จะเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดของพี่คนเดียว ยาหยีสัญญาเลยค่ะ’
‘ไม่ใช่ว่าโตขึ้น หนูจะลืมพี่ใช่ไหม ถ้าสัญญากับพี่แบบนี้ พี่คิดจริงนะ’
เด็กผู้หญิงอายุประมาณ 5 ขวบนั่งเกี่ยวก้อยทำสัญญากับเด็กผู้ชายตัวโตอยู่บนม้านั่ง ภาพด้านหลังของเธอคือสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ที่รายล้อมไปด้วยผู้คนมากมายที่กำลังออกกำลังกายกันอย่าสนุกสนาน วิ่งจ๊อกกิ้ง โยคะ เต้นแอโรบิก บางกลุ่มก็มาแบบครอบครัว มีเครื่องเล่นเด็กขนาดใหญ่อยู่บริเวณนั้น กับรอยยิ้มละมุนจากผู้ชายตัวโต มือของเขาเอื้อมมาลูบหัวเด็กผู้หญิงเบา ๆ อย่างเอ็นดู
เฮือก!!