ปุยฝ้ายเกิดมาในตระกูลที่มีภูมิหลังเก่าแก่จากฝั่งคนพ่อ และเชื้อสายอันเป็นไฮโซขนานแท้จากฝั่งคนแม่ แต่เธอก็มีชีวิตแสนจะเรียบง่ายมีเพื่อนปกติแบบคนทั่วไป เรื่องที่พิเศษหน่อยคือเธอต้องเดินทางไปอวยพรวันเกิดท่านปู่ที่ประเทศ XX ปีละครั้ง แม้จะมีศักดิ์เป็นเจ้าหญิงได้แต่เพราะท่านย่ากับแด๊ดดี้ของเธอไม่ยอมรับอิสริยยศใด ๆ เธอจึงไม่ได้มียศนำหน้าชื่อ แต่ทุกคนก็ยอมรับว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ คนสนิทหลายคนทางฝั่งท่านปู่จึงยังคงเรียกเธอว่าเจ้าหญิงน้อยลาติฟาอยู่ รวมทั้ง TL ผู้พ่อของ TM ด้วย
เพราะวัยเด็ก TM ผู้ไม่เคยร้องขอสิ่งใดในโลกจากพ่อแม่ ไม่ว่าจะขนม ของเล่น เขาใช้ชีวิตเรียบง่ายแต่ก็แฝงด้วยความมีอำนาจ เขาจึงกลายเป็นหลานคนโตที่แม้แต่ผู้ใหญ่ในบ้านยังไม่กล้าจะพูดอะไรไร้สาระกับเขา แล้วสิ่งที่ทำให้ทั้งตระกูลถึงกับต้องวางช้อนกินข้าวลงพร้อมกันในระหว่างมื้ออาหารของวันหนึ่งคือสิ่งที่ TM พูดออกมา "ผมอยากได้น้องลาติฟาครับ"
เหตุการณ์นั้นมีเพียงคนเดียวที่ถามคำถามซ้ำกับเขาคือคนแม่ เพราะเธอเป็นคนเดียวในตอนนั้นที่ TM พูดด้วยมากที่สุด แล้วก็รู้ใจเขาโดยที่เขาแค่มองตา คนพ่อ TL ถึงกับเอามือกุมขมับสุดท้ายกลายเป็นว่าพอ PF คนน้องที่ทุกคนเรียกชื่อปุยฝ้ายครบ 1 เดือน เขาที่ต้องไปรับขวัญหลานสาวอยู่แล้วถึงกับต้องเอ่ยปากขอหมั้นให้ลูกชาย แน่ละถ้าไม่ใช่เป็นเขามีหวังคงโดนตีนหมอ PP ถีบหน้าคว่ำไปแล้ว
ใช้เวลาก่อนหน้าจะไปบ้านของคนน้องอยู่หลายวันที่แม่ของ TM คุยกับลูกชาย ว่าอยากได้น้องสาวหรืออยากได้อะไรกันแน่ แล้วทำไมถึงต้องเป็นปุยฝ้ายน้องสาวตัวน้อยของเพื่อนสนิทคนพ่อ ถ้าอยากได้เพื่อนเล่นก็มีแล้วทั้งเจ้าแฝดทั้ง ทีโอ ลูกของอาทรูเปอร์ แต่ TM ในตอนนั้นกลับบอกแค่ว่าอยากได้น้องสาวคนนี้เพียงคนเดียว เพื่อนเล่นเขาไม่ต้องการ น้องชายก็มีแล้วทำไมทุกคนถึงเข้าใจอะไรยากจัง เป็นอันตัดจบบทสนทนาเรื่องนี้ไปทันที
ผู้ใหญ่ทั้ง 2 บ้านเลยลองเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ เพราะคิดว่าเดี๋ยว TM ก็จะลืมไปเอง ตอนนี้เขายังเป็นแค่เด็กอาจจะมีเหตุผลที่ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจ แต่เปล่าเลยเขายังคงให้การ์ดขับรถไปหาคนน้องทุกอาทิตย์ ไปนั่งดูคนน้องเล่น คนน้องนอน โดยไม่พูดอะไรเป็นแบบนี้จน TM อายุ 18 เข้ามหาลัยและเริ่มทำงานหนักมากขึ้นตามแบบฉบับผู้ชายตระกูล T การจะที่จะไปบ่อย ๆ ก็ทำไม่ได้ หลายคนคิดว่าคงถึงเวลาแล้วที่จะต่างแยกย้ายกันไปเติบโต แต่ไม่ใช่เขากลับเดินเข้าไปคุยกับคนพ่อของน้องว่า ระหว่างที่น้องเรียนมัธยมจนถึงเข้ามหาลัย เขาขอหมั้นหมายไว้ก่อนแล้วอยากให้ทุกคนช่วยดูแลเรื่องเพื่อน เรื่องส่วนตัวทุกอย่าง จนกว่าจะถึงเวลาที่น้องโตพอจะไปไหนมาไหนกับเขาได้โดยลำพังหรือตามที่ผู้ใหญ่จะอนุญาต เขาสัญญาว่าจะวางตัวให้ดีให้เกียรติคนน้องจนกว่าจะถึงวันนั้น
เมื่อวันที่คนน้องอายุครบ 17 ปีเต็ม ตัวเธอเองถึงได้รู้ว่าพี่ชายที่แสนดีคนนี้แท้จริงแล้วคือคู่หมั้น แต่เธอเองก็ไม่ได้นึกรังเกียจอะไรเลยกลับดีใจด้วยซ้ำที่เป็นเขา เพราะในสายตาเธอนอกจากพ่อก็ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนที่เธอชื่นชมเท่าคนพี่ ทั้งหล่อ เรียนเก่ง ทำงานก็เก่ง ที่สำคัญเขารักเธอมากกว่าใครไม่เคยทำให้เธอรู้สึกว่าไม่สำคัญสักครั้งเดียว
PF : อาทิตย์หน้าหนูต้องไปช่วยรุ่นพี่จัดของ
TM : เรียนเศรษฐศาสตร์จะต้องทำอะไรเยอะแยะ
PF : สมัยนี้มีไรให้ทำเยอะนี่
TM : ...
PF : ยังไงพี่ก็ไปรับอยู่แล้ว
TM : อืม
PF : หรือพี่เหนื่อยให้คนขับรถมาก็ได้
TM : อย่าคิดแทนพี่
PF : ฮึ...ดุจัง
TM : บอกพ่อรึยังเสาร์นี้
PF : พี่ไทม์ไม่เบื่อหรอถ้าให้หนูไปนอนทุกเสาร์
TM : ควรจะทุกวันด้วยซ้ำ
PF : หืม !!
ตอนนี้คนพี่กำลังเก็บอาการสุด ๆ แต่เขาก็ได้แต่อดทนมารับคนน้องจากมหาลัยไปส่งที่บ้าน เธอไม่รู้หรอกว่าแม้แต่อยู่ในชุดนักศึกษา เธอก็ทำลายความนิ่งของเขาได้ เขาอยากจะจับเธอกินมันในรถสักยกก่อนจะปล่อยเธอเข้าบ้าน แต่เพราะทำไม่ได้วันนี้เขามีงานต้องไปทำต่อ เลยได้แต่ไม่หันไปมองเธอบ่อยเหมือนทุกครั้ง
PF : จุ๊บ
TM : แค่นี้
PF : ทุกทีก็จุ๊บแบบนี้อ่ะ
TM : ตอนนี้ต้องเปลี่ยนแล้ว
PF : ยังไง
TM : เมื่อก่อนเป็นคู่หมั้น
PF : ...
TM : ตอนนี้เป็นเมีย
คนน้องเบิกตากว้างเพราะไม่คิดว่าคนพี่จะพูดอะไรแบบนี้ออกมา เธอทั้งเขินทั้งอายจนอยากจะเปิดประตูเข้าบ้านทันที แต่ถูกเขาดึงแขนไว้ก่อนจะโน้มตัวเข้ามาจูบเธอ จูบแบบที่เขามอบให้เธอบนเตียงวันก่อน จูบที่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัวอย่างที่สุด จูบที่ทำให้เธอครางออกมาแบบที่เขาต้องการ
TM : ไว้เสาร์พี่มาต่อให้
PF : คนบ้ากาม
TM : ก็เรามันน่า...
PF : หยุดเลยนะพี่ไทม์อ่ะ...ไปทำงานเลย
คนน้องรีบผลักอกเขาออกแล้วเอาตัวเองออกนอกรถวิ่งหายเข้าบ้านไป เขาเองก็ออกจะแปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าเขากลายเป็นคนแบบนี้ได้ยังไง อาจจะเป็นเพราะคนน้องคนเดียวละที่ทำให้เขาเป็นคนแบบนี้