นครนิวยอร์ก หรือที่นิยมเรียกกันว่า นิวยอร์กซิตี เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา เป็นเมืองที่เจริญที่สุดในโลก เป็นมหานครเอกของโลก จัดได้ว่าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน วัฒนธรรม บันเทิง ที่สำคัญที่สุดของโลก เป็นเมืองที่มี ตึกระฟ้า ตึกสูงมาก โดยนิวยอร์กนั้นเป็นมหานครที่ไม่เคยหลับใหล
ในขณะที่พี่ๆ เรียนจบปริญญาโทไปเมื่อสามปีก่อน และเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อสืบทอดธุรกิจของครอบครัว ก็เหลือเพียงน้องเล็กของตระกูลอย่าง ปลี พบตะวัน กับ ปลัง เขตตะวัน คู่แฝดมหาประลัย เจ้าของธุรกิจฟาร์มเป็ดตั้งแต่อายุสามขวบ ใครๆ ก็เรียกทั้งคู่ว่า ท่านประธานเป็ด
ปลีกับปลังมีพี่สาวกับพี่ชายร่วมสายเลือดสี่คนคือ ผักหวาน พรพระจันทร์, ผักกาด พรดวงดาว, หมาก มนต์ตะวัน และกะเพรา มนต์พระจันทร์ แล้วยังมีลูกพี่ลูกน้องอีกสี่สิบเจ็ดคน
ทั้งคู่กำลังเรียนจบปริญญาโท และจะเดินทางกลับไร่จันทรัช จังหวัดเชียงราย เพื่อสืบทอดธุรกิจของครอบครัวเช่นเดียวกัน กลับไปพร้อม ทิวา ดุจทิวา เด็กหญิงตัวน้อยวัยย่างสามขวบที่น่ารักและสดใส เป็นเหมือนดวงอาทิตย์ที่ให้แสงสว่างในตอนเช้า
“ทิวา น้องทิวาอยู่ไหนครับ” เสียงเรียกหาลูกสาวตัวน้อยที่ออกมาจากห้องก่อน ปลีหาทั่วชั้นสอง จนมาถึงห้องนั่งเล่นที่ปลังนั่งอมยิ้มอยู่ ทำให้รู้ว่าทิวาต้องแอบอยู่แถวนี้
“น้องทิวาไม่อยู่นี้นะ” ปลีหันไปตามที่มาของเสียงก็เห็นขาป้อมๆ ของคนที่ตามหาอยู่ใต้โต๊ะกลาง
“ไม่อยู่ตรงนี้แล้วอยู่ตรงไหนนะ” ปลีแสร้งทำเป็นหนักใจที่หาลูกสาวไม่เจอ
“หนูไม่ยู้” เสียงที่ตอบรับนั้นทำให้ปลีกับปลังต้องพยายามกลั้นหัวเราะ
“น้องทิวาอยู่ไหนนะ” ปลียังทำเป็นเดินหาลูกสาวไปรอบๆ ทำให้คนที่แอบอยู่หัวเราะชอบใจที่คนเป็นพ่อหาตัวเองไม่เจอ
“จ๊ะเอ๋” ปลีเดินกลับมา ยื่นนิ่งเพียงครู่ก็ก้มลงไปใต้โต๊ะ
“ปะป๊า” ทิวาสะดุ้งตกใจเล็กน้อยที่จู่ๆ ปะป๊าก็โผล่หน้ามา ถูกจับได้เสียแล้ว
“ระวังหัวโขกครับ” ปลียื่นมือไปวางบนหัวของลูกสาว ป้องกันไม่ให้หัวโขกกับโต๊ะขณะคลานออกมา ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาข้างปลัง แล้วอุ้มทิวาขึ้นมานั่งบนตัก
“ปะป๊ายู้ได้ไง อาปลังบอกไหม” เด็กหญิงตัวน้อยกอดอก ปากยื่นยู่
“อาไม่ได้บอกนะครับ ไม่ได้บอกเลยจริงๆ”
“แย้วปะป๊ายู้ได้ไง”
“ผีเด็กบอก”
“แหว่...” ทิวาแลบลิ้นพร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาทำท่าหลอกผี
“ผีหลอกๆ น่ากลัวจังเลย” ปลียกมือขึ้นมาปิดหน้า แสร้งทำเป็นกลัว
“คิกๆๆๆ” ทิวาหัวเราะชอบใจที่แกล้งหลอกผีให้คนเป็นพ่อกลัวได้
“ปะป๊ารักทิวานะครับ” ปลีมองความน่ารักสดใสตรงหน้า หลงรักเด็กคนนี้ตั้งแต่วันแรกที่ได้พบกัน
“หนูยักปะป๊า ยักปะป๊าคงเดียว” สองมือเล็กวางประสานบนหน้าอกตัวเอง พร้อมกับอิงซบอกอันอบอุ่น ตนก็รักปะป๊า รักปะป๊าคนเดียว
“น้อยใจ” ไม่ใช่แค่เสียง ทั้งสีหน้าและท่าทางของปลังบ่งบอกว่าน้อยใจหลานสาว
“หนูยักอาปลัง ยักอาปลังคงเดียว” หนูน้อยทิวารีบเอาใจ โผกอดคนเป็นอา
“อาเข้าใจละ ทิวาจะรักอาแค่คนเดียว ไม่ให้ใครรักอา” เพียงเท่านี้ปลังก็ใจอ่อน และเข้าใจที่หลานสาวพูด
“หนูยักอาปลังคงเดียว”
“ทิวาจะรักปะป๊าแค่คนเดียว ไม่ให้ใครรักปะป๊าด้วยใช่ไหมครับ”
“ใช่ๆ หนูยักปะป๊าคงเดียว” ทิวาโผกลับไปหาคนเป็นพ่อ
“เด็กขี้งก” ปลีหอมแก้มป่องนุ่มๆ ด้วยความมันเขี้ยว
“หนูยักของหนู” สองมือเล็กประสานที่หน้าอกตัวเองพร้อมเอียงคอน้อยๆ
“ทิวาพร้อมไปเจอทุกคนที่ไร่จันทรัชหรือยังครับ” ปลีถามความพร้อมของลูก เพราะเป็นครั้งแรกที่ทิวาจะได้ออกนอกอาณาเขตนครนิวยอร์ก
“พร้อมค่ะ” แค่มีปะป๊า ทิวาก็พร้อมออกไปเผชิญโลกที่แตกต่าง
“บอกทับทิมหรือยัง” ปลังถามเรื่องที่เป็นกังวล
“บอกแล้วว่าจะกลับ”
“หมายถึงเรื่องทิวา”
“ทับทิมต้องเข้าใจ”
“แทนที่จะบอกให้เข้าใจก่อน ทำเหมือนไม่รู้ว่าทับทิมเป็นยังไง” ปลังคิดว่าปลีกำลังหาเรื่องใส่ตัว