เด็กเจ้าพ่อ 13 | ฉัน…เลวเลยล่ะ NC+++

2688 Words
เสียงหัวใจของนาเนียร์เต้นโครมครามดังอยู่ในอก ร่างบางพยายามดิ้นหนีจากมือที่กอบกุมแขนเธอไว้แน่นอย่างไร้ความปรานี ดวงตากลมสวยเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความหวาดกลัว “พี่คิรัน หนู…หนูกลัว” เสียงของเธอสั่นพร่า ดวงตาเริ่มคลอด้วยหยาดน้ำตา แต่แทนที่คิรันจะยอมปล่อยนาเนียร์เป็นอิสระ เขากลับกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย แอลกอฮอล์ที่กำลังไหลเวียนในร่างกายอาจทำให้สติของค่ำคืนนี้ขาดผึง เขาดันตัวเธอแนบกับเคาน์เตอร์ครัว ดวงหน้าเข้ามาใกล้จนลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดแก้มเนียน “กลัวมากไหมหืมเด็กน้อย…” เขากระซิบเสียงแผ่วแต่แฝงไปด้วยอันตราย นิ้วเรียวยาวไล้ไปตามกรอบหน้าของเธอช้าๆ ทำเอาร่างเล็กสั่นสะท้าน “เมื่อก่อนฉันชอบเวลาได้ยินเสียงร้องไห้ของเธอ ตอนนี้ฉันกลับอยากรู้แล้วว่าเปลี่ยนมันเป็นอย่างอื่น…มันจะเป็นยังไงนะ” “พี่คิรัน…” น้ำเสียงของนาเนียร์แทบเป็นเสียงกระซิบ เธอไม่รู้จะต่อกรกับเขายังไง ไม่รู้จะพูดอะไรให้เขาหยุด มือของเขาหยุดลงที่ลำคอขาวเนียน ก้านนิ้วเกลี่ยเบาๆ จนเธอรู้สึกขนลุกซู่กับสัมผัสแปลกใหม่นี้ มือของเขาหยุดลงที่ลำคอขาวเนียน ปลายนิ้วเกลี่ยผิวเบาๆ จนเธอรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว นาเนียร์ขยับตัวออกห่างด้วยสัญชาตญาณ แต่ก็ไม่พ้นอ้อมแขนแข็งแรงที่กระชับเอวบางไว้แน่น ความใกล้ชิดนั้นทำให้หัวใจดวงน้อยยิ่งสั่นระรัว ตอนเด็กๆ เธอทำทุกทางเพื่อไม่ให้เจอหน้าเขา แต่พอโตขึ้นโชคชะตากลับนำพาให้แต่งงานกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ได้ยินพ่อฉันบอกว่าป้าเธอใจร้ายนักนิ อยากกลับไปอยู่แบบนั้นอีกไหม?” “ไม่ค่ะ…” “ยอมเป็นของฉัน แล้วฉันจะไม่ส่งเธอกลับไปที่นั่น” เธอเม้มปากเข้าหากันเป็นเส้นตรง เคยคิดในใจหากรู้ว่าคนที่ต้องแต่งงานด้วยเป็นคิรันคงยอมอยู่กับป้าเหมือนเดิม แต่พอจะโดนส่งกลับไปอยู่กับป้าเหมือนเดิมจริงๆ เธอกลับไม่อยากกลับไปอยู่ในสภาพเดิมอีก ตอนนี้เธอเดินออกมาไกลเกินกว่าจะกลับไปแล้ว… “พี่คิรันไม่กล้าหรอก” “หึ! อย่าคิดแบบนั้นสิ เธอก็รู้ว่าฉันเป็นคนยังไง” “ถ้าคุณลุงรู้คงไม่ยอมแน่” “จำที่พ่อฉันพูดได้ไหม ชีวิตเธอเป็นของฉันครึ่งนึงแล้ว เพราะฉะนั้นฉันจะทำอะไรกับเธอก็ได้” เขาพูดอย่างเย้ยหยัน สายตาจ้องมองนาเนียร์ที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกครั้ง “เธอคงไม่คิดว่าฉันจะสงสารหรอกนะใช่ไหม?” แน่นอนว่าไม่… คนอย่างคิรันไม่เคยสงสารใครโดยเฉพาะกับเธอ ผู้หญิงที่เขาเกลียดเข้าไส้ตั้งแต่ไหนแต่ไร “…ครั้งเดียวใช่ไหมคะ” เมื่อคนที่โดนบีบจนไร้หนทางนอกจาก ‘ยอม’ ฉะนั้นคงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ “นะ…นอนกับพี่แค่ครั้งเดียวใช่ไหม” “ถ้าติดใจก็เรื่อยๆ” นาเนียร์ก้มหน้าลงมองแผงอกของเขาอย่างลังเล แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยคำใดต่อ คิรันก็ดึงแขนเธอแรงๆ แล้วลากเข้าไปในห้องนอนซึ่งเป็นห้องหอที่เธอไม่เคยได้ใช้ร่วมกับเขาเลยสักคืนตั้งแต่แต่งงานกัน ตุ้บ! ร่างบางถูกผลักลงบนเตียงหนานุ่ม หัวใจเธอเต้นโครมครามอย่างควบคุมไม่อยู่ สายตาหวาดระแวงเงยขึ้นสบกับเขาที่ก้าวเข้ามาคร่อมด้านบน ความกลัวไหลวนทั่วร่างจนแทบหายใจไม่ออก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอทำอะไรแบบนี้ นิ้วยาวแตะสัมผัสผิวเธอเบาๆ แต่กลับทำให้ขนลุกซู่ไปทั้งตัว เธอไม่รู้จะเอามือวางไว้ตรงไหน สุดท้ายจึงสัมผัสแผงอกเขาเพื่อหาที่พึ่งทางอารมณ์ จังหวะที่คิรันโน้มใบหน้าคมคายลงมาใกล้จนสัมผัสได้ไออุ่นผสมกลิ่นเหล้า นาทีนั้นทำหัวใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งเลยทีเดียว “ครั้งแรก?” “ค่ะ…” เธอตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาโดยไม่มองหน้าเขา “คาดไม่ถึงเลยแฮะ” เขาพูด ตัวนาเนียร์หอมจนอดใจแทบไม่ไหว กลิ่นหอมนี้…เหมือนเคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อน จำได้แล้ว…เจ้าของแมสก์ลายคิตตี้นั่น อย่าบอกนะว่าเป็นคนเดียวกับนาเนียร์ ซึ่งเขาเลือกที่จะไม่เอ่ยถามออกไปทันที “อึก!” เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเขากดริมฝีปากร้อนผ่าวลงบนลำคอตรงจุดชีพจร มืออีกข้างสอดใต้เสื้อยืดนุ่มลื่น ลูบไล้ไปตามสะโพก ก่อนจะไต่ขึ้นถึงหน้าท้องแบนราบ คิรันสอดมือผ่านเสื้อยืดตัวเก่งมาสัมผัสผิวเนื้อข้างในโดยตรง สัมผัสนั้นทำให้เธอรู้สึกแทบหยุดหายใจ ราวกับมีผีเสื้อนับพันกำลังบินวนบริเวณท้องน้อย จนเผลอส่งเสียงดังอืออึงออกมาในลำคอ “อะ อื้อ~” เสียงครางหวานแผ่วหลุดจากลำคอโดยไม่ทันยั้ง เมื่อเขากดจูบลงมาอย่างเร่าร้อน ลิ้นร้อนตวัดเกี่ยวกับลิ้นเล็กของเธออย่างเชี่ยวชาญ จูบแรกของเธอ…กลับถูกช่วงชิงไปอย่างดิบเถื่อนแต่เร้าอารมณ์ ชายหนุ่มยืดตัวขึ้นแล้วปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำออกทีละเม็ด สายตาคมกริบพิศมองคนใต้ร่างด้วยอารมณ์กระสันที่เต็มเหนี่ยว ก่อนที่เสื้อเชิ้ตจะถูกสะบัดออกจากร่างกำยำในที่สุด นาเนียร์เบือนใบหน้าหนีอัตโนมัติ ไม่อยากเชื่อว่านี่คือคนเดียวกับเด็กผู้ชายผอมแห้งที่เคยกลั่นแกล้งเธอในวัยเด็ก ตอนนี้เขาโตเป็นหนุ่มหล่อที่มีสาวๆ มากมายรายล้อม “มองฉัน” เธอค่อยๆ หันกลับมามองเขาในที่สุด มือหนาเริ่มปลดเข็มขัดจากแบรนด์หรูออกแล้วโยนลงพื้นราวกับมันเป็นเพียงสิ่งของราคาถูก ชายเสื้อยืดที่เลิกขึ้นเผยให้เห็นหน้าท้องแบนราบทำให้สายตาคมกริบหยุดมอง “ถอดเสื้อเธอออก” ร่างบางตัวแข็งทื่อ หัวใจเต้นรัวแทบทะลุอก ความลังเลฉายชัดในดวงตาคู่สวย แต่นาเนียร์ก็ยอมถอดเสื้อยืดตัวเก่งของตัวเองออกตามคำสั่งเมื่อครู่ แม้ว่าท่อนบนเหลือเพียงชั้นในตัวเดียวหากแต่ก็ไม่ได้ทำให้คนบนร่างพึงพอใจ คิรันสอดมือเข้าไปใต้แผ่นหลังบาง จัดการปลดตะขอออกเองในที่สุด มันต้องแบบนี้สิ… ดวงตาคมกริบมองหน้าอกขนาดใหญ่ที่กำลังถูกนาเนียร์ใช้ท่อนแขนปกปิดแทบไม่มิด “เอามือออก” “นะ…หนูเขิน” เธอตอบโดยไม่มองหน้าเขา ไอร้อนแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าจนรู้สึกได้ “เอา มือ ออก” คราวนี้เขาย้ำเสียงเข้ม สีหน้าฉายชัดถึงความไม่พอใจ จนในที่สุดยัยนี่ก็ยอมเอามือออกจากหน้าอกขนาดใหญ่ เขามองยอดปทุมถันสีระเรื่อพลางลอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ ทำไมยัยนี่ซ่อนรูปดีจังวะ… เขาพูดขึ้นมาในใจขณะใช้สายตามองรูปร่างน่าเอาของนาเนียร์ “อื๊อ!” ความรู้สึกแปลกๆ วิ่งปราดเข้ามาเล่นงานอย่างจังเมื่อเขาครอบริมฝีปากลงมายังยอดปทุมถัน แรงดูดเลียทำร่างบางสั่นสะท้านได้ไม่ยาก เธออยากต่อต้าน หากแต่ร่างกายไม่รักดีกลับแอ่นรับสัมผัสแปลกใหม่จากคิรันอย่างลืมตัว คิรันผละใบหน้าออกจากหน้าอกขนาดใหญ่ พลางใช้มือหนาเช็ดคราบน้ำลายออกจากริมฝีปาก ก่อนจะเดินไปหยิบถุงยางอนามัยแล้วถอดกางเกงออก เผยให้เห็นแก่นกายขนาดใหญ่ตามไซซ์ถุงยางที่นาเนียร์เคยเห็นวันนั้นที่ห้องทำงาน ไซซ์ถุงยางที่เธอเห็นวันนั้นเดาขนาดไม่ได้ว่ามันประมาณไหนจนกระทั่งมาเห็นของจริง ทำไมของจริงใหญ่แบบนี้ เธอเบือนใบหน้าไปทางอื่น ทั้งตื่นเต้นและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน รู้ตัวอีกทีคิรันก็ถอดกางเกงนอนออกไปเสียแล้วจนเธอรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว “ขอทำใจก่อนได้ไหมคะ” เธอไม่พร้อม ไม่พร้อมจริงๆ หากเขาไม่ขู่จะส่งเธอคืนให้ป้าคงไม่มีวันยอมทำเรื่องแบบนี้อย่างเด็ดขาด หากพูดตามความจริงไม่โลกสวย ตอนนี้เธออยู่ในสถานะ ‘ภรรยา’ ของเขาหนึ่งปี ต่อให้วันนี้เธอรอดไป ยังไงสักวันก็ต้องตกเป็นของเขาอยู่ดี… “อย่าทำตัวให้มันน่ารำคาญ” “นะ…หนูกลัว…” “ชู่ว~ ไม่ต้องกลัว ฉันจะทำเบาที่สุด” เขาแตะนิ้วชี้ลงกลางริมฝีปากเพื่อปลอบโยน ปากบอกไปแบบนั้นแต่พอได้ทำจริงๆ มีหรือจะปรานี คิรันจับแก่นกายถูไถไปมากับร่องรักเปียกแฉะสองสามที ก่อนจะค่อยๆ กดส่วนหัวลงกระทั่งเข้าไปได้สำเร็จ “อื๊อ! พะ…พี่คิรันหนูเจ็บ!” เธอร้องประท้วงพร้อมกับใช้มือดันหน้าท้องแกร่งแล้วหนีบขาเข้าเอวสอบ ทว่ากลับถูกเขาจับแยกออกเหมือนเดิม “อย่าเกร็ง” “หนูเจ็บ! อะ…เอาออกไปก่อนได้ไหมคะ” “เจ็บก็อย่าเกร็ง” เขาบอกซ้ำอีกรอบโดยไม่คิดจะดึงแก่นกายออกแม้แต่น้อย แต่กลับดันมันเข้าไปลึกอีกนิดจนเกือบสุดความยาวโดยไม่สนใจว่าเป็นครั้งแรกของนาเนียร์ ใบหน้าสวยหวานบิดเบ้ไปด้วยความทรมาน ความเจ็บปวดที่คนตัวโตกำลังตักตวงให้ทำดวงตาคู่สวยเอ่อร้นด้วยคราบน้ำตา สายตาคิรันไร้ซึ่งความสงสารหรือเห็นใจ สะโพกแกร่งเริ่มตอกอัดเข้าใส่อย่างหนักหน่วงไร้ความปรานี ร่างบางโยกคลอนตามแรงกระแทกจากคนตัวโต ความเจ็บปวดวิ่งเข้ามาเล่นงานนาเนียร์ราวกับกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่าน ปึก ปึก ปึก เจ็บ… คำเดียวสั้นๆ ที่ทำให้เธอกัดฟันอดทนจนกว่าทุกอย่างจะจบลง มือเล็กจิกผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ เธอนอนน้ำตาไหลนองแต่ดูเหมือนคนใจร้ายอย่างคิรันจะมองข้ามไปอย่างเลือดเย็น “อ่า…” ใบหน้าคมคาทำเหยเกพร้อมกับเปล่งเสียงครางต่ำในลำคออย่างทนไม่ไหว สายตาคมกริบหลุบมองจุดเชื่อมเพื่อกระตุ้นอารมณ์ มือหนาวางข้างเอวบางแล้วตอกอัดท่อนเอ็นแข็งขึงเข้าใส่อย่างไม่ปรานี จนได้ยินเสียงเนื้อกระทบกันดังสนั่นไปทั่วห้องนอน “ตอนโดนฉันเอา จำเอาไว้ว่าต้องมองหน้าฉัน” เขาเลื่อนมือลงไปบีบคางมนให้หันกลับมามองหน้า ก่อนจะจับขาเรียวสวยพาดบ่าแล้วตอกอัดอย่างระรัว นาเนียร์พยายามมองหน้าคิรันด้วยสีหน้าทรมาน แต่ก็ทำได้ไม่นานเบือนไปทางอื่นเช่นเคย แรงกระแทกกระทั้นจากคนตัวโตทำเธอจุกและแสบคันในเวลาเดียวกัน “พะ…พี่คิรันอึก! นะ…หนูจุกอื๊ออ!!” “ครางออกมานาเนียร์ ครางให้ฉันได้ยิน!” เขารู้สึกหงุดหงิดมากที่นาเนียร์พยายามกลั้นเสียงคราง ยิ่งเธอพยายามต่อต้านเขายิ่งอยากเอาชนะ ปึก! ปึก! ปึก! แอลกอฮอล์ในร่างกายบวกกับความอยากเอาชนะปลุกความดิบเถื่อนให้ทำหน้าที่ของมัน คิรันทาบทับร่างบางอีกครั้ง คราวนี้ใบหน้าคมคายซุกลงลำคอระหงหอมกรุ่น ฟันแหลมคมขบกัดผิวเนื้อเป็นรอยเขี้ยว จนนาเนียร์นิ่วหน้าด้วยความเจ็บสุดจะทนไหว “อื๊อ! พี่คิรันมันเจ็บ!” เธอออกแรงดันไหล่แกร่งออก หากแต่กลับถูกจับกดลงเตียงจนข้อมือแทบละเอียดคามือหนา ยิ่งต่อต้าน เขายิ่งป่าเถื่อนด้วยมากเท่านั้น “อ๊ะ อ๊าา~” เธอหลุดเสียงครางอัตโนมัติเมื่อเขาครอบริมฝีปากลงยอดปทุมถัน แรงดูดเลียทำให้สติแทบกระเจิง เธอพยายามกัดกลีบปากจนเลือดห่อแต่สุดท้ายก็ทนพิษความเสียวซ่านไม่ไหว ปล่อยครางเสียงออกมาในที่สุด คิรันเผยยิ้มด้วยความพอใจ เสียงครางหวานคือสิ่งที่เขาต้องการได้ยินมากที่สุด เมื่อทำให้นาเนียร์ครางออกมาได้แล้วก็รู้สึกถึงชัยชนะ พรึ่บ! นาเนียร์ถูกสลับมาอยู่ด้านบน ใบหน้าสวยหวานมีอาการมึนงงเล็กน้อย “พี่คิรันจะให้หนูทำอะไรคะ” “ขึ้นให้ฉัน” “ขึ้น?” “ขยับ” “หนูทำไม่เป็น….” เธอตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ แถมความอึดอัดตรงจุดเชื่อมทำให้เธอรู้สึกอึดอัดไม่ใช่น้อย “จะขยับเองหรือให้ฉันกระแทกขึ้น?” “หนู…อ๊ะ!” เธอหลุดเสียงครางออกมาเมื่อเขากระแทกขึ้นมาหนึ่งที “ถ้าให้ฉันทำ รู้ใช่ไหมว่าฉันไม่ออมมือ” นาเนียร์เม้มปากแน่น สุดท้ายแล้วต้องฝืนขยับร่างกายอย่างเก้ๆ กังๆ การกระทำที่ดูไม่เป็นงานเริ่มทำให้คิรันฉายสีหน้าไม่สบอารมณ์ชัดเจน มือหนาคว้าร่างบางลงมา ก่อนจะสวนสะโพกแกร่งขึ้นเพื่อตอกอัดเอง “อื๊อๆ! บะ…เบาๆ หน่อยได้ไหม นะ…หนูจุกอึก! อ๊ะ!” “อืมม เธอแม่งโคตรน่ารำคาญเลยนาเนียร์” มีดีแค่หน้าตาและหุ่นน่าเย นอกนั้น…น่ารำคาญไปหมดในสายตาของเขา กลิ่นคาวเลือดที่คลุ้งกระจายปลุกปั่นอารมณ์กระสันให้ลุกฮือได้ไม่ยาก แรงตอดรัดภายในร่องรักคับแคบทำเขาอดใจไม่ไหวที่จะกระแทกอย่างหนักหน่วง ในเวลาต่อมาคิรันจับนาเนียร์ให้นอนราบเหมือนเดิม คราวนี้เขากลับมาคุมเกมเองอีกครั้งเพราะอีกคนไม่ได้เรื่อง สายตาคมกริบจ้องมองคราบเลือดที่เปื้อนเขรอะง่ามขาอย่างไร้เยื่อไย นิ้วหัวแม่มือบดคลึงติ่งเกสรทำให้นาเนียร์ดิ้นพล่าน และวินาทีต่อมา… “หนูไม่ไหวแล้วอึก! พะ…พอก่อนได้ไหมคะ” ภายในเริ่มบีบรัดแก่นกายถี่บอกว่านาเนียร์ใกล้แตะขอบสวรรค์รอมร่อ และก็ใช่… “อร๊าย!” เธอไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้ รู้สึกทรมานสุดขีดจนหยุดยั้งทุกอย่างไม่ได้กระทั่งได้ปลดปล่อยบางอย่างออกมา ยอมรับว่ามันรู้สึกดีมาก คิรันยังคงกระแทกกระทั้นระรัวไม่มีทีท่าจะหยุดแม้ว่าส่งนาเนียร์แตะขอบสวรรค์แล้วก็ตาม เขาเร่งจังหวะเร็วขึ้นเมื่อเริ่มมองเห็นขอบสวรรค์อยู่รำไร “อ่า!” เขาปลดปล่อยสิ่งที่อัดอั้นมานานใส่ถุงยางอนามัย แก่นกายกระตุกหงึกหงักภายในร่องรัก เขาค่อยๆ ถอนมันออกมา นาเนียร์รู้สึกดีใจที่ทุกอย่างจบลงแล้ว หากแต่ว่า… “คิดว่ามันจะจบลงแค่นี้งั้นเหรอ?” “หมายความว่ายังไงคะ” “ก็หมายความว่า…เธอต้องนอนอ้าขาให้ฉันเอาอีกรอบไงล่ะ” ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง ตอนแรกเธอคิดว่ามันจบแล้วแต่ที่ไหนได้…เธอคิดไปเอง คิรันหยิบซองถุงยางอนามัยมาเปลี่ยน จัดการสวมใส่อย่างชำนาญเพียงไม่กี่วินาที มือหนาจับหมับเข้าข้อเท้าเล็กแล้วออกแรงดึงจนร่างบางหงายหลังนอนราบบนเตียง “ว้าย!” เธอร้องอุทานเสียงหลงด้วยความตกใจกับการกระทำของเขาที่เธอไม่ได้ตั้งตัวก่อน “คนอย่างฉัน…ไม่เคยพอแค่รอบเดียว” เขาพูดพร้อมกับจ้องมองตาเนียร์ตามไปด้วย “หนูไม่ไหวแล้ว…” “เรื่องของเธอ” “ทำไมพี่คิรันใจร้ายจัง” “หึ! เธอพูดผิดนะ ฉันไม่ได้ใจร้าย แต่ฉัน…” เขาพูดด้วยท่าทางเย้ยหยัน ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปใกล้ใบหูแล้วขยับริมฝีปากพูดต่อ “เลวเลยล่ะ” อย่าหาความดีจากคนอย่างเขาเพราะไม่มีให้ยกเว้น…ความเลว “หนูไม่ไหวแล้วจริงๆ พี่คิรัน” เธอเหนื่อยและไม่มีแรงทำกับเขาต่อแล้ว แต่ดูเหมือนเขายังมีแรงเหลือเฟือต่างจากเธอโดยสิ้นเชิง “อดทนสิ” “…” “ในเมื่อยอมแต่งงานกับฉันเอง ก็อดทนจนกว่าจะครบหนึ่งปี” ตอนแรกคิดว่าการแต่งงานกับนาเนียร์เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต แต่ว่าตอนนี้…เขาเริ่มชักสนุกกับมันแล้วสิ “ขอต้อนรับเข้าสู่นรกขุมใหม่”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD