ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ 2

726 Words
มินตราหายป่วยและกลับมาทำงานได้ตามปกติ พร้อมผู้ช่วยที่ดูท่าจะไปได้ดีในวงการช่างแต่งหน้าอย่างน้ำหนึ่งเด็กที่อนาวินฝากมาให้เธอช่วยสอนวิชาและคอยดูแลตารางงานให้เธอไปด้วยในตัว เธอรู้สึกว่าเบาแรงไปได้มากเพราะ น้ำหนึ่งมีทักษะการสื่อสารเป็นอย่างดี สามารถรับโทรศัพท์ลูกค้าและทำตารางงานให้เธอได้อย่างเป็นระเบียบ แถมยังหัวไวเรียนรู้วิธีการแต่งหน้าและการเลือกใช้เครื่องสำอางได้อย่างรวดเร็ว เธอเชื่อว่าเด็กคนนี้จะไปได้ไกลอย่างแน่นอน “คุณมินนี่ไม่อยากเป็นนางแบบบ้างเหรอคะ คุณมินนี่ทั้งสวยทั้งหุ่นดีกว่านางแบบบางคนที่ไปแต่งหน้าให้อีก” น้ำหนึ่งถามอย่างสงสัยขณะช่วยเก็บอุปกรณ์แต่งหน้าลงกล่อง “ไม่หรอกจ้ะ พี่ชอบแต่งหน้ามากกว่า” “น่าเสียดายนะคะ หนึ่งอยากเห็นคุณมินนี่โพสต์ท่าสวยๆ ขึ้นปกนิตยสารบ้าง” “อย่าดีกว่าจ้ะ พี่กลัวไม่มีคนซื้อน่ะ เก็บของเสร็จแล้วเรากลับกันเถอะ พรุ่งนี้มีงานที่ไหนบ้างนะจ๊ะ” หลังจากที่ปล่อยให้น้ำหนึ่งจัดการตารางงานของเธอจนแน่ใจว่าไว้ใจได้ เธอจึงปล่อยให้อีกฝ่ายทำหน้าที่ดีลกับลูกค้าโดยตรงและจัดการตารางนัดหมายต่างๆ ให้เธอทั้งหมด “พรุ่งนี้มีงานแต่งหน้านางแบบไฮโซคนกันเอง ถ่ายแบบให้นิตสารเปิดบ้านเซเลปค่ะ” “นางแบบไฮโซคนกันเองนี่ใครกันจ๊ะ เราไปรู้จักไฮโซที่ไหนด้วยเหรอ” มินตราถามอย่างสงสัย แม้เธอจะเคยแต่งหน้าให้บรรดาไฮโซคุณหญิงคุณนายมามากมาย แต่ไม่มีรายใดที่เธอจะสนิทสนมถึงขั้นเรียกว่าคนกันเองได้เลย “คนกันเองสิคะ เพราะนางแบบคนนี้คือคุณเจติยาหวานใจของเจ้านายสุดหล่อของน้ำหนึ่งอย่างคุณวินนั่นเอง” มินตรารู้สึกหัวใจกระตุก หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงไม่รู้สึกอะไรและแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้อย่างชัดเจน แต่ตอนนี้เจติยาอยู่ในอีกสถานะหนึ่งที่แตกต่างจากตอนที่เธอไปแต่งหน้าให้ครั้งที่แล้ว เธอจึงรู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเป็นคนที่กำลังคบหาดูใจกับอนาวินเท่านั้น แต่ครั้งล่าสุดที่บังเอิญได้เจอกันที่ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งสายตาของฝ่ายนั้นที่มองเธอมันเปลี่ยนไป ไม่ใช่แววตาเป็นมิตรและชื่นชมอย่างเคยอีกแล้ว แต่มันเต็มไปด้วยความหวาดระแวงแคลงใจและไว้ตัว เธอเดาว่าเจติยาคงรู้แล้วว่าเพื่อนที่อนาวินพาไปโรงพยาบาลจนเป็นสาเหตุให้ทั้งสองทะเลาะกันนั้นคือเธอ แต่เธอก็อยู่ส่วนเธอและไม่เคยคิดจะเข้าไปทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ต้องมีปัญหา เธอควบคุมและเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้อย่างดีแบบที่จะไม่มีใครรู้ได้เด็ดขาดว่าเธอกำลังคิดหรือรู้สึกอะไร และเธอก็ทำมันได้อย่างดีมานับสิบปี “คุณมินนี่ คุณมินนี่คะ” “เอ่อ…จ้ะ หนึ่งเรียกพี่ทำไมเหรอ” “คุณมินนี่ไม่สบายหรือเปล่าคะ หนึ่งเรียกคุณมินนี่หลายครั้งแล้ว แต่คุณมินนี่เอาแต่เหม่อ” “เปล่าจ้ะ พี่ไม่ได้เป็นอะไร” “งั้นก็แล้วไปค่ะ เพราะถ้าเป็นหนึ่งต้องโทรรายงานคุณวินทันที” “เอ๊ะ…รายงานทำไมจ๊ะ” “ก็คุณวินสั่งหนึ่งไว้ว่านอกจากจะต้องตั้งใจช่วยงานและเรียนรู้งานจากคุณมินนี่แล้ว ต้องคอยดูแลให้คุณมินนี่ไม่รับงานเยอะเกินไปและทานข้าวตรงเวลาด้วย ถ้าคุณมินนี่ไม่สบายหรือมีปัญหาอะไรให้หนึ่งรายงานคุณวินทันที” สิ่งที่ได้รับรู้จากน้ำหนึ่งทำให้มินตราถึงกับอึ้ง เพราะไม่คิดว่าเขาจะเป็นห่วงและเอาใจใส่เธอขนาดนี้ มันมาพร้อมกับความรู้สึกสุขและทุกข์ไปพร้อมๆ กัน สุขที่เขาคอยห่วงใยเธอเสมอและทุกข์ที่เธอไม่สามารถเป็นได้มากกว่าเพื่อนของเขา “อย่างนั้นเหรอจ๊ะ นี่น้ำหนึ่งรับหน้าที่เป็นสายมาสืบเรื่องของพี่ด้วยเหรอเนี่ย” “ไม่ใช่ซะหน่อย หนึ่งแค่ทำตามหน้าที่” “จ้ะ หน้าที่ก็หน้าที่ เรากลับกันดีกว่า” “โอเคค่ะ กลับบ้านกัน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD