ปลายยามซวี่ เหยียนจื่อหยารับสำรับเย็นเพียงคนเดียวที่ตำหนัก พ่อบ้านรายงานว่าพระชายาจะจัดงานเลี้ยงรับขวัญตัวนางเอง เขาจึงเดินไปปรึกษาหารือกับนางยังเรือนอวี้ฮวา
“จิ้งเอ๋อร์ หลับแล้วหรือยัง พี่เข้าไปได้รึไม่” เขาเคาะประตูเรียก
“ยังเจ้าค่ะ เชิญท่านพี่” นางเอ่ยผ่านประตู เขาผลักประตูเข้าไปเห็นนางนั่งจิบชา ใส่ชุดคลุมบางๆ สีขาว กำลังจะเข้านอน
“เจ้าจะจัดงานรับขวัญอย่างนั้นรึ”
“เจ้าค่ะ ข้าคิดจะจัดงาน อันที่จริงงานนี้เป็นเพียงงานที่ข้าจะทำการส่งเสริมกิจการโถสะดวกของข้าที่กำลังจะเปิด”
“เจ้าส่งสาส์นเชิญในนามของข้า ไปยังตะกูลใหญ่ทั่วแคว้นเช่นนั้นรึ”
“เจ้าค่ะ หากเราต้องการทำกิจการให้รุ่งเรืองต้องมีคนรู้ให้มาก ว่าเรากำลังจะทำการอันใด และสิ่งของที่เราจะค้าขายนั้นใช้เพื่อทำอะไร”
“ข้าก็คิดว่าเป็นการดี งานนี้ถือเป็นงานรับขวัญของเจ้าด้วย ข้าเองก็มัวแต่รบทัพจับศึกมานานมิค่อยได้พบปะผู้คน งานนี้ลำบากเจ้าแล้ว”
“สิ่งที่ข้าจะค้าขายนับเป็นสิ่งใหม่ ยังไม่มีผู้ใดเคยใช้มาก่อน ข้าจะขายสินค้าได้ดีได้อย่างไร หากผู้คนไม่รู้ว่าสิ่งนั้นมีประโยชน์เช่นไร”
“เรื่องรายละเอียดให้เจ้าจัดการ มีสิ่งใดที่ต้องการให้พี่ช่วย ก็บอกพี่”
“เพียงท่านพี่พูดตามนี้ ที่ข้าเขียนไว้ ก็นับว่าเป็นการส่งเสริมกิจการของข้าแล้ว” นางพูดพร้อมส่งบทพูดที่เขาต้องพูดในงานเลี้ยงให้กับสวามีดู
“ท่านพี่ ข้าใช้เงินในคลังสมบัติท่านไปมาก ข้าต้องบอกกล่าวท่านก่อน ว่าการใช้จ่ายของข้านั้นย่อมมีจุดประสงค์ ข้าจะไม่ทำการอันใดที่เป็นการสูญเปล่า ขอให้ท่านวางใจ” นางเอ่ยปรึกษาหารือ
“ข้าเชื่อใจเจ้า เจ้าเป็นคนฉลาดซ้ำแผนการยังแยบยล” เอ่อ… เขาเพียงแค่คิดไปถึงการวางยาพิษสลายกำหนัดของนางที่เขาแทบจะคิดไม่ได้ด้วยซ้ำว่านางจะทำเช่นนั้น
“ขอบพระทัยท่านพี่เพคะ” นานๆ ทีนางจึงจะใช้คำราชาศัพท์
“ข้านำผ้ามาให้ ผ้านี้คือไหมโลหิต ปักดิ้นทอง ใช้ตัดในงานพิธีการหรืองานสำคัญ ข้าอยากให้เจ้างดงามเหนือผู้ใดในวันงาน หากเจ้าคิดจะทำสิ่งใด ข้าผู้ซึ่งเป็นสวามีย่อมต้องส่งเสริม” เขายื่นผ้าสีแดงเลือดปักดิ้นทองคำงดงามให้กับนาง
“ข้าจะทำให้ดีที่สุด”
นางไม่ใช่เด็กอายุสิบห้าสิบหกเหมือนเจ้าของร่าง อายุแท้จริงของนางเรียกได้ว่าผ่านประสบการณ์มาหลายอย่าง เรื่องที่นับว่าเป็นปัญหาชีวิตคู่คือการไม่พูดคุยกันให้เข้าใจ ต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างไป ต่างคนต่างเข้าใจ สุดท้ายก็เข้าใจกันคนละทาง ชีวิตในชาตินี้นางมีสวามีนางเพียงอยากทำให้มันดีก็เท่านั้น
การพูดคุยกันอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมานับว่าเป็นการสร้างความเข้าใจร่วมกัน ซึ่งจำเป็นอย่างมากของการใช้ชีวิตคู่
******************
วันงานมาถึง
ทุกคนล้วนแต่งกายงดงาม หลุนเหอจิ้งแต่งกายด้วยชุดที่ตัดเย็บจากไหมโลหิตปักดิ้นทองคำ ผมของนางประดับด้วยปิ่นหยกแดงล้ำค่าประดับทองฉลุลายหงส์ ปากอิ่มแต่งแต้มชาดสีแดงสด ความงดงามมากล้นดังมนต์จำแลงของปีศาจ
จวิ้นอ๋องเดินออกมารับนางที่หน้าเรือน จูงมือนางไปพร้อมกัน
เขาแต่งกายด้วยอาภรณ์ที่ตัดจากไหมโลหิตพับเดียวกัน แซมด้วยสีดำ รวบผมขึ้นครึ่งศีรษะครอบด้วยกวานทองคำประดับอัญมณีสีแดง
‘หล่อจัง’ นางชมเขาในใจ ชุดงานคู่อีกแล้วสินะ คงเป็นการตอบแทนที่นางทำชุดคู่รองเท้าคู่ให้เขาคราวก่อนกระมัง
แขกเหรื่อในงานต่างแต่งกายด้วยเสื้อผ้างดงาม มาพร้อมของขวัญล้ำค่า ผู้นำแต่ละตระกูลล้วนมองแล้วมีสง่าบารมี
“คารวะจวิ้นอ๋อง พระชายา ตำหนักท่านจัดงานได้งดงาม แปลกตายิ่งนัก” เกาซือหลง ผู้นำตระกูลเกากล่าวชม
“เชิญทุกท่านยังโต๊ะทานอาหาร” นางผายมือต้อนรับพร้อมรับของขวัญที่นำมามอบให้ นางให้สาวใช้จดรายการไว้อย่างละเอียดว่ากล่องใดเป็นของผู้ใด จะได้ตอบแทนได้ถูกเมื่อยามมีการมีงาน
ดนตรีเบาๆ เริ่มบรรเลง เสียงพิณ ประสานกับเสียงกลองทุ้ม เทียนหอมกลางโต๊ะถูกจุดขึ้น ชุดอาหารเป็นจานชามของแต่ละคน มีมีด ส้อม และช้อน ทำจากเงินวาววับ นางสั่งสาวใช้วางตะเกียบไว้ด้วยเพื่อรักษาวัฒนธรรมการกินแบบเดิมที่ผู้คนคุ้นเคย คบไฟส่องสว่าง บรรยากาศไม่เหมือนงานเลี้ยงใดในแคว้นฝู
ชุดจานชาม ผ้าเช็ดปาก ล้วนตีตราตำหนักจวิ้นอ๋องเป็นเอกลักษณ์ ก่อนการทานอาหาร นางได้เอ่ยถึงจุดประสงค์การจัดงานเสียก่อน เพราะงานที่จัดขึ้นล้วนเพื่อการนี้
จวิ้นอ๋องเหยียนจื่อหยาจูงมือพระชายาขึ้นนั่งเก้าอี้บริเวณโต๊ะกลาง ยกพื้นสูงกว่าที่อื่นเล็กน้อย กล่าวกับแขกเหรื่อ
“ข้าขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงานเลี้ยงรับขวัญชายาข้า ทุกท่านได้ทราบว่านางฟื้นจากความตาย ซึ่งเป็นความจริง ทุกสิ่งล้วนไม่แน่นอน ข้าได้ตระหนักแล้ว เมื่อนางฟื้นมาข้าเพียงอยากทำให้นางมีความสุขจึงได้จัดงานนี้ขึ้น อีกทั้งข้าเองได้เปิดกิจการโถสะดวกในเมือง ถือเป็นการฉลองเปิดกิจการของข้าด้วย หวังว่าทุกท่านจะให้การสนับสนุน”
เขาให้นางกล่าวต่อในฐานะเจ้าของงาน
“ข้า หลุนเหอจิ้ง ทราบซึ้งในน้ำใจของทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนี้ การจัดงาน เครื่องอาหารคาวหวาน และเครื่องดื่มข้าล้วนแต่ควบคุมเองทั้งสิ้น ขอฝากกิจการของครอบครัวข้าไว้ให้พวกท่านพิจารณาด้วย”
“โถสะดวกใช้เพื่อการอันใด” คุณชายเหมาลี่ถิงเอ่ยถาม
“โถสะดวกคือโถเก็บอาจม ที่มีบ่อขุดไว้เก็บสิ่งสกปรก หากท่านซื้อสินค้านี้ ท่านไม่ต้องใช้บ่าวไพร่ในเรือนไปเทถังอาจมทุกวี่วัน เท่ากับพวกท่านได้แรงงานบ่าวไพร่ไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์มากกว่า ยังได้ช่วยให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้น ล้วนมีแต่ประโยชน์” นางเอ่ยตอบอย่างฉะฉาน
“ข้าลองใช้แล้ว สุขาบริเวณด้านข้างตำหนัก ช่างน่าพอใจนัก ไม่มีกลิ่นรบกวนเช่นสุขาทั่วไป” ผู้นำตระกูลถงกล่าวขึ้น
แขกเหรื่อบางคนถึงกับลุกไปใช้สุขาทั้งๆ ที่ยังไม่ปวดหนักปวดเบาเพื่อดูการใช้งานของโถสะดวก พวกเขามองน้ำที่ราดในคอห่าน และมองการตกแต่งสุขาแบบใหม่
“หลังงานเลี้ยงนี้หากพวกท่านสนใจสามารถลงชื่อและจำนวนที่ต้องการ พร้อมวางเงินมัดจำ ข้าจะจัดส่งผู้ติดตั้งไปจัดการให้พวกท่านทันที โดยลงชื่อกับคนของข้าด้านข้าง” นางผายมือไปยังโต๊ะยาวที่จัดผ้าคลุมสวยงาม มีสมุดลงชื่อพร้อมจำนวน และหีบเก็บเงินเตรียมไว้เรียบร้อย
ผู้คนต่างกล่าวถึงโถประหลาด เหนือสิ่งอื่นใดคือโถสะดวกเป็นการประหยัดแรงงานการใช้บ่าวไพร่ มิใช่เพียงเสียเงินซื้อโถเก็บอาจม ประโยชน์อื่นที่ได้จากการเสียเงินในนั้นคุ้มค่ายิ่ง
สิ่งใดที่เป็นสิ่งใหม่ยังไม่เคยมีมาก่อนล้วนคือนวัตกรรม ถือเป็นหัวใจของวิทยาศาสตร์ การวิเคราะห์และทดลองต่าง ๆ ไม่ว่ายุคใดก็ตาม
โถสะดวกของนางในยุคนี้นับเป็น
‘การพัฒนานวัตกรรมการ ‘ขี้’ อย่างก้าวกระโดด’
อาหารรสเลิศทยอยเสิร์ฟจนครบรายการ ตบท้ายด้วยของหวานคือขนมเค้กทำจากผลซิ่งอบหอมกรุ่น เสียงดนตรีบรรเลงแผ่วเบา บริเวณตรงกลางเว้นที่ไว้ให้คนออกมาเต้นรำ
จวิ้นอ๋องลุกขึ้นโค้งคำนับตามแบบสากล ซึ่งนางสอนเขาว่าต้องทำเช่นนี้ ต้องให้เกียรติสตรีต่อหน้าผู้อื่น
“หากท่านอยากเต้นรำกับผู้ใดในบทเพลงไพเราะ เพียงโค้งคำนับสตรีผู้นั้นมาร่วมเต้นด้วยกัน ถือเป็นการสานสัมพันธไมตรีระหว่างตระกูล ข้าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ” เขาเอ่ยพลางหัวเราะเบา ๆ อย่างอารมณ์ดี พลางจูงมือชายาตนออกไปเต้นรำ
คุณชายหลายตระกูลที่ล้วนต่างเล็งคุณหนูตระกูลต่างๆ ไว้แต่ไม่กล้าทำความรู้จัก เริ่มใช้ความหน้าทนไปโค้งคำนับคุณหนูเหล่านั้นออกมาเต้นรำ ผู้คนยิ้มแย้ม บ่าวสาวตะกูลสูงต่างได้สานสัมพันธ์ทำความรู้จักอย่างใกล้ชิด
รายชื่อลูกค้าที่จะซื้อโถสะดวกเต็มสมุดทั้งสองเล่ม
หีบใส่ตั๋วเงินมัดจำเปิดอ้าออกจนปิดไม่ได้
หลังรับประทานอาหารขณะที่ทุกคนเต้นรำ ถ้วยจานและชุดมีดช้อนส้อมถูกนำไปล้างทำความสะอาดและห่อกระดาษใส่กล่องอย่างดีประทับตราสัญลักษณ์ตำหนักจวิ้นอ๋อง ให้เป็นของที่ระลึกกับแขกทุกท่านที่มาในงาน
ทุกคนล้วนประทับใจในงานเลี้ยง
แค่เพียงเงินมัดจำนางก็ได้กำไรมากโข
ส่วนของขวัญที่ทุกคนนำมาให้ล้วนถือเป็นกำไรล้วน ๆ นางสั่งให้เก็บเข้าในคลังสมบัติ ที่บัดนี้มีแต่เพิ่มพูนขึ้นกว่าเดิมมาก ขนาดยังไม่นับเงินจากการค้าโถสะดวกที่ยังไม่ได้ติดตั้ง
สวามีอยู่ดูแลงาน ส่งแขกเหรื่อจนแล้วเสร็จ
หลังจากที่ทุกคนกลับไปหมดแล้ว
สิ่งที่เป็นกำไรเหนืออื่นใดในค่ำคืนอันแสนพิเศษ
‘นางได้จูบเขาใต้แสงจันทร์’