หลังจากวันนั้นเจติยาก็มักจะหาโอกาสตามอนาวินมาด้วยเสมอหากงานไหนที่เธอกับเขาได้ทำงานร่วมกัน แถมยังพูดจาแดกดันเธอทุกครั้งที่มีโอกาส เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าเพราะฤทธิ์แห่งความหึงหวงจะทำให้ผู้หญิงที่น่ารักอัธยาศัยดีอย่างที่เจอในตอนแรกเปลี่ยนไปเป็นคนละคน และเพราะต้องการตัดความรำคาญเธอจึงเลือกปฏิเสธรับงานที่ต้องทำกับ อนาวินเพราะคิดดูแล้วนั่นอาจเป็นผลดีต่อเธอมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการที่ไม่ต้องเห็นภาพบาดตาบาดใจหรือต้องทนฟังคำค่อนแคะของเจติยา เมื่อเลือกที่จะห่างกับอนาวินความสัมพันธ์กับมิกซ์นายแบบหนุ่มลูกครึ่งก็แน่นแฟ้นมากขึ้น เมื่อตกลงกันว่าจะคบหากันแบบเพื่อนเธอก็สะดวกใจที่จะพูดคุยหรือไปไหนมาไหนกับเขามากขึ้นกว่าเดิม และเมื่อลองคบหาเข้าจริงๆ เธอก็พบว่าเขาเป็นคนนิสัยใจคอใช้ได้เลยทีเดียว
แต่ความตั้งใจจะคบหากันฉันท์เพื่อนเพื่อความสงบสุขในชีวิตของเธอก็เริ่มไม่เป็นดังตั้งใจเมื่อเริ่มมีข่าวนายแบบหนุ่มแอบกิ๊กกับช่างแต่งหน้าสาวคนสวย เหตุเพราะมิกซ์กำลังไต่ระดับความดังขึ้นเรื่อยๆ ทั้งงานถ่ายแบบเดินแบบและละคร มินตราไม่รู้เลยว่าข่าวการคบหากันระหว่างเธอและนายแบบหนุ่มกำลังส่งผลต่อใครบางคนอย่างคาดไม่ถึง
“พี่วินเป็นอะไรคะ พักนี้ดูหงุดหงิดจัง” เจติยาถามวันนี้เธอชวนเขาออกมาทานข้าวด้วยกันที่ห้องอาหารของโรงแรมหรูใจกลางเมืองได้สำเร็จ พักหลังมานี้กว่าจะนัดเขาไปไหนมาไหนได้ช่างยากเย็นเพราะเขามักจะติดงานเสมอ
“ไม่มีอะไรหรอกเจสซี่ พี่แค่คิดเรื่องงานนิดหน่อย”
“แน่นะคะ ไม่ใช่ว่าคิดถึงใครอยู่หรอกนะคะ”
“เจสซี่” อนาวินเรียกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แบบที่ทำให้คนฟังรู้ได้ทันทีว่าเขาเริ่มไม่พอใจอย่างมาก
“เจสขอโทษค่ะ เจสแค่น้อยใจที่พี่วินไม่ค่อยมีเวลาให้เจสเลย กว่าพี่วินจะยอมออกมาทานข้าวกับเจสได้เจสก็ต้องรอแล้วรออีก” เจติยาทำน้ำเสียงแบบที่ดูน่าสงสารที่สุดจนอนาวินแอบถอนหายใจ
“เจสก็รู้ว่าช่วงนี้พี่งานเยอะ”
“เจสรู้ค่ะ แต่เจสก็อยากได้เวลาจากพี่วินบ้าง คืนนี้พี่วินไปเที่ยวกับเจสนะคะ นะ” เจติยาซบใบหน้าลงกับต้นแขนแกร่งอย่างออดอ้อน
“ก็ได้ครับ” อนาวินยอมรับปากไม่ใช่เพราะถูกลูกอ้อนจากเจติยา แต่เป็นเพราะอารมณ์หงุดหงิดไม่ทราบสาเหตุมาหลายวัน เขาจึงอยากลองไปผ่อนคลายดูบ้างเผื่อจะช่วยให้ดีขึ้น
“อาหารมาแล้ว เราทานข้าวกันเถอะ” อนาวินบอกและกำลังจะลงมือทานอาหารหน้าตาน่ารับประทานที่พนักงานของโรงแรมเพิ่งนำมาเสิร์ฟให้บนโต๊ะ
“อุ๊ย นั่นคุณมินนี่กับแฟนนี่คะ” เจติยาที่นั่งหันหน้าไปทางประตูและเห็นมินตราเดินเข้ามาในห้องอาหารกับนายแบบลูกครึ่งคนดังจึงรีบบอกอนาวิน แล้วเธอก็ต้องแอบกำมือแน่นเมื่ออนาวินทิ้งช้อนส้อมลงกับจานทันที อาการของเขาทำให้เธอรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจเพราะมันคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากเขาไม่พอใจที่เห็นผู้หญิงที่เขาบอกว่าเป็นเพื่อนสนิทควงมากับผู้ชาย
มินตราในชุดเกาะอกสีดำและกางเกงยีนรัดรูปโชว์หุ่นสวยและขาเรียวเล็กเดินเข้ามาพร้อมมิกซ์นายแบบหนุ่มที่ลงทุนโทรชวนเธอมาทานข้าวที่นี่ เพราะมีเมนูโปรดโดยอาสาเป็นเจ้ามือเอง มีของฟรีมาเสิร์ฟให้ถึงที่เรื่องอะไรเธอจะปฏิเสธ ดังนั้นก่อนที่จะต้องขับรถไปทำงานย่านชานเมืองเธอจึงแวะมาทานอาหารเที่ยงกับเขาก่อน
“เชิญครับคุณผู้หญิง” มิกซ์เลื่อนเก้าอี้ให้มินตราด้วยท่าทางสุภาพบุรุษ
“ขอบคุณค่ะ”
“วันนี้ได้ควงสาวสวยมาทานของโปรดสงสัยผมจะเจริญอาหารแน่นอน”
“วันนี้ได้ทานของฟรี มินนี่ก็คงจะเจริญอาหารไม่แพ้กัน” พูดจบสองหนุ่มสาวก็หัวเราะอย่างขบขันและภาพที่คนฝั่งตรงข้ามเห็นก็คือสองหนุ่มสาวกำลังจู๋จี๋กันอย่างหวานชื่น
“คุณมินนี่กับคุณมิกซ์นี่เหมาะสมกันจังเลยนะคะ อีกคนก็หล่ออีกคนก็ทั้งสวยและเซ็กซี่ แบบนี้ลูกออกมาคงน่ารักแน่ๆ”
“เหลวไหล” อนาวินเผลอดุออกมาอย่างลืมตัวเพราะรู้สึกไม่ชอบสิ่งที่เจติยาพูดเลยสักนิด
“พี่วินดุเจสทำไมคะ เจสทำอะไรผิด” เจติยาน้ำตาคลอและในที่สุดก็น้ำตาร่วงเผาะเพราะเธอไม่เคยถูกดุเลยสักครั้ง อนาวินรู้ตัวว่าเผลอแสดงอารมณ์และคำพูดไม่ดีจึงรีบเดินมานั่งฝั่งเดียวกับเจติยาและปลอบหญิงสาว
“พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจ เจสอย่าร้องเลยนะ” อนาวินเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยนเพราะรู้สึกผิดที่เขาพูดจาไม่ดีใส่เธอ
“เอ๊ะ นั่นมันคุณวินกับคุณเจสซี่หรือเปล่ามินนี่” มินตราสะดุ้งเมื่อได้ยินชื่ออนาวิน เพราะหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเธอพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเจอหรือคุยกับเขารวมถึงไม่รับงานที่ต้องทำร่วมกันด้วย แต่สุดท้ายเธอก็หนีไม่พ้นอยู่ดีโลกช่างกลมเสียจริง แต่เมื่อมองตามสายตาของมิกซ์ไปเธอก็รู้สึกเหมือนมีเข็มมาทิ่มแทงหัวใจให้เจ็บหนึบ เพราะภาพที่เห็นนั้นคือหนุ่มสาวกำลังออดอ้อนเอาใจกัน เธอเห็นอนาวินลูบแก้มเจติยาด้วยท่าทีทะนุถนอม เท่านั้นเธอก็เบือนหน้าหนีเพราะไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป มินตราไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากิริยาอาการของเธออยู่ในสายตาเพื่อนหนุ่มตลอดเวลา
“มินนี่จะไม่เข้าไปทักทายคุณวินหน่อยเหรอ”
“อย่าดีกว่า เขาคงต้องการเวลาส่วนตัว อาหารมาแล้วเราทานข้าวกันเถอะ เดี๋ยวมินนี่ต้องไปทำงานต่อ” มินตรารีบหยิบช้อนขึ้นมาตั้งท่าจะลงมือทานทั้งที่ความอยากอาหารแทบไม่เหลือเลย
“แล้ววันนี้ทำไมมินนี่มาคนเดียวล่ะ ผู้ช่วยตัวป่วนของมินนี่หายไปไหน” มิกซ์ถามถึงน้ำหนึ่งที่พักหลังมานี้เขาได้เจออีกฝ่ายบ่อยๆ และรู้สึกเอ็นดูในความขยันขันแข็งแต่ก็ขี้สงสัยและตื่นเต้นกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว ราวกับเด็กน้อยเพิ่งออกมาเจอโลกกว้าง
“วันนี้หนึ่งเขาต้องพาป้าไปหาหมอน่ะ อันที่จริงเขาก็จะมาทำงานช่วงบ่าย แต่มินนี่ให้หยุดไปเลยจะได้ไม่ต้องรีบร้อนเพราะบ้านลูกค้าวันนี้อยู่ไกล”
“แล้วมินนี่ไปคนเดียวได้เหรอ”
“แหม มิกซ์ มินนี่ทำงานมากี่ปีแล้ว มินนี่เดินทางไปแต่งหน้าให้ลูกค้าร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำขึ้นเหนือล่องใต้ นี่แค่ปทุมสบายมาก”
“โอเค ผมก็แค่เป็นห่วงเห็นมินนี่ต้องเดินทางคนเดียว”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ปทุมไม่ใช่ดินแดนไกลปืนเที่ยงสักหน่อย ถนนหนทางก็สะดวกสบาย”
“โอเค เรากินข้าวกันเถอะ”
หลังจากทานอาหารเสร็จมินตราและมิกซ์ก็แยกย้ายกันเพราะเขามีงานต่อช่วงบ่าย ส่วนเธอก็ต้องเตรียมไปทำงานที่บ้านลูกค้าเช่นกัน ระหว่างที่กำลังขับรถจู่ๆ ท้องฟ้าที่สดใสก็มีเมฆดำทะมึนก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วฝนก็เทลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตา
“แย่จัง จู่ๆ ก็ตกลงมาไม่มีปี่มีขลุ่ย” มินตราบ่นพลางยกข้อมือขึ้นดูเวลาแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เธอเผื่อเวลาไว้มากพอที่จะติดแหง็กอยู่บนถนนเพราะฝนเจ้ากรรมแบบไม่ต้องกลัวไปสาย มินตรามาถึงสถานที่นัดหมายคือโรงแรมสำหรับจัดงานแต่งงานในอีกเกือบสองชั่วโมงถัดมา เจ้าสาวเป็นลูกสาวของนักธุรกิจคนดังในย่านนี้แถมแต่งกับเจ้าบ่าวจากครอบครัวนักธุรกิจที่มีฐานะร่ำรวยเหมือนกัน ดังนั้นงานในวันนี้จึงถูกเนรมิตขึ้นมาอย่างอลังการ ส่วนมากลูกค้าของเธอมักจะเป็นคนมีฐานะอยู่แล้ว เนื่องจากชื่อเสียงอันเป็นที่ยอมรับทำให้ราคาในการใช้บริการช่างแต่งหน้ามืออาชีพอย่างเธอนั้นมีราคาสูงตามไปด้วย ระหว่างเดินตามเจ้าหน้าที่ไปยังห้องแต่งตัวของเจ้าสาว มินตราแอบมองเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงที่มีกลิ่นหอมของดอกไม้โชยออกมา แม้จะเห็นแค่แวบเดียวเธอก็รู้สึกชอบการตกแต่งเป็นอย่างมาก ได้ยินมาว่าทางเจ้าภาพใช้บริการบริษัทออแกไนซ์ชื่อดังระดับประเทศ วูบหนึ่งมินตราแอบคิดว่าเธอจะมีความสุขแค่ไหนหากได้ใส่ชุดเจ้าสาวเคียงข้างเจ้าบ่าวที่เธอรักในงานแต่งงานที่สวยงามเช่นนี้ คิดแล้วก็ต้องสะบัดศีรษะไล่ความฟุ้งซ่านออกไปจากหัวเพราะชาตินี้เธอคงไม่มีโอกาสได้แต่งงานแน่ๆ หากยังตัดใจจากอนาวินไม่ได้
เมื่อมาถึงมินตราก็จัดการเปิดกระเป๋าเตรียมอุปกรณ์และลงมือเนรมิตรให้เจ้าสาวในคืนนี้สวยสดงดงามราวกับเทพธิดาให้สมกับเป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิตของลูกผู้หญิงคนหนึ่ง
“สวยมากเลยค่ะ คุณมินนี่ คิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกใช้บริการคุณมินนี่” มินตรายิ้มรับคำชมและมีความสุขตามไปด้วยเมื่อเห็นเจ้าสาวส่องกระจกหันซ้ายหันขวาด้วยรอยยิ้มและแววตาที่ทอประกายความสุขออกมาจนดวงตากลมโตของเธอเป็นประกายระยิบระยับน่ามอง
“เจ้าสาวแต่งหน้าเสร็จแล้วใช่มั้ยคะ งั้นเราไปแต่งตัวกันเถอะค่ะ” ทีมงานห้องเสื้อเข้ามาช่วยเจ้าสาวแต่งตัวส่วนเธอก็ลงมือแต่งหน้าให้แม่เจ้าสาวเป็นรายถัดไป กว่าจะเสร็จงานและออกจากโรงแรมก็เป็นเวลาสามทุ่มกว่าเพราะมินตราถือโอกาสเข้าไปถ่ายภาพบรรยากาศงานแต่งงานที่เธอรู้สึกถูกใจตั้งแต่แรกเห็น และร่วมรับประทานอาหารกับทีมงานจากห้องเสื้อตามคำเชิญของเจ้าภาพอย่างที่น้อยครั้งจะทำ แต่ครั้งนี้เธอรู้สึกอยากอยู่ร่วมในบรรยากาศอันอบอวลไปด้วยความสุขนี้กอปรกับคุยกันถูกคอกับทีมงานที่มาดูแลเรื่องชุดบ่าวสาว เธอจึงตัดสินใจอยู่ร่วมงานก่อนจะปลีกตัวออกมาเมื่อถึงเวลาอันสมควร