หัวหน้าพนักงานตอนนี้หน้าแดงด้วยความอับอายพร้อมกับอาปากค้างตกตะลึง ตัวเธอเองไม่คิดเลยว่าชายคนนั้นจะมีเงินซื้อแลมโบกินี่ แถมเธอยังพูดจาเยาะเย้ยและเหยียดหยามเขาอีก แต่ก็โล่งใจในวินาทีต่อมาเพราะคิดว่าเขาไม่ได้แจ้งความเอาเรื่อง สมัยนี้แค่บริการไม่ดีก็สามารถเอาผิดถึงขั้นโดนไล่ออก
แต่แล้วก็มีเสียงเปิดประตูออกมาอย่างเร่งรีบทำให้เสียงดังสนั่น หัวหน้าพนักงานและพนักงานคนอื่นหันไปมองต้นเสียงนั้น เมื่อพบใบหน้าที่คุ้นเคยพนักงานที่อยู่ในร้านก็แข็งค้าง พร้อมแสดงสีหน้าตะลึงทันที
“แพรว! เธอมาห้องทำงานฉันเดี๋ยวนี้!”
เสียงของหญิงสาวที่เพิ่งเข้ามาตวาดลั่นไปทั่วทั้งร้าน สร้างความตกใจให้พนักงานเป็นอย่างมาก แต่ผิดกับหัวหน้าพนักงานอย่างแพรว ตอนนี้เธอได้แต่งงและสงสัยว่าเจ้าของร้านมาที่นี่ทำไม
“คะ- ค่ะ!”
แต่เธอไม่มีเวลาคิดเพราะไม่สามารถประมวลผลได้ทัน แพรวตอบเสียงกระตุกกะตักพร้อมความตกใจเพราะไม่อาจคาดเดาได้เลยว่า เธอจะโดนหัวหน้าว่าอะไร เพราะว่าคนที่โดนเรียกไปพบ ไม่โดนไล่ออกก็ได้เลื่อนขั้น..
.
.
.
.
ณ ห้องทำงานปรากฏคนหนึ่งนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานด้วยท่าทางเงียบและแสดงสีหน้าไม่พอใจ ส่วนอีกคนหนึ่งยืนตัวพร้อมทำท่าเกร็ง
แพรวเธอมองไปยังหัวหน้าของเธอด้วยความงุนงงและทำสีหน้าหวาดกลัวเล็กน้อย ถึงแม้หัวหน้าคนนี้จะไม่ค่อยเข้าร้านมากนัก แต่ก็มีชื่อเสียงมากในหมู่พนักงาน ซึ่งนั่นก็คือปากร้ายหรือด่าไม่ยั้งคิด
“ เธอรู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป?”
หัวหน้าของเธอถามทันที แพรวที่ได้ยินอย่างนั้นก็งง
“มะ- ไม่รู้ค่-“
แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดประโยคสุดท้ายเธอก็แข็งค้าง เธอลองคิดดีๆแล้วว่าทำอะไรผิดไป ซึ่งก็มีเรื่องเดียวนั่นก็คือเธอไปดูถูกลูกค้าคนหนึ่งและลูกค้าคนนั้นไม่ใช่คนอย่างที่เธอคิด แถมเขายังซื้อรถที่คิดว่าเธอจะไม่ซื้อในชีวิตนี้อย่าง แลมโบกินี่ มาตบหน้าเธอจนชาด้วย
แต่เธอรู้สึกงงมาก ตอนนั้นทั้งๆที่หัวหน้าไม่ได้อยู่ที่ร้านแต่ทำไมถึงสั่งเกตเห็นพฤติกรรมเธอที่ทำแบบนั้นใส่เขา เธอเคยชินกับการที่หัวหน้าไม่อยู่ที่ร้านจึงดูถูกไปทั่ว ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอได้ใจเพราะลูกค้าที่เธอดูถูกไปนั้นไม่เคยฟ้องหรือแจ้งความเธอเลยแม้แต่น้อย หรืออาจจะเป็นเพราะสิ่งที่เธอพูดไปนั้นเป็นความจริงเกือบทั้งหมด
“เหอะ รู้แล้วใช่ไหม! งั้นก็ดี .. สิ่งที่เธอทำนั้นมันเป็นความผิดในหน้าที่เธอมาก!!!..วันนี้ฉันของไล่เธอออก!!”
มีนา พูดออกมาด้วยความโกรธเธอถึงแม้จะเป็นเจ้าของหอค่อนข้างเก่าแต่ก็ใช้ว่าเธอนั้นจะจน มีนาทำธุรกิจหลายอย่างและเป็นเจ้าของที่หลายอันด้วยเช่นกัน เนื่องด้วยฐานะครอบครัวของเธอร่ำรวยอยู่ก่อนแล้วจึงมีช่องทางหากินได้มากมาย ตั้งแต่พ่อแม่บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ เธอก็คอยดูแลบริษัทอื่นๆที่พ่อแม่เลิกทำไปแล้ว ถึงแม้จะเป็นงานหนักที่คอยดูแลหลายๆที่พร้อมกันแต่นั่นไม่ใช่เลย เธอคิดว่าดีสะอีกเพราะว่านี่คือประสบการณ์ชีวิต เธอทำแบบนี้มาตั้งแต่เรียนจบแล้วจนอายุได้รุ่นป้า อีกไม่กี่ปีพ่อแม่ก็จะยกตำแหน่งประธานบริษัทให้กับเธอ…
“ละ-ลาออก!! ไม่นะคะกรุณาคิดใหม่อีกทีด้วยค่ะ!!”
ได้ยินคำว่าโดนไล่ออกจากปากเจ้านาย เธอก็สติแตกทันที! แพรวคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับขอร้องเพื่อให้เธอได้ทำงานต่อ แต่หรือที่มีนาจะสนใจ เธอมองไปยังหัวหน้าพนักงานด้วยแววตาเย็นชาที่นี่คือที่ไหนกัน! ทำไมถึงมาทำกิริยาไม่เหมาะสมที่นี่ ถึงเธอจะเป็นคนไม่สนใจใครแต่ก็ใช่ว่า จะมีใครมาทำเสียๆหายๆกับที่ของเธอได้ น้ำตาที่ไหลทะลักออกมามันน่าสมเพชเป็นอย่างมากแต่เธอก็ไม่สนใจมันและยังทำอย่างอื่นในขณะที่หัวหน้าพนักงานร้องขออ้อนวอน ซึ่งมันเป็นการกระทำที่น่าสมเพช
การร้องอ้อนวอนอันน่าสมเพชดังไปถึงข้างนอก จนทำให้มีพนักงานหลายคนเริ่มสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ไม่ได้เข้าไปเพราะเป็นเรื่องส่วนตัว จนเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงแพรวเมื่อไม่เห็นว่ามีนาจะให้โอกาศ เธอสิ้นหวังเสียใจทันที นี่คืออาชีพหลักของเธอและไม่มีอาชีพไหนที่เธอทำเลยในปัจจุบันแม้แต่งานอดิเรกก็ตาม
นั่นจึงทำให้เธอมองย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ถ้าหากไม่ทำกิริยาแย่ๆใส่ลูกค้าคนนั้น เธออาจจะไม่มีสภาพอย่างนี้ เรื่องนี้เธอจะจดจำไปตลอดชีวิตและไม่มีทางลืมความผิดพลาดของตนเอง
แพรวเดินออกมาจากห้องทำงานของมีนา ตอนนี้เธอเป็นเพียงแค่คนธรรมดาแล้ว หัวหน้าพนักงานไม่ใช่ยศของเธออีกต่อไปแล้ว เมื่อเห็นแพรวเดินออกมาจากห้อง ทุกคนก็ตกใจกับสภาพของเธอที่น่าสมเพชหน้าสิ้นหวังมีน้ำตาเปื้อนเต็มหน้า สิ่งนั้นทำให้พนักงานที่ได้เห็นรู้สึกหดหู่ใจอย่างช่วยไม่ได้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้เข้าไปเพราะรู้ดีว่านิสัยของเธอเป็นอย่างไรแพรวค่อนข้างที่จะวาจาน่ารังเกียจ
พวกเขารู้สึกดีใจนิดๆที่ได้เห็นสภาพเธอเช่นนั้น ไม่แน่ว่าเธออาจจะโดนไล่ออกก็เป็นได้พวกเขาคิดในใจอย่างเงียบๆพร้อมกับความหวัง
.
.
.
.
ณ ห้องทำงานของมีนา ตอนนี้เธอกำลังจมอยู่ในความคิด เพราะว่าเธอเพิ่งเจอเรื่องที่สุดอัศจรรย์ขึ้นมา เธอก็ตงิดใจตั้งแต่เขาย้ายออกจากหอเธอแล้ว แต่ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้เขามีเงินถึงขนาดที่ซื้อแลมโบกินี่ได้เชียวหรอ
หลังจากที่จินกลับไปตนเองก็กลับบ้านซึ่งเป็นบ้านที่เธอเป็นเจ้าของและมีกล้องวงจรปิดร้านของเธอระยะไกลให้ดูที่นั่น ซึ่งเมื่อเห็นจินเข้ามาที่ร้านก็ตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้อะไรมาก แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เธอเห็นพนักงานทำกิริยาแย่ๆใส่เขามีนารู้สึกโกรธเป็นอย่างมากเลยขับรถมาที่ร้านด้วยความโมโหทันที
มีนาไม่สนใจว่าจินได้เงินมาจากไหนเยอะขนาดนี้เพราะบางทีคนหนึ่งจะถูกหวยนั้นเป็นเรื่องที่ยากแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ จินอาจจะถูกหวยรางวัลที่หนึ่งซึ่งเขาอาจจะซื้อหลายใบจึงทำให้มูลละค่ามันเพิ่มขึ้น บางทีอาจจะมากถึง 100 ล้านก็เป็นได้
ซึ่งตอนนั้นก็ด้วยตอน ที่เขาไปใช้หนี้หน้าหอของเธอ บางทีนั่นอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมทุกเดือนเงินของจินจึงหายไป ข้อสงสัยทุกอย่างที่เธอสงสัยเกี่ยวกับจิน เริ่มที่จะคี่คลายทีละปมแล้วแต่เธอไม่รู้เลยว่านั่น ไม่ใช่ข้อสันนิษฐานที่ถูกต้องเพราะนั่นมันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดเลยแม่แต่นิดเดียว
ตู๊ดด….~~~!!
เสียงมือถือดังขึ้นมาขัดความคิดของเธอ
“ ฮัลโหลค่ะ?……… อะไรนะคะ!! …. โอเคค่ะเดี๋ยวฉันจะไปเดี๋ยวนี้!”
มีนา พูดด้วยความตกใจพร้อมกับรีบเก็บสัมภาระทุกอย่างบนโต๊ะและรีบออกจากห้อง ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้แล้ว เพราะสิ่งที่เธอได้รับมาจากสายเมื่อกี้มันยิ่งใหญ่กว่า
‘ ขอให้อย่าเป็นเรื่องใหญ่เลย’
เธอได้แต่ภาวนาในใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากถึงขนาดที่ว่าเธอต้องรีบไปให้ถึงที่นั่นทันที!!
.
.
.
.
.
.
.
จินขับรถตากลมอยู่บนถนนสายด่วน ตอนนี้เสียงรถคำรามอย่างเท่บนท้องถนนทำให้รถที่วิ่งอยู่หลีกทางให้เขา ซึ่งเวลารถจินขับช้า ก็มีบางคันที่เอากระจกลงแล้วมาถ่ายรถแลมโบของเขา แสดงให้เห็นว่ามันสวยแค่ไหน
ตนตอนนี้กำลังไปที่บ้านเนื่องจากว่า รถขนส่งน่าจะมาถึงแล้ว ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นาน
จินลงจากรถ แม้สามารถจอดในบ้านได้เพราะว่าพื้นที่ในบ้านใหญ่มากแถมยังมีโรงรถแต่ตอนนี้เนื่องจากว่าตนเองเห็นรถขนส่งอยู่หน้าบ้านจึงต้องการไปคุย
“อ่า ใช่เจ้าของบ้านนี้ใช่ไหมครับ”
พนักงานกล่าวถามเมื่อเห็นบุคคนเดินมา
“ ใช่ครับ ยกตามมาเลย”
“โอเครครับ”
พนักงานงงอยู่เล็กน้อยว่าทำไมถึงมีการส่งของจากหอที่ค่อนข้างเก่ามายังบ้านสุดหรูของมหาเศรษฐีนี้ได้แต่ก็ทำตามคำสั่งอย่างไม่ตั้งข้อสงสัยเพราะยังไงหน้าที่ของพวกเขาก็มีแค่นี้ ไม่มีทางที่จะถามข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการได้
.
.
.
.
ใช้เวลาไม่นานในการขนของเสร็จ ของจินน้อยจึงประหยัดเวลาไปมาก ตอนเย็นแล้วได้เวลาทานอาหารค่ำ ยังดีที่จินไม่ลืมถึงซื้อวัตถุดิบในระหว่างขี่รถกลับมาด้วย เมื่อกินเสร็จตนเองก็เข้านอนทันทีเพราะวันนี้เจอเรื่องหนักมามาก ทั้งเรื่องได้ระบบและสิ่งต่างๆที่เปลี่ยนไป จินทั้งเหนื่อยทั้งง่วงในตอนนี้
.
.
.
.
.
ตื่นเช้ามาเสียงงัวเงียของจินดังออกมาจากโซฟาเมื่อวาน ตนง่วงจัดเลยไม่ได้ไปหาห้องนอนจึงนอนที่ห้องรับแขกมีโซฟาถือว่าหนุ่มมากสำหรับเตียงที่เขาเคยนอนมาตลอดชีวิต
จิน ใช้ชีวิตอย่างที่เคยถึงแม้จะรวยแล้วแต่ตนเองต้องทำอาหาร วัตถุดิบที่ซื้อมาเมื่อวานทำกินหมดแล้วต้องออกไปซื้อในวันนี้
อาบน้ำและใส่เสื้อก็ถึงประมาณ 8 โมงตรง ซึ่งก็ถือว่าสายมากสำหรับเขา ปกติจะไปทำงานตั้งแต่ 7 โมง จินขับรถออกไปที่ตลาดใกล้บ้าน
.
.
.
.
.
เมื่อมาถึงก็สามารถดึงความสนใจของผู้คนบริเวณนั้นได้ เพราะรถของเขาเป็นรถหรูแล้วมีเสียงรถที่หนักแน่นจึงไม่แปลก
‘ชักจะยุ่งยากแล้วสิ ถึงแม้มันจะเป็นรถที่เราถูกใจ แต่เราควรซื้อรถที่มันไม่เด่นดีกว่า จะได้สะดวกกว่านี้’
จิน ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลยการที่ซื้อรถหรูมาก็ใช่ว่าจะสะดวกเสมอไป แต่ไม่ช้าตนคิดว่าน่าจะไปซื้อรถอีกคัน
แต่แล้วในขณะที่จินกำลังเดินเข้าไปในตลาด ซึ่งเป็นจุดหักมุม ตนที่ไม่ได้สังเกตก็ได้ชนกับใครบางคนเข้า
ผลั๊ก!~
ร่างที่ชนกับจินล้มลงทันที ร่างคนที่ล้มบางและสวยในเวลาเดียวกันเดาง่ายๆเลยว่าเป็นผู้หญิง จินตกใจแต่เมื่อตั้งสติก็รีบกล่าวขอโทษทันที
“ขอโทษด้วยนะครับ!”
แต่ก็ต้องพบกับผ้าพันแผลที่มีทั้งแขนซ้ายและแขนขวา ดูเหมือนว่าแขนซ้ายจะหนักกว่าเพราะมีเฝือกด้วย จินที่กำลังจับเธอพยุง แต่ก็ต้องขมวดคิ้วเพราะรู้สึกคุ้นเคยใบหน้าเธอ
“ขอโทษค่ะๆ ๆ ไม่เป็นไรค่ะ ฉะ-ฉันลุกเองได้”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่กระตุกกระตักพร้อมกับขอโทษซ้ำๆ มันดูเกินกว่าเหตุไปซักหน่อยเพราะดูยังไงก็ผิดทั้งสอง มันเป็นจุดหักมุมไม่มีใครเห็นใคร
ตอนนั้นเองจินก็สามารถจำใบหน้าของเธอได้ แม้จะมีรอยช้ำแต่เขาจำใบหน้านี้ได้ดีเธอคือคนเมื่อวานที่ถูกแฟนของเธอทุบตีทำร้ายและเขาก็สามารถพังประตูไปช่วยเธอไว้ได้ แต่ตอนนี้ต้องรีบแก้ปัญหาความเข้าใจผิดนี้ก่อนเพราะเธอมัวแต่ขอโทษเขาซ้ำๆและไม่มองหน้าตนเลย เหมือนกับกลัวอะไรบางอย่าง…