หกเดือนต่อมา
นับตั้งแต่มาลินเข้าโรงพยาบาลครั้งนั้น สภาพร่างกายและจิตใจย่ำยี หญิงสาวไม่อยากเห็นหน้าบิดามารดา ไม่ต้องการฟังคำขอโทษจากบิดาของเธอ และสิ่งเดียวทำให้เธอตกใจ กลายเป็นคนจิตใจเหม่อลอยคือการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของชายคนรัก
เธอรู้แต่เพียงว่าวันนั้นเมื่อหกเดือนก่อน ปราชญ์จะวิ่งตามรถคันนั้นตามหาคนรักสุดดวงใจ อลัน ผู้เห็นเหตุการณ์บอกสั้นๆ ว่าเขาถูกรถชนบาดเจ็บสาหัส คู่กรณีเจ้าของขับรถชนเป็นคนจิตใจดีนำตัวเขาส่งรักษาตัวโรงพยาบาลที่อื่น
หลังจากนั้นมาลินไม่ได้ข่าวคราวจากอดีตบอดี้การ์ดหนุ่มอีกเลย...แม้แต่นิดเดียว จนกระทั่งข่าวล่าสุดเมื่อวันก่อนจากปากผู้เป็นบิดาทำให้เธอแทบร้องไห้เป็นสายเลือด เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง ไม่ยอมพูดคุยกับบิดา
‘นายปราชญ์ตายแล้ว’
‘ไม่จริง! คุณพ่อโกหก เขายังไม่ตาย ลินไม่เชื่อ’
‘ทำใจเสียเถิดลูกลิน มันไม่สมควรคู่ควรกับลูก คนที่พ่อยอมรับมาเป็นลูกเขยคือลูกชายของคุณปกรณ์เท่านั้น’
‘ลินไม่ยอมให้คุณพ่อจับลินแต่งงานกับคนที่ลินไม่ได้รักเด็ดขาด ลินรักปราชญ์คนเดียวและไม่มีวันเปลี่ยนใจ!’
มาลินเสมือนไร้จิตวิญญาณ หญิงสาวเก็บตัวและร้องไห้เงียบๆ อยู่ภายในใจ เธอรำพึงรำพันหาชายคนรักตลอดเวลา ไม่เชื่อว่าเขาจะจากเธอไปรวดเร็ว
“ปราชญ์ นายไม่รักลินแล้วเหรอ นายลืมคำสัญญาไปจนหมดสิ้นแล้วเหรอ”
…
คนดูแลใกล้ชิดของคุณหนูมาลินสังเกตอาการเหม่อลอย ไร้ชีวิตชีวามาหลายเดือนและคอยรายงานให้บิดามารดาของมาลินรับรู้ว่าลูกสาวจิตใจย่ำยีมาก จนไม่เป็นผู้เป็นคน
“บัวสงสารลูก ขืนปล่อยไว้แบบนี้ต่อไป บัวคงสูญเสียลูกลินเหมือนตอนวันนั้นเมื่อหกเดือนก่อนแล้วแน่ๆ พี่ริค ช่วยลูกด้วยนะคะ”
“พี่เองก็อยากจะช่วยลูกลินเหมือนกัน เอาอย่างนี้ดีไหม เราสองคนพาลูกเข้าฝึกงานบริหารโรงแรมที่อังกฤษ ยังไงลูกลินก็เป็นหลานของคุณพ่อพี่อีกคน พี่อยากชดใช้ในอดีตที่พี่ไม่เคยเข้าทำงานตามคำขอร้องจากคุณพ่อพี่สักครั้ง พี่เชื่อว่าปู่ของลูกลินคงดีใจ ดีไหมน้องบัว”
ความจริงมาริค บิดาของเธอคิดเรื่องนี้มาตลอดหลังจากเกิดสภาพจิตใจร่างกายของลูกสาวคิดถึงชายคนรัก ไม่แตะต้องข้าวปลาเมื่อสี่เดือน คนเป็นพ่อแม่ต้องบำบัดสภาพจิตใจและให้พี่ชายใหญ่กับน้องชายเล็กช่วยพูดคุยให้จนมาลินยอมทานข้าว
และแตกคอหักกับบิดาด้วยเรื่องข่าวร้ายสะเทือนหัวใจดวงน้อยของเธอเมื่อสองวันที่ผ่านมา
“ดีค่ะ มาลินอุดอู้ขังตัวเองอยู่ในห้องคนเดียวมานาน ถ้าหากลูกลินออกมาทำงานบ้าง คงจะไม่คิดฟุ้งซ่านเรื่องนั้นหรอกค่ะ” เรื่องฟุ้งซ่านที่บุพการีเข้าใจ ไม่คิดจะพูดถึงมันอีกเลย
“บางทีพี่อาจเข้มงวดกับลูกสาวเรามากเกินไปจนไม่ได้เจอผู้ชายคนอื่นนอกจากปราชญ์ก็เลยเข้าใจว่าความหลงกลายเป็นความรัก ไปลอนดอนครั้งนี้ พี่จะให้ว่าที่คู่หมั้นรู้จักสนิทสนมกับลูกลิน เผื่อว่าบางทีลูกสาวเราจะได้ตัดใจจากไอ้ปราชญ์ก็ได้”
“ว่าที่คู่หมั้นของลูกลิน พี่ริคหมายถึงลูกชายของคุณปกรณ์น่ะเหรอคะ”
บัวหอมเอียงคอถามแอบสงสัยว่าสามีไม่เลิกจับคู่ให้ลูกสาว ตั้งแต่หกเดือนที่แล้วที่แยกสองคนนั้นออกจากกัน
“ใช่ น่าจะชื่อปริญ ลูกชายคนเดียวของคุณปกรณ์ในตอนนี้”
น้ำเสียงอ่อนลง บ่งบอกว่าค่อนข้างไม่มั่นใจ เขารู้จากข่าววงในว่าปกรณ์อาจมีลูกชายสองคน แต่อีกคนหนึ่ง เพิ่งรู้ว่าภรรยาเขาตั้งท้องลูกอีกคนและหนีกลับเมืองไทย ตอนนี้ยังหาไม่เจอ
ทว่าข่าวล่าสุดจากวงในกลุ่มเพื่อนสนิทแอบหลุดว่าเจอลูกชายคนที่สองแล้วและตอนนี้รักษาตัวอยู่อังกฤษที่หายตัวยี่สิบกว่าปี แต่ไม่มีใครรู้ว่าลูกชายคนที่สองของปกรณ์นั้นชื่ออะไร ซึ่งเขาไม่สน เพราะสนเพียงลูกชายคนโต กำลังเป็นว่าที่คู่หมั้นของมาลินในอนาคต
“ลูกลินจะยอมเหรอคะ ลูกเราหัวดื้อหัวแข็งจะตาย ไม่มีทางยอมให้พี่จับคู่แต่งงานหรอกค่ะ”
“เอาน่า พี่จัดการเรื่องลูกลินของเราได้ น้องบัวมีหน้าที่เก็บข้าวของของลูกลิน และของเราก็พอ ส่วนบ้านก็ให้ปรเมศกับหนูแพรอยู่ดูแลระหว่างนี้แล้วกัน”
มาริคหมายถึงลูกชายและลูกสะใภ้คนโต ปรวีร์ ลูกชายรองยังคงทำงานหนักหน่วงจากไร่ภูฟ้าเป็นบ้าคลั่ง หลังจากรอลูกสะใภ้รองที่แอบหอบลูกแฝดหนีออกนอกต่างประเทศตามความต้องการของกิ่งพยอม
“เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ เดี๋ยวบัวจะไปบอกให้ลูกลินเตรียมตัว”
บัวหอมขอตัวผละจากอ้อมกอดสามี เธอเดินจากห้องโถงใหญ่พลางถอนหายใจยาวกับการแก้ไขปัญหาเรื่องราวต่างๆ หวังว่ามาลินคงเข้าใจในความหวังดีของบิดา
…
“ลินไม่ไป ลินไม่ไปไหนทั้งนั้น”
มาลินรีบปฏิเสธรวดเร็วเมื่อรับรู้ว่าพ่อแม่ต้องการให้เธอฝึกงานบริหารโรงแรมของคุณปู่ที่เป็นสาขาใหญ่สุดตั้งอยู่อังกฤษ เธอโกรธเกลียดบิดาไม่หาย โดยเฉพาะเรื่องปราชญ์
“แต่ลูกต้องไป พ่อกับแม่จะไปกับลูกด้วย เรื่องเอกสารเดินทาง คนของพ่อจัดการให้พวกเราเรียบร้อย อาทิตย์หน้าลูกลินต้องไปลอนดอน แม่มาบอกไว้ให้ลูกเตรียมตัว” เมื่อเห็นว่าลูกสาวขี้งอนหันหน้าหนี ไม่มองหน้ามารดา บัวหอมรู้สึกผิดกับตัวเองมากขึ้น
“ลูกลิน หันหน้ามาคุยกับแม่หน่อย แม่ขอโทษที่แม่ช่วยอะไรลูกไม่ได้มาก อย่าทำตัวห่างเหินกับแม่”
“.....”
มาลินตั้งทิฐิในใจสูง เธอกอดอกร่ำร้องในใจว่าไม่ออกไปจากบ้านหลังนี้เด็ดขาด ทำไมทุกคนต้องกีดกันความรักของเธอด้วย!
“ถึงลูกลินไม่อยากคุยกับแม่ก็ไม่เป็นไร แต่แม่อยากให้ลูกรู้ไว้ว่าทุกคนรักและเป็นห่วงลูกลิน โดยเฉพาะพ่อของลูก ลูกลินอย่าเกลียดพ่อเลยนะ”
มารดาจนใจเกลี้ยมกล่อมลูกสาวหัวแข็งหัวดื้อ ผิดกับลูกสาวคนสุดท้องที่หัวอ่อนอย่างแก้วหอม แต่บางทีการเดินตามที่พวกท่านต้องการให้เป็น เธอก็แอบอึดอัดใจ
“ฝันดีนะจ้ะลูกลิน แม่รักลูก” บัวหอมกดจูบขมับลูกสาวคนโตพลางปิดประตูห้องส่วนตัวออกไป
จากใบหน้าเรียบเยือกเย็นกลับกลายแปรเปลี่ยนสีหน้าหม่นเศร้า จากน้ำตาที่เคยแห้งเหือด ปลดปล่อยน้ำตาอาบแก้มอีกครั้ง เธอผิดเองที่ไม่เคยเป็นลูกที่ดีของพวกท่าน ทำตามใจตัวเองมากเกิน หญิงสาวตัดสินใจว่าจะยอมฝึกงานโรงแรมของคุณปู่ตามพ่อต้องการ
“คุณแม่ เกิดอะไรขึ้นคะ พี่ลินเป็นอะไรเหรอคะ”
แก้วหอม ลูกสาวคนสุดท้องออกจากห้องนอนส่วนตัวอยู่ติดกันกับห้องพี่สาว ทุกคืนเธอแอบได้ยินเสียงพี่สาวร้องไห้แต่เก็บงำความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ครั้นจะถามพี่ชายใหญ่และคุณการ พี่ชายเล็กคงให้คำตอบแก่เธอไม่ได้ เธอเห็นมารดาถอนหายใจยาวอย่างเป็นกังวล
“ไม่มีอะไรหรอกลูกแก้ว แค่พ่อกับแม่จะพาพี่ลินของลูกไปอังกฤษเพื่อฝึกงานโรงแรมของคุณปู่อย่างจริงจัง ลูกแก้วอยู่ทางนี้ช่วยดูแลพี่ชายและพี่สาว หลานชายอีกสามคนของปรเมศแทนพ่อแม่ด้วยนะ”
“ค่ะ แก้วจะอยู่เฝ้าบ้านทางนี้อีก แม่ไม่ต้องเป็นห่วง” แก้วหอมพยักหน้ารับเบาๆ พลอยให้มารดาสบายใจ
“แม่ขอตัวก่อนนะลูกแก้ว”
“ค่ะคุณแม่”
หกเดือนต่อมา
ลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ร่างสูงใหญ่กำลังยืนมองชมวิวทิวทัศน์หลังจากทำงานหนักอย่างหนักตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ชายหนุ่มหน้าตาดีอยู่ในชุดสูทสีเข้มบ่งบอกถึงฐานะร่ำรวยมหาศาลและตำแหน่งหน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า เห็นได้ชัดจากป้ายที่โต๊ะทำงานว่ารองประธานบริษัท
กว่าหนึ่งปีที่เขาจากคนรัก ชายหนุ่มไม่คิดจะหวนกลับไปเยียบเมืองไทยอีกเลย เขาหวังว่าหญิงสาวคนรักคงมีความสุขกับคนที่ทัดเทียมฐานะและชาติตระกูล ส่วนเขาทำได้แต่เจ็บปวด เก็บซ่อนความรู้สึกไว้ลึกสุดใจ
และชายหนุ่มไม่คิดเปิดใจให้กับผู้หญิงคนไหน ถึงแม้ว่าบิดาแท้จริงอยากจับคู่ให้เขาก็ตาม ชีวิตที่ไม่มีเธอ มันช่างทุกข์ทรมานใจเหลือเกิน
ตั้งแต่วันนั้นเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว เจออุบัติเหตุรถชนเขา(เกือบ)ตาย และตอนถูกเจ้าของรถจิตใจดีรักษาตัวที่นี่ เจ้าของรถคันนั้นกลับกลายเป็นบิดาแท้จริงที่ออกตามหาลูกชายคนเล็กมานานยี่สิบกว่าปี
เขารับรู้ความจริงจากปากท่านว่าอดีต มารดาของเขาตั้งท้องลูกชายคนที่สอง หลังจากลูกชายคนแรกอายุเพียงหนึ่งขวบอยู่ในความดูแลของปกรณ์ ปกิตตา มิวเบอร์กรุ๊ป บริษัทอุตสาหกรรมยานยนต์ชื่อดัง ผู้เป็นบิดาของเขา
มารดาเขาเห็นแก่ตัวต้องการเงินจากสามีเพื่อหย่าร้างกันและอยากกลับประเทศไทย ต้องการลูกชายคนแรกกลับไปอยู่ด้วย แต่บิดาไม่ยอมเสียทายาทของปกิตตาเพียงคนเดียวและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภรรยาเขาตั้งท้องลูกคนที่สอง จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงที่เสียใจสุดในชีวิตของบิดา
เสียงเคาะประตูทำให้คนจมปลักกับความคิดสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันมาส่งยิ้มกว้างเมื่อใครก้าวเข้ามา
“มาหาผมมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ พี่ปริญ!”