บทที่ 1 มัจจุราชลงทัณฑ์05

1317 Words
“ร้องเข้าไป ฉันชอบ” มาคัสตอบกลับก่อนกระแทกจูบไปยังริมฝีปากบางบดเบียดจูบด้วยความดุดัน “ลดาขอโทษ” “มันสายไปแล้วกับคำขอโทษ” มาคัสสวนกลับด้วยน้ำเสียงที่อัดแน่นด้วยแรงโทสะจนทำเธอหวาดผวา สายตาคู่คมมีแต่ไฟแค้น ชายหนุ่มก้มลงไปตะบี้ตะบันจูบหญิงสาวครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อพอใจเขาก็วกลงมายังอกตูมดูดเม้มจนมันเป็นรอยแดง แถมยังทำแบบนี้จนทั่วไปหมด พิศลดาได้แต่สะอื้นไห้ หญิงสาวไม่รู้ว่าเธอจะทำอย่างไรแล้ว อ้อนวอนขอร้องก็ไม่ได้ผล จะสู้ก็คงไม่มีทาง ไม่มีทางจะชนะ เผลอๆ เขาอาจจับเธอโยนลงทะเลแบบคราวก่อนแล้วปล่อยให้ขาดใจตายไปต่อหน้าต่อตา ในหัวสมองของคนร่างบางมีแต่ความกลัว ท้องฟ้าที่มืดครึ้มกว่าปกติ ยิ่งทำให้หญิงสาวกลัว เพราะเหตุการณ์มันช่างเหมือนสองปีที่แล้วจริงๆ เหตุการณ์ที่เธอเกือบจะถูกอาของตัวเองปล้ำ ซึ่งมันทำให้พิศลดาแทบเสียสติ คนกำลังหลงมัวเมากับการลงโทษหยุดการลงทัณฑ์แล้วเงยหน้าไปมองอย่างสงสัยว่าทำไมร่างเล็กถึงไม่ต่อต้าน ไม่ดิ้นรน หรือร้องขอแล้วต้องตกใจ เพราะดวงตาเล็กเหม่อลอยมีแต่น้ำตาที่ยังไหลรินอยู่ มาคัสถึงกับหน้าถอดสี “พิศลดา พิศลดา อย่ามามารยานะ” ในใจกลัวไม่น้อยว่าเธอจะเสียสติไปพร้อมออกแรงเขย่าร่างช้ำ “พิศลดา พิศลดา” ชายหนุ่มพยายามเรียกสติของหญิงสาว แต่มันก็ไร้ผล จนเขาตัดสินใจตบไปที่ใบหน้านวลอย่างเบามือ “อย่าทำลดาเลย ลดากลัวแล้วอาพล ลดาเป็นหลานอานะคะ อาจะปล้ำหลานตัวเองหรือคะ” หญิงสาวยังคงเพ้อด้วยเสียงสั่นเครือ “พิศลดา ฉันมาคัส ไม่ใช่อาพลบ้าบออะไรของเธอ” ชายหนุ่มตะโกนบอกลั่น “ปล่อยลดานะ ปล่อย” พิศลดาร้องไห้อย่างคนเสียสติ มือเล็กก็พยายามทุบตีไปทั่ว ก่อนมือหนาจะรวบร่างนวลเข้ากอดไว้แน่น “ปล่อย อาพลปล่อยนะ” “ลืมตา ลืมตาดูสิ พิศลดาว่าฉันคือใคร” คราวนี้มันได้ผล หญิงสาวลืมตาขึ้นมาตามคำสั่งและเริ่มเงียบลง แต่ยังคงสะอื้นตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดของมาคัส “อย่าทำลดาเลย ลดาขอโทษ” เธออ้อนวอนเสียงสั่นเครือพร้อมพนมมือวอนขออย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร นอกจากถอดเสื้อตัวเก่งสวมให้เชลยแค้นก่อนจะอุ้มเจ้าหล่อนตรงไปยังห้องพัก แล้วครุ่นคิดถึงเหตุการณ์นี้ มาคัสมองหน้าซีดขาวไร้สีเลือดด้วยความสงสัย พิศลดาประสบเจอเหตุการณ์อะไรมากันแน่ แต่คงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไร ในใจของชายหนุ่มมีคำถามมากมายเกี่ยวกับตัวคนตรงหน้า และเขาต้องสืบให้รู้ให้ได้ เมื่อถึงรุ่งเช้าของวันใหม่บรรดาลูกเรือต่างเร่งมือช่วยกันเอาอวนขึ้นจากท้องทะเลก่อนเรือลำโตจะแล่นกลับเข้าไปยังเกาะเพลิงเพื่อนำปลาไปคัดแล้วส่งขาย โดยตอนนี้พวกสาวๆบนเกาะต่างช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ บางคนก็ไปรอหน้าเกาะเพื่อคอยช่วยลูกเรือเอาอวนลง ซึ่งตอนนี้เรือได้จอดเข้ามาเทียบท่าเกาะเพลิงแล้ว เจ้าของเกาะลงจากเรือมาเป็นคนแรกพร้อมอุ้มหญิงสาวมาด้วยและเดินตรงไปยังบ้านพักทันทีโดยการกระทำของมาคัสสร้างความแปลกใจให้ใครหลายๆคน “แกดูนายสิ ไหนบอกว่ามันเป็นเชลยไง ทำไมต้องอุ้มมาด้วยวะ ทำไมไม่ลากมันมา” “ก็นายประกาศปาวๆ แล้วนี่ว่าเป็นเชลย และก็เป็นเมียนายด้วย แต่ก็คงเมียเก็บ” น้อยพูดด้วยความอิจฉาริษยา เพราะตนหลงรักมาคัสมาหลายปี “ทำไมแกพูดแบบนั้นวะน้อย อย่างน้อยก็น่าเห็นใจผู้หญิงด้วยกันนะ” ชบา สาวน้อยบนเกาะอีกคนเอ่ย พร้อมกับส่ายศีรษะกับความขี้อิจฉาของน้อยที่มีเพิ่มขึ้นมากทุกวัน “ทำไมฉันต้องเห็นใจมันด้วย มันก็เป็นได้แค่เชลยเท่านั้น ส่วนแกก็อย่าทำตัวเป็นคนดีนักเลย นังชบา” น้อยเชิดหน้าใส่อย่างอวดดี ก่อนเดินชนชบาอย่างตั้งใจแล้วยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ชบาไม่ได้ถือโทษโกรธแต่อย่างใดได้แต่ส่ายหัวอย่างเวทนา เมื่อวางคนตัวเล็กลงบนเตียงแล้ว มาคัสก็ล้มตัวนอนเช่นกัน ซึ่งร่างเล็กก็ถอยหนีด้วยความหวาดกลัว แต่ทว่าชายหนุ่มไม่ยินยอมให้คนข้างๆทำเช่นนั้น มือแข็งคว้าร่างเล็กเอาไว้แถมยังกอดไว้แนบอก “กลัวฉันมากหรือไง ทำใจให้ชินซะ ยังไงเธอก็ต้องเป็นเมียฉัน” พิศลดาไม่กล้าจะขัดขืนอีก ได้แต่นอนตัวสั่นไม่ต่างจากลูกนกตกน้ำ แต่ไม่นานนักคนตัวเล็กก็หลับไปเพราะความเหน็ดเหนื่อย ไม่ต่างจากเจ้าของวงแขนแกร่งที่หลับไปด้วยเช่นกัน กรุงเทพฯ… ในโรงแรมหรูระดับห้าดาวถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานฉลองมงคลสมรสอันยิ่งใหญ่ของตระกูลมาร์ซิโอ บรรดาแขกเหรื่อในงานต่างแต่งกายมาประชันแข่งขันกัน เพชรพลอยต่างใส่กันมาแบบระยิบระยับ พร้อมต่างปั้นหน้าเข้าหากัน แถมยังฉีกยิ้มเพื่อให้เป็นจุดเด่นในงาน เพราะงานนี้มีคนในหลากหลายวงการมาร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็นวงการธุรกิจ หรือแม้แต่วงการนายแบบนางแบบ ขณะที่ทุกคนกำลังฉีกยิ้มแสดงความยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว คงมีเพียงใบหน้าของเจ้าสาวเท่านั้นที่บึ้งตึง ไร้รอยยิ้ม จนตากล้องฝีมือดีที่กำลังถ่ายภาพครอบครัวต้องหันมาสั่ง “เจ้าสาวยิ้มหน่อยสิครับ” แต่ทว่าคำสั่งนั้นก็ไม่ได้ทำให้เจ้าสาวของงานทำตามแต่อย่างใด ใบหน้าสวยยังคงบึ้งตึงและยิ่งบึ้งตึงเข้าไปใหญ่ เมื่อเจ้าบ่าวที่หล่อนไม่ชอบขี้หน้าก้มลงมาสั่ง “คุณฉีกยิ้มหน่อยสิ สิบล้านนะ ท่องจำไว้เพื่อเงินนะคุณ” เจ้าบ่าวเอ่ยบอกกับเจ้าสาวตัวแทนของตน “ฉันไม่ได้อยากแต่งงานกับคุณ ไอ้คนปากหมา” พิศน้ำผึ้งกัดฟันบอกพร้อมกับส่งสายตาชิงชังให้คนที่ตนแสนจะเหม็นขี้หน้า เจอกันทีไรต้องทะเลาะกันทุกที “ไม่อยากแต่ง แต่ก็แต่งแล้วนะ ถึงแม้ว่าจะแต่งในนามพี่สาวคุณก็เหอะ” ยามได้ยินชื่อของพี่สาว สีหน้าของหญิงสาวก็เปลี่ยนไป มันมีแต่ความกังวลและกลัว เพราะพิศลดาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ถึงแม้ว่างานแต่งงานในครั้งนี้ พี่สาวจะแต่งงานเพราะเงินก้อนโต แต่อีกฝ่ายก็เต็มใจแต่งเพื่อตอบแทนเงินจำนวนหนึ่งที่ลูเซียร์ให้หยิบยืมเพื่อไถ่ถอนบ้าน คนทั้งสองได้ตกลงกันแล้วว่างานแต่งงานในครั้งนี้เป็นแค่การจัดฉาก และทุกอย่างจะจบลงในเวลาสองปี เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ลมหายใจร้อนๆ ก็พ่นออกมา เพราะหล่อนไม่อยากจะเป็นตัวแทนของพี่สาว ตนไม่ชอบขี้หน้าเจ้าบ่าวจอมปลอมสักนิด ด้วยเหตุผลนี้หล่อนจึงต้องจำใจต้องแสดงบทบาทเป็นพิศลดา ซึ่งตนและพิศลดาเป็นฝาแฝดที่หน้าตาเหมือนกันมากรับรองว่าไม่มีใครแยกออก โดยเรื่องการหายตัวไปของพิศลดาก็มีแค่เธอและลูเซียร์เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ “เจ้าลูเซียร์แต่งงานมีเมียแล้ว ทำอะไรก็คิดดีๆ ก่อน แล้วดูแลน้องเขาให้ดีๆ ด้วย อย่าให้ฉันกับแม่แกผิดหวัง” ลูคัส เจ้าของตระกูลมาร์ซิโอเอ่ยบอกแก่หลานชายคนสำคัญอย่างมีความสุข เพราะในที่สุดสิ่งที่หวังก็เป็นจริง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD