“อย่าทำปะป๊าหนูนะ หนูต่อยเยยนะ” ทิวาวิ่งมาขวางหญิงสาวไม่ให้ทำร้ายปะป๊าได้เป็นครั้งที่สอง ยกกำปั้นขึ้นมาคล้ายท่าตั้งการ์ดมวยพร้อมปกป้อง แม้จะตัวเล็กแต่ใจก็ใหญ่ ไม่เกรงกลัวอีกฝ่ายที่ตัวใหญ่กว่า
“ทิวา...” ปลีพยายามบอกบางอย่างกับลูกสาว แต่ก็ยังเจ็บจุกเกินกว่าจะเอ่ยออกไป
“หนูปกป้องปะป๊าเองค่ะ” ทิวายังคงตั้งท่ามาดมั่นขณะที่หันไปพูดกับปะป๊า ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้าคนร้ายในสายตา
“หนูก็ย๊ากได้นะ” คำขู่จากเด็กน้อยไม่ได้ทำให้ทับทิมรู้สึกกลัวเลย
“ทับทิม ทิวา” ปลีกุมหน้าอกตัวเอง อีกทั้งยังพยายามห้ามคนที่กำลังส่งสายตาฟาดฟันกัน
“ไม่ต้องพูด // ปะป๊าไม่พูด” ปลีหน้าเหวอเมื่อถูกสองสาวสั่งห้าม ในขณะที่คนอื่นๆ ยิ้มขบขัน อีกความรู้สึกที่ทำให้กังวลก็คือผู้หญิงของพบตะวันกำลังท้าประลองกัน
“ย๊ากสิ” ทับทิมท้าทาย อยากรู้เหมือนกันว่าขาป้อมๆ นี่จะกระโดดถีบได้สูงสักแค่ไหน
“ย๊ากแน่” คนตัวเล็กค่อยๆ ขยับเท้าถอยหลังเพื่อตั้งหลัก แต่ก็ไม่ลดมือลงเลย
“รอดูอยู่” ทับทิมกระตุกยิ้ม ตัวกระเปี๊ยกทำเป็นเก่ง
“ดูเยยนะ”
“จะย๊ากได้ยัง”
“ย๊ากแย้ว ยะ...” เมื่อได้ระยะที่ต้องการ ทิวาก็ออกตัววิ่ง แต่ก็ถูกอาปลังคว้าตัวไว้ก่อน
“ทิวาครับ อาว่าเราไม่ควรใช้กำลังแก้ปัญหานะครับ”
“คงนี้ใช้เยย เตะปะป๊าของหนู ปะป๊าของหนูเจ็บนะ” ทิวาชี้หน้าคนที่ใช้กำลังกับปะป๊าของตน
“ปะป๊าของทิวาเจ็บแป๊บเดี๋ยวก็หายแล้วครับ ...หายแล้วใช่ไหมปลี” ปลังปะเหลาะหลาน ก่อนจะใช้เท้าเตะก้นคนที่ยังนั่งจุกอยู่กับพื้น และเป็นต้นเหตุให้ผู้หญิงสองคนท้าตีท้าต่อยกัน ทั้งที่เคยเตือนแล้วว่าให้บอกเรื่องทิวากับทับทิม
“ปะป๊าหายเจ็บแล้วครับ” ปลีจำต้องลุกขึ้นยืน ข่มความเจ็บไว้
“หนูหาปะป๊า ปะป๊าของหนู” ทิวาโผให้คนเป็นพ่ออุ้ม
“ทับทิม ปะป๊าว่าเราไปคุยกันต่อที่บ้านคุณทวดดีกว่า” ศิราออกปาก อยากรู้เรื่องราวทั้งหมด
“ค่ะปะป๊า” เมื่อผู้ที่เคารพรักเหมือนพ่อออกปากขอ ทับทิมจึงยอมสงบสติอารมณ์ไว้ก่อน
“ใจเย็นๆ นะทับทิม หม่าม้าอยากให้ฟังปลีก่อน” จอมเข้าใจความรู้สึกของทับทิม เป็นเธอก็ต้องเสียใจที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ แต่เชื่อว่าปลีต้องมีคำอธิบายที่ทำให้ทุกคนสบายใจ
“ค่ะหม่าม้า” ทับทิมสวมกอดคนที่เธอรักและเคารพเหมือนแม่ และเรียกหม่าม้ามาตั้งแต่สามขวบ
ประมุขของไร่จันทรัชกับภรรยาก็ตกใจเมื่อรู้ว่าปลีกลับมาพร้อมลูกสาวตัวน้อย แต่ความน่ารักของทิวาก็ทำให้ทั้งสองคนไม่ต้องการเหตุผลใดๆ ที่จะรับเป็นเหลน ส่วนเรื่องทับทิม ปลีก็ต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเอง และเชื่อว่าความผูกพันของทั้งคู่ จะทำให้เข้าใจกัน และจบลงด้วยดี
“ฉะหวัดดีค่ะ หนูน้องทิวา ดุจทิวา เป็งยูกปะป๊าปลีค่ะ” ทิวาทักทายและแนะนำตัวอีกครั้งต่อหน้าเดลกับเอวา
“ทวดเดล เป็นทวดของน้องทิวานะครับ”
“ปะป๊าบอกทวดเดลจะยักหนู อาปลังก็บอกด้วยค่ะ”
“มันแน่นอนอยู่แล้ว ทวดรักน้องทิวาครับ”
“หนูดีใจ” สองมือเล็กประสานที่หน้าอกตัวเอง บอกด้วยภาษากายว่าตนนั้นดีใจ ความน่ารักของทิวาทำให้ทุกคนยิ้มไม่หุบ ยกเว้นทับทิม ที่ยังไม่สามารถทำใจยอมรับได้
“แล้วปะป๊ากับอาปลังได้บอกทิวาไหมคะว่าทวดเอวาจะรักทิวา”
“บอกค่ะ ปะป๊ากับอาปลังบอกทวดเอวาจะยักหนู ปู่ฉิยาจะยักหนู ย่าจอมจะยักหนู ทุกคงที่ไย่จังทายัดจะยักหนู”
“ปะป๊ากับอาปลังพูดถูกค่ะ ทุกคนที่ไร่จันทรัชจะรักทิวา” รอยยิ้มรอบตัวทำให้ทิวารู้ว่าสิ่งที่ทวดเอวาพูดเป็นจริง
“หนูดีใจ”
“ทิวาไปให้ปู่ศิรากับย่าจอมกอดบ้างสิคะ”
“ปู่ขอกอดทิวาได้ไหมครับ” เห็นหลานลังเล ศิราจึงอ้าแขนรอรับ โดยที่จอมก็ยิ้มรอหลานอยู่ข้างสามี แม้จะยังไม่รู้ความเป็นมาเป็นไปของหนูน้อยทิวา แต่เมื่อปลีกับปลังพากลับมาในฐานะหลาน ทุกคนก็พร้อมอ้าแขนรับ
“ได้ค่ะ” ทิวายิ้มแป้นวิ่งเข้าสู่อ้อมกอดของปู่ศิรา ตามด้วยย่าจอม แล้วยังมีป้าผักหวาน ป้าผักกาด ลุงหมาก และป้ากะเพรา
“ปลีพาทับทิมไปคุยที่ห้องนั่งเล่น” แม้จะดีใจที่ได้เหลนคนใหม่ แต่เดลก็ไม่ละเลยความรู้สึกของว่าที่หลานสะใภ้
“ครับคุณปู่ ทับทิม...” ปลีตอบคนเป็นปู่ ก่อนจะหันไปหมายจะจับมือทับทิมพาไปห้องนั่งเล่น แต่เธอก็เบี่ยงหนี แล้วลุกเดินนำออกไป
“บอกแล้ว เป็นไง” ปลังไม่อยากซ้ำเติม แต่ก็อดไม่ได้จริงๆ ส่วนปลีก็ทำได้แค่ยอมรับและเดินหน้าง้อทับทิม
“ปะป๊า ปะป๊าไหน อาปลัง ปะป๊าของหนู” ทิวาหันมาเห็นปะป๊าเดินออกไปก็ร้องตาม
“เดี๋ยวปะป๊ามาครับ”
“ทิวาไปดูม้าแคระกับป้าไหมคะ” แม้จะอยากรู้ความเป็นมาของหนูน้อยทิวา แต่กะเพราคิดว่าควรพาทิวาออกไปก่อน
“หนูชวงปะป๊าก่อง”
“ปะป๊าของทิวาคุยธุระกับน้าทับทิมแป๊บเดียวค่ะ ทิวาไปดูม้าแคระกับป้าดีกว่า”
“หนูยอปะป๊าก่อง”
“ทิวาไปน้ำตกไหมครับ ลุงพาไป” หมากช่วยปะเหลาะอีกคน
“หนูยอปะป๊า”
กะเพรากับหมากไม่ละความพยายาม แต่ก็ปะเหลาะหลานไม่สำเร็จ ซึ่งทุกคนก็รออย่างใจเย็น
“ไปซิ่งไหม ป้าเฌอคนสวยจะพาทิวาซิ่งเอง” เฌอ ดารินา ลูกพี่ลูกน้อง พอรู้ว่าปลีกับปลังพาเด็กน้อยกลับมาด้วย ก็รีบซิ่งซาเล้งจากโรงงานมาที่คฤหาสน์ของไร่จันทรัชทันที
“ป้าเฌอ? หนูยู้จักป้าเฌอ ป้าเฌอยักหนูไหมคะ” ทิวาใช้ความคิด แน่นอนว่ายังมีคุณปู่คุณย่าหรือลุงป้าที่ยังไม่ได้เจออีกหลายคน และจำได้ว่าหนึ่งในนั้นก็มีป้าเฌอ
“รักสิ ป้าเฌอเป็นคนสวยที่รักเด็กมากๆ เลยนะ ตกลงทิวาจะไปซิ่งกับป้าเฌอคนสวยไหมคะ ป้าเฌอมีซาเล้งสุดเท่ด้วยนะ”
“ไปค่ะ”
“เอ้า!” กะเพรากับหมากปะเหลาะตั้งนานแต่หลานไม่ยอมไปด้วย เฌอมาแค่แป๊บเดียว ทิวายอมไปด้วยเฉย
ทิวาถูกใจซาเล้งสุดเท่ของป้าเฌอมาก คราวนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะได้รับรู้ความเป็นมาเป็นไปของเด็กหญิงดุจทิวาจากปากปลัง
ปลีรอให้ทับทิมใจเย็น แล้วค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง หากฝ่ามือหรือฝ่าเท้าพุ่งใส่จะได้รับมือได้ทัน
“บอกมาว่าใครเป็นแม่เด็กคนนี้” ทับทิมสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะถามออกไป
“ทับทิมไง...โอ๊ย!” หูของปลีแทบหลุดคามือทับทิม
“อย่ามาพูดมั่วๆ นะ” ไม่มีทางเป็นไปได้ที่เธอจะเป็นแม่ของเด็กทิวา
“ไม่มั่ว ทิวาลูกหม่าม้าทับทิม แค่ชื่อก็ใช่แล้ว ทับทิม ทิวา หม่าม้าทับทิมของน้องทิวา”
“มันจะใช่ได้ยังไง ให้โอกาสสุดท้าย พูด! ไปทำใครท้องมา”
“ไม่ได้ทำใครท้อง ปลีน้อยยังบริสุทธิ์ผุดผ่องรอทับทิมน้อยอยู่เนี่ย” ปลีกรุ่มกริ่มหวังผล เป็นแฟนกันมาตั้งนาน แต่ก็แค่ในนาม เพราะความห่างไกลคนละซีกโลก เขาไปเรียนที่อเมริกาตั้งแต่อายุสิบสอง ส่วนทับทิมก็เรียนที่เชียงราย และไปต่อมหาวิทยาลัยที่เชียงใหม่
“นาย พบ ตะ วัน” เสียงเน้นหนักไม่ล้อเล่นด้วย
“จริงๆ สาบานให้...” ปลียกมือขวาขึ้นมาพร้อมสาบาน
“ให้ตรงนั้นเล็กเท่าหนอนด้วง” สายตาของทับทิมจับจ้องไปที่ส่วนกลางกายของปลี
“คำสาบานน่ากลัวมาก ถ้ามันเล็กเท่าหนอนด้วงทับทิมนั่นแหละจะเสียใจ” ปลีหดมือกลับในทันที เพราะคำสาบานที่น่ากลัว
“ก็แค่หาใหม่”
“พรีเมียมขนาดนี้ไม่ได้หากันง่ายๆ นะ”
“มันใช่เวลาไหม”
“ปลีเป็นคนตั้งชื่อทิวาเองเลยนะ ตั้งชื่อนี้เพราะทับทิม”
“นี่ทิมกำลังรับบทคนความจำเสื่อมสินะ ลืมว่าตัวเองเคยมีลูก”
“ใช่...อะ...โอ๊ย~~” คราวนี้หูของปลีถูกเล่นงานหนักกว่าเดิม
“ยังจะทำเป็นเล่นอยู่อีก บอกมาให้หมดเลย ไม่งั้นเราเลิกกัน” ทับทิมยื่นคำขาด