เด็กเจ้าพ่อ 16 | ก็อย่ายั่ว NC กรุบกริบ

2864 Words
“ช่วงนี้ป้าเป็นไงบ้าง” นาเนียร์ที่นัดเจอทีม ณ ร้านกาแฟใกล้ๆ จุดที่น้องชายซ้อมฟุตบอลกับเพื่อน แม้ว่าที่ผ่านมาป้าจะเคยทำไม่ดีด้วยหากแต่ครั้งนึงก็ถูกเลี้ยงดูมาโดยท่าน “เหมือนเดิม แม่บอกว่าโทรหาพี่แต่พี่ไม่เคยรับสายเลย แม่โกรธมาก บางวันทำลายข้าวของจนบ้านเละเทะ วันก่อนมีเจ้าหนี้มาทวงหนี้ถึงบ้านด้วย” “ทวงหนี้?” “อือ แม่เป็นหนี้บ่อนประมาณห้าแสนมั้ง” ทีมตอบเสียงเรียบพลางลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความเหนื่อยหน่าย “ตั้งแต่พี่แต่งงานผมก็ไปนอนหอเพื่อน ไม่อยากนอนบ้าน เบื่อเวลาแม่โวยวาย” ถึงว่าทำไมป้าถึงโทรหาเธอถี่ เพราะเป็นหนี้บ่อนนี่เอง ที่ผ่านมาเธอคอยหาเงินให้ใช้ไม่ขาดมือเลยมีเงินเข้าบ่อน หลังจากแต่งงานเธอย้ายออกมาอยู่กับคิรันทำให้ป้าต้องดิ้นรนเองทุกอย่าง ความหวังที่จะได้เงินค่าสินสอดมหาศาลพังทลาย จะว่าไปวันนั้นป้าได้เงินจากพ่อคิรันไปเยอะพอสมควร คงเอาไปเข้าบ่อยจนหมดตัว เธอแอบคิดว่าป้าจะเก็บเงินก่อนนั้นไว้ใช้และส่งเสียทีมจนเรียนจบ หากแต่ป้ากลับทำเพื่อตัวเองโดยไม่คำนึงถึงลูกชาย “แล้วคิดไว้รึยังว่าจะเรียนอะไร” “วิศวะ” “เรื่องค่าเทอม…เดี๋ยวพี่จัดการให้นะ” “ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวผมหางานพาสไทม์ทำเอาก็ได้” เขาไม่อยากเป็นภาระของใคร ที่ผ่านมานาเนียร์ทำเพื่อเขาและแม่มาเยอะแล้ว อีกอย่างเขาโตแล้ว อยากลองรับผิดชอบชีวิตตัวเอง “เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยมันหนักนะ” “สบาย” “เดี๋ยวพี่ช่วย ทีมมีหน้าที่เรียนก็เรียนไป เรื่องค่าเทอมปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่” เธอได้เงินจากคุณลุงคิระมาเยอะพอสมควร และตั้งใจเอามาส่งเสียทีมให้เรียนสูงๆ “แล้วพี่ล่ะ ไม่อยากเรียนต่อเหรอ” คำถามของทีมทำให้นาเนียร์นิ่งชะงักราวกับโดนจี้จุด “อยากสิ แต่พี่แต่งงานแล้ว…” “ครบสัญญาหนึ่งปีพี่ก็มาเรียนต่อได้นิ” “ถึงตอนนั้นพี่อาจจะอยากทำอย่างอื่นไปแล้วก็ได้” ทีมพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะหยิบเครื่องดื่มขึ้นมาดูดปลายหลอด พลางแตะหน้าจอโทรศัพท์ดูว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว “สักหน่อยจะไปเตะบอลกับเพื่อนแล้วนะ” “อือ ไปเถอะ ระวังตัวด้วย” ทีมพยักหน้ารับหนึ่งครั้ง ก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงแล้วหยัดกายขึ้น มือคว้ากระเป๋ามาสะพายบ่า “ไปก่อนนะ เจอกัน” ทีมโบกมือบ้ายบายนาเนียร์ ก่อนจะเดินออกไปจากร้านกาแฟ ซึ่งฝั่งตรงข้ามเป็นสนามฟุตบอลพอดี และเพื่อนในกลุ่มบางคนที่นัดไว้ก็มาถึงแล้ว นาเนียร์นั่งมองน้องชายด้วยรอยยิ้ม มือเล็กหยิบแก้วเครื่องดื่มของตัวเองขึ้นมาดูดตรงปลายหลอด เธอนั่งอยู่ร้านกาแฟคนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนจะกลับเพนท์เฮาส์ Kiran Casino เสียงกระทบกันของชิปพนันดังแว่วสลับกับเสียงหัวเราะต่ำๆ ของผู้ชายในชุดสูทหรู โต๊ะวีไอพีกลางคาสิโนถูกล้อมด้วยแสงไฟสีทองอ่อนและเสียงดนตรีแจ๊ซคลอเบาๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นเงิน กลิ่นเหล้าแพง และกลิ่นความเสี่ยงที่เย้ายวนอย่างประหลาด คิรันนั่งเอนตัวพิงพนักเก้าอี้หนังแท้ขณะหมุนแก้ววิสกี้ในมือ สายตาคมกริบกวาดมองไพ่ตรงหน้าอย่างใจเย็น เสี้ยวยิ้มผุดขึ้นมุมปากในแบบที่ใครเห็นก็รู้ว่าเจ้าตัวกำลังได้เปรียบ “ถ้ามึงไม่ใช่เจ้าของคาสิโน กูคงสงสัยแล้วว่ามีแม่งอะไรซ่อนไว้ใต้โต๊ะรึเปล่า” ไรอันว่าอย่างขำๆ ขณะหยิบชิปวางเพิ่มเข้าไปในกองตรงกลาง คิรันไม่ตอบอะไรนอกจากยกแก้ววิสกี้จิบเบาๆ พลางปรายตามองเจ้ามือที่หงายไพ่ใบสุดท้ายขึ้นมา แบล็กแจ็ก เสียงอุทานด้วยความหงุดหงิดดังขึ้นจากคนข้างๆ ทว่าคิรันกลับยิ้มกว้างอย่างพอใจ ก่อนจะใช้สองนิ้วกวาดชิปกองโตเข้าหาตัวโดยไม่พูดอะไร “อารมณ์ดีจนซัดไปสามตาติด อย่าบอกนะว่าได้ปลดปล่อยแล้ว?” ไรอันว่า “ถ้าจะให้พูดตรงๆ ตอนนี้กูกำลังเบื่อ ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยสักอย่าง” คิรันตอบนิ่งๆ ขณะหยิบบุหรี่ขึ้นมาคาบไว้ในปากแล้วใช้ไฟแช็คลนปลายกระบอกจนควันคลุ้ง “กูก็หวังว่ามึงจะไม่เอาความเบื่อไปลงที่เมียมึงนะ” คนที่ไรอันหมายถึงก็คือนาเนียร์ ช่วงนี้คิรันโดนพ่อสั่งห้ามไม่ให้ยุ่งกับผู้หญิงในสต็อกจนกว่าจะครบหนึ่งปี และคนที่ต้องกลายเป็นสนามอารมณ์ก็คงหนีไม่พ้น…นาเนียร์ คำว่า ‘เมีย’ ทำให้มือหนาของคิรันที่คีบบุหรี่ชะงักลงไปชั่วคราว สายตาคมกริบตวัดมองเพื่อนสนิทอย่างไม่สบอารมณ์และไม่ชอบคำๆ นั้น “อย่าเรียกยัยนั่นว่าเมียให้กูได้ยินอีก” “แปลกตรงไหน?” “กูไม่ชอบ” “กูจะรอดูคนที่บอกไม่ชอบ” ไรอันหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ก่อนจะหันไปหยิบไพ่ขึ้นมาดู คิรันนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพ่นควันบุหรี่ออกมาช้าๆ ดวงตาคมกริบจับจ้องที่ไพ่ในมือตัวเอง ด้านนาเนียร์ หญิงสาวเดินเลือกซื้อของภายในร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ ที่พักอาศัย มือเล็กหยิบของจากชั้นวางมาใส่ลงตะกร้าที่คล้องอยู่แขนพับ หลังจากได้ของครบตามต้องการจึงเดินมาจ่ายเงินกับแคชเชียร์ “ขอบคุณค่ะ” เธอรับถุงจากพนักงานมาด้วยรอยยิ้มแล้วเดินออกไป ที่พักไม่ได้ไกลจากร้านสะดวกซื้อมานัก ห่างไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตรก็ถึง ระหว่างรอข้ามถนนเล็กๆ ไปอีกฝาก ราวกับคนกลั่นแกล้งอย่างไรอย่างงั้น เธอโดนรถหรูคันหนึ่งขับมาแล้วเหยียบน้ำจนกระเด็นใส่ ท่อนล่างเปื้อนไปหมดรวมถึงถุงในมือที่ถือออกจากร้านสะดวกซื้อ ขวับ! เธอหันไปมองรถหรูที่จอดนิ่ง พอเดินเข้าไปใกล้ฝั่งนั้นก็ลดกระจกลงมาจนเห็นคนขับ “พี่คิรัน” เจ้าของรถหรูที่ขับมาเหยียบน้ำจนกระเด็นใส่เธอเป็นคิรัน พอเป็นเขาทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าอีกคนจงใจทำแบบนี้ เธอทั้งโกรธและอายในเวลาเดียวกัน “พี่คิรันจงใจแกล้งหนูใช่ไหม” “ฉันขับมาปกติ ใครจะเห็นว่าตรงนั้นมีน้ำ” คิรันพูดแล้วปรายสายตามองสภาพนาเนียร์ที่ดูไม่ได้ ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากอย่างสะใจ “หนูไม่เชื่อ” “เรื่องของเธอ” พูดจบกระจกรถก็ค่อยๆ ปิดขึ้น คิรันขับรถออกไปจากตรงนี้ทิ้งให้นาเนียร์ยืนกำมือแน่นด้วยความโกรธอยู่คนเดียว ใครผ่านไปผ่านมาเห็นก็มองราวกับเธอเป็นตัวประหลาด ด้วยความอับอายจึงรีบเดินเข้าไปข้างใน ปัง… นาเนียร์ปิดประตูลงแล้วเดินตรงไปยังโซนห้องครัวเพื่อวางของที่ซื้อมา ส่วนคิรันนั่งยกขาวางพาดโต๊ะลายหินอ่อนสีดำดูทีวีอย่างสบายใจ “ระวังพื้นเปื้อนล่ะ” “สุดท้ายคนทำความสะอาดก็หนูอยู่แล้วนิ” นาเนียร์ที่เพิ่งเดินออกมาจากโซนห้องครัวตอบกลับโดยไม่มองหน้าเขาเลยสักนิด สายตาคมเข้มเหลือบมองเจ้าของคำพูดอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนที่อีกคนจะเดินเข้าห้องนอนตัวเองไปในที่สุด คิรันหยัดกายขึ้นเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อดื่มน้ำ มือหนายกแก้วน้ำกระดกจนหมด สายตาเหลือบมองถุงที่นาเนียร์ถือมาวางเอาไว้ เขาเปิดดูว่าซื้ออะไรมาก่อนจะสะดุดตากับองุ่นไร้เมล็ด ยัยนั่นไม่ชอบกินองุ่นตั้งแต่เด็ก แต่น่าแปลกใจที่กลับซื้อมาด้วย อย่าบอกนะว่าซื้อมาให้เขา? “หึ!” เขาวางองุ่นไว้ที่เดิมแล้วเดินออกไปจากตรงนั้น ถ้านาเนียร์ไม่ได้ซื้อมากินเองคงซื้อมาให้เขา เพราะเขาชอบกินองุ่น แกร๊ก~ ผ่านไปสักพักนาเนียร์เปิดประตูห้องนอนออกมาในสภาพสวมเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นสีชมพู จังหวะที่เดินผ่านคิรัน สายตาคมเข้มชำเลืองมองโดยเฉพาะขาขาวๆ ที่ทำให้ละความสนใจไปไหนไม่ได้ คิรันเลียปากราวกับเสือกระหาย ก่อนจะหยัดกายขึ้นเดินตามนาเนียร์ไปยังโซนห้องครัว นาเนียร์เปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำเปล่าออกมาโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องทุกอิริยาบถของเธออย่างไม่ปิดบัง เธอบิดฝาขวดดื่มน้ำช้าๆ และเมื่อหมุนตัวจะกลับเข้าห้อง ก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าคิรันยืนพิงเคาน์เตอร์ครัวมองอยู่เงียบๆ ด้วยท่าทางที่อ่านไม่ออกว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ “มีอะไรเหรอคะ?” เธอถามเสียงเรียบ พลางถอยหลังไปเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว “องุ่น” เขาพูดเพียงคำเดียวแต่แฝงไปด้วยความหมายมากกว่าที่ปากเปล่งออกมา “…องุ่น?” เธอเลิกคิ้วงง ไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร “ซื้อมาให้ฉันเหรอ?” น้ำเสียงของคิรันติดขี้เล่น แต่แฝงด้วยแรงกดดันบางอย่างที่ทำให้นาเนียร์รู้สึกไม่สบายใจ “ตอนแรกก็ตั้งใจซื้อมาให้ แต่ตอนนี้หนูเปลี่ยนใจจะเอาทิ้งแทนแล้วค่ะ” นาเนียร์ตอบพลางจะเดินผ่านหน้าเขาออกไป แต่คิรันยื่นแขนขวาดักไว้ มือหนากดเบาๆ ที่เคาน์เตอร์ไม่ให้เธอเดินหนีง่ายๆ นาเนียร์ชะงักอีกครั้ง ใจเต้นแรงแบบที่ไม่ควรเป็น เธอพยายามไม่สบตาเขาแล้วเอ่ยเสียงแข็ง “พี่คิรันจะทำอะไรคะ” เธอถามเสียงสั่น เมื่อเขาเริ่มโน้มใบหน้าลงเล็กน้อย ใกล้จนลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดใบหูเธอ “ใส่กางเกงสั้นไปไหม?” “หนูใส่แบบนี้เป็นปกติอยู่แล้ว” เธอตอบกลับโดยไม่มองหน้า เขาจะมาสนใจกับการแต่งตัวของเธอทำไมก็ไม่รู้ “หรือตั้งใจใส่มาอ่อยฉัน?” กึกก! คำพูดนั้นทำเอาหัวใจของนาเนียร์ร่วงวูบลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่ม เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ใบหน้าสวยหวานขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความโกรธและอายปนกัน “ในเมื่อพี่คิรันมีแต่เรื่องแบบนี้หรือไงคะ” คิรันหัวเราะเบาๆ อย่างพอใจเมื่อเห็นแววตานั้น เขาไม่รู้หรอกว่าทำไมเขาถึงชอบเห็นเธอโมโหแบบนี้นัก มันทั้งน่าหมั่นไส้ ทั้งน่าจับจูบให้สลบคาเคาน์เตอร์นี่เสียให้ได้ “แปลว่าไม่ปฏิเสธใช่ไหมว่าตั้งใจใส่มาอ่อย” เสียงทุ้มต่ำของเขากระซิบข้างหูอีกครั้ง “หนูไม่ได้ตั้งใจใส่มาอ่อยพี่” “งั้นเหรอหืม…” เขาถูกนาเนียร์ผลักอกแกร่งออกสุดแรงในตอนที่กำลังโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ นาเนียร์รีบถอยห่างออกมา ยิ่งเห็นแววตาราวกับนักล่าที่กำลังเพลิดเพลินกับเหยื่อเธอยิ่งต้องหนีให้ไกลโดยเร็ว “อย่าแตะตัวหนูถ้าไม่ได้รับอนุญาต” เธอว่าชัดถ้อยชัดคำ “เดี๋ยวนี้ปากเก่งขึ้นเยอะเลยนะ” เธอไม่ตอบโต้ ก่อนจะหันหลังกลับตั้งท่าจะเดินหนีอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันจะได้พ้นระยะร่างสูงก็เอื้อมคว้าแขนเล็กเอาไว้เสียก่อน แรงดึงทำให้เธอเซเข้าหาแผงอกกว้างโดยอัตโนมัติ กลิ่นกายของเขาอบอวลอยู่รอบตัวจนเธอเผลอหลับตา เพราะความรู้สึกบางอย่างที่ตีตื้นขึ้นมา “ถ้าไม่อยากให้ฉันแตะ…ก็อย่ายั่ว” เขากระซิบชิดริมฝีปากเธอ “ปล่อยหนูนะ!” เธอพยายามดีดดิ้นออกจากพันธนาการนี้แต่ดูเหมือนจะทำไม่สำเร็จ ยิ่งดิ้นเขายิ่งกอดรัดแน่นมากขึ้น “ดิ้นเยอะๆ ยิ่งเธอดิ้นมันยิ่งเสียดสี” เธอเบิกตากว้างเมื่อเห็นสายตาของเขมหลุบมองเบื้องล่างที่แนบชิดกัน จนเธอสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่กำลังเบียดเสียดตัวเธออยู่ “คนโรคจิต!” “โรคจิตตรงไหน? ฉันว่ามันเป็นเรื่องปกติของผัวกับเมียออก” “ปล่อยหนูนะ!” เธอบอกเขาอีกรอบพร้อมกับพยายามขืนตัวออกจากการเกาะกุมนี้ “ให้ฉันเอาสักรอบสิ แล้วฉันจะปล่อยเธอไป” “ไม่! นะ…หนูไม่ให้พี่คิรันเอาเปรียบหนูแล้ว” คิรันกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะอุ้มร่างบางของนาเนียร์พาดขึ้นบ่าแล้วเดินตรงไปยังห้องนอน โดยไม่สนใจแรงทุบตีที่แผ่นหลังเลยสักนิด แรงเท่ามดไม่ทำให้เขาเจ็บได้หรอก… ตุ้บ! คิรันโยนนาเนียร์ลงบนเตียงขนาดใหญ่อย่างไร้เยื่อใย ร่างบางกระแทกลงผืนผ้านวมจนสะเทือน เขาไม่ปล่อยให้เธอมีโอกาสหนี มือหนาคว้าข้อเท้าเล็กเอาไว้แล้วดึงกลับมานอนที่เดิมก่อนจะก้าวขึ้นเตียงมาคร่อมร่างเธอเอาไว้ด้วยท่าทีของนักล่า ที่ไม่คิดปล่อยเหยื่อให้หลุดมือ “อื้อ! ปล่อยหนูนะพี่คิรัน!” “เธอทำให้ฉันมีอารมณ์เอง” เขาพูดเสียงพร่า สายตาไม่ละจากใบหน้าเธอแม้แต่วินาทีเดียว “พี่มีอารมณ์เองไม่เกี่ยวกับหนู” เธอตอบกลับพร้อมกับพยายามผลักไหล่กว้างออก ทว่าแรงเท่ามดของเธอกลับไม่สะทกสะท้านต่อเขาเลยสักนิด สายตาคมเข้มไล่ลงจากลำคอระหงของเธอ จนถึงร่องอกที่ลอบโผล่พ้นคอเสื้อยืดออกมาเล็กน้อย หัวใจคิรันเต้นกระหน่ำ เขาลอบกลืนน้ำลายราวกับกระหายสิ่งตรงหน้าอย่างห้ามไม่อยู่ คนที่เคยเป็นเพียงเด็กหญิงที่เขาเคยแกล้งในอดีต ตอนนี้กลับอยู่ใต้ร่างเขาในฐานะ ‘เมีย’ ตามกฎหมายแม้เขาจะไม่ยอมรับก็ตาม “ถ้าเธอยอมฉันแต่โดยดี ฉันสัญญาว่าจะทำเบาๆ” “หนูไม่เชื่อ” เธอเข็ดหลาบจากคืนนั้นแล้ว… “หรืออยากให้ฉันรุนแรงด้วย?” ในขณะที่ริมฝีปากหยักได้รูปขยับเอ่ย สายตาคมเข้มพลางจ้องมองคนตรงหน้าตามไปด้วย “หนู…” เธอเบือนใบหน้าไปอีกทางอย่างครุ่นคิด ยังไม่ทันปริปาพูดสักคำคิรันก็สอดมือเข้ามาใต้เสื้อยืดของเธอเสียแล้ว ความเย็นของมือทำให้เธอพลันสะดุ้งโหยงตาม “ฉันชอบกลิ่นตัวหอมๆ ของเธอ” มันแปลกใหม่และไม่เหมือนใคร เขาสูดดมกลิ่นหอมราวกับสบู่อาบน้ำเด็กจากซอกคอระหง ริมฝีปากแตะลงตรงจุดชีพจรแล้วขบเบาๆ จนเปียกชื้นด้วยคราบน้ำลาย “อะ…อื้อ~” เธอนอนสั่นเกร็งใต้ร่างหนา ใบหน้าพลางเบือนไปอีกทางอย่างไม่ได้ตั้งใจเปิดทางให้คิรัน มือหนาเลื่อนขึ้นมานวดเฟ้นหน้าอกจนเธอรู้สึกสยิว “ฉันชักจะทนไม่ไหวแล้วนาเนียร์” น้ำเสียงพร่าเอ่ย ปลายจมูกโด่งสันลากไล้ไปมาตรงลาดลำคอ ก่อนที่จะสอดมือข้างเดียวไปใต้แผ่นหลังบางเพื่อปลดตะขอเสื้อใน คิรันถอดเสื้อยืดและเสื้อในของนาเนียร์ออกพร้อมกัน สายตาจ้องมองหน้าอกขนาดใหญ่ราวกับนักล่า ทุกครั้งที่เห็นนาเนียร์เอามือปิดเอาไว้รู้สึกหงุดหงิดตลอด เขาปัดมือเธอออกอย่างไร้เยื่อไย “อึก!” ความเสียวซ่านวิ่งปราดเข้ามาเล่นงานนาเนียร์เมื่อถูกริมฝีปากร้อนชื้นครอบลงมายังเม็ดทับทิมสีสวย กระแสเสียวซ่านที่ครอบงำเกินยากควบคุมเผลอทำให้เธอแอ่นอกรับสัมผัสหยาบโลนจากลืมตัว คิรันดูดเลียสลับข้างไปมาจนเปียกไปด้วยคราบน้ำลาย ใบหน้าคมคายละจากหน้าอกมองสีหน้าทรมสนของนาเนียร์ด้วยความพอใจ เขาเขี่ยเม็ดทับทิมให้เธอทรมานเล่นๆ ส่วนนิ้วมืออีกข้างสอดเข้าไปในโพรงปากที่เผยอเปล่งเสียงครางเบาๆ “ดูดมือฉันสิ” ฤทธิ์ของไฟราคะครอบงำจิตใจนาเนียร์ ไม่ว่าคิรันสั่งอะไรทำตามหมดทุกอย่าง เธอดูดนิ้วมือเรียวยาวโดยมีคนตัวโตจ้องมองด้วยรอยยิ้มพอใจ “อ่า อย่างนั้นแหละ ดูดแรงอีกหน่อย…” “อืมม~” “อยากลองดูดอย่างอื่นไหม” เขาถอนนิ้วออกจากโพรงปากของนาเนียร์ เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ “อะ…อะไรเหรอคะ?” นาเนียร์เอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจอย่างคนใสซื่อ คิรันก้าวขาลงจากเตียงนอนไปยืนปลดเข็มขัดหนังราคาแพงออก จากนั้นจัดการถอดกางเกงจนอาวุธร้ายที่ซุกซ่อนอยู่ภายในผงาดออกมาท่ามกลางดวงตาคู่สวย “ดูด…นี่ไง” มือหนาจับรอบลำที่ใหญ่และกำลังแข็งขึง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD