“ทำไมผมต้องทำแบบนั้นล่ะครับ ผมไม่ใช่คนที่ชวนทะเลาะ”
“ก็เพราะที่ผ่านมา แม่เห็นแต่น้องอ่อนให้ดล ไม่ว่าน้องจะถูกหรือผิด ดลลองคิดดูว่าน้องจะต้องรักดลมากแค่ไหน” สิ่งนี้มันคงทำให้ลูกชายเธอได้ใจ แต่ตอนนี้มันมากเกินไปแล้ว
เธอทนเห็นแววตาเศร้าๆ นั้นไม่ได้อีกต่อไป
ลูกชายเธอจะรู้ไหมว่าทุกคนล้วนมีขีดจำกัด บางทีสิรินดาอาจหมดไปแล้วก็ได้
“น้องไม่เคยบอกแม่เลยว่าดลใจร้ายแค่ไหน มีแต่บอกว่าตัวเองไม่ดี แบบนี้ดลยังจะใจร้ายกับน้องต่อไปได้อีกหรอ” จารวีตำหนิปนสั่งสอน ด้วยอยากให้ลูกชายคิดได้
ที่ผ่านมาจารวีไม่เคยเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับการใช้ชีวิตของลูกชาย ไม่ว่าจะเป็นดลวัฒน์หรือดิษฐากร แต่หากทั้งสองคนเดินไปผิดเส้นทาง เธอก็ไม่อาจปล่อยผ่านได้
“แล้วแม่ก็ไม่ได้สอนให้ดลเป็นผู้ชายเห็นแก่ตัว ไม่คิดถึงใจใคร” เธอหยุดพูดเพื่อให้บุตรชายได้คิดครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อ “แม่ขอสักครั้งได้ไหม ให้ดลคิดถึงใจน้องบ้าง ดลทำให้แม่ได้ไหม”
ทว่าสิ่งที่ตอบกลับมาคือความเงียบ จารวีผ่อนลมหายใจ แต่ก็ไม่ได้เร่งรัดจะเอาคำตอบ เพราะอยากให้เวลาลูกชายได้คิด เชื่อว่ามันต้องแทรกซึมเข้าไปในใจบ้าง
เพราะดลวัฒน์ไม่ใช่คนหัวแข็งอะไรขนาดนั้น ที่ผ่านมาเธอเตือนอะไรลูกชายก็จะฟัง มีเพียงเรื่องเดียวที่ไม่เป็นเช่นนั้น คือเรื่องความสัมพันธ์พี่น้องที่ซับซ้อนกว่าเรื่องนี้มาก
“น้องเข้าสวนไปนานแล้ว ถ้าดลห่วงน้องก็ไปดู แต่ถ้าไม่ แม่จะไปเอง” เธอให้ทางเลือก และมันจะเป็นตัวบ่งบอกได้ว่าเธอควรจะสนับสนุนหนทางใดต่อไป
แม้อยากให้ความสัมพันธ์นี้ก้าวต่อไป แต่หากทั้งสองคนไม่มีความสุข มันก็ควรจบลงได้แล้ว
จารวีรอครู่หนึ่งก็ยังไม่เห็นทีท่าว่าลูกชายจะขยับตัว จึงหมายจะลุกขึ้นแทน
“ผมจะไปครับ”
ดลวัฒน์พาตัวเองมุ่งหน้าเข้าไปในสวนที่มีอยู่ประมาณสี่ไร่ มารดาของเขาซื้อต่อมาจากคนรู้จักที่กำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน จึงซื้อทั้งบ้านและสวนลิ้นจี่ ซึ่งเป็นผลไม้หลักที่คนแถวนี้ปลูกกัน ก่อนจะต่อยอดปรับให้เป็นแบบสวนผสมเพื่อให้ลูกหลานได้มีผลไม้หลากหลายกินทุกช่วงฤดู
ชายหนุ่มนึกหงุดหงิดกับคำที่มารดาร้องขอมาไม่ได้
อ่อนข้อ คิดถึงใจน้อง...
ตอนเขาถูกบังคับให้ต้องแต่งงาน ทำไมไม่มีใครคิดถึงใจเขาบ้าง เขาจะรู้สึกอย่างไรที่ต้องแต่งงานเพื่อธุรกิจ เหมือนใช้ตัวแลกกับเงิน
ดลวัฒน์กวาดตามองหาตัวการสำคัญ พบว่าสิรินดากำลังอยู่ในร่องสวนที่มีต้นดาหลาปลูกไว้
เสียงฝีเท้าที่ขยับมาใกล้ทำให้สิรินดาดึงสายตาไปมอง แต่ไม่ได้แสดงสีหน้ายินดียินร้ายอะไร