ตอนที่ 3 แค่บังเอิญเผลอมอง

1469 Words
“ว่าไง? มีอะไร?” “เปล่า...ไม่มีไร กูแค่โทรมาถามว่ามึงแต่งตัวเสร็จแล้วใช่ปะ” “เสร็จแล้ว ก็บอกแล้วไงว่ากำลังไป แล้วมึงจะโทรมาทำไมทุกห้านาทีเนี่ย” เสียงที่เคยหวานเริ่มจะไม่หวานเมื่อต้องตอบคำถามเดิมที่เพิ่งตอบไปเมื่อห้านาทีก่อน “มึงไม่ได้เทพวกกูใช่ปะพริ้ม มึงกำลังมาจริงๆใช่ปะ” พิมพ์อัปสรกลอกตามองบน เป่าพรูลมหายใจออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินคำถามของ เจินหรือจินดาหรา คนที่เธอกำลังพูดสายด้วยเป็นคนเดียวกับที่โทรตามเธอทุกห้านาทีเพราะกลัวเธอเทเพียงเพราะเธอส่งข้อความไปบอกว่า... เมนส์กูมา ก็แค่เป็นเมนส์ ซึ่งมันก็เป็นทุกเดือนอยู่แล้ว มาของมันทุกเดือนอยู่แล้ว ก็โรคของผู้หญิง อีกอย่างเธอไม่ได้เป็นหนักถึงขั้นมีไข้หรือว่าปวดหน่วงที่ต้องนอนซมทำอะไรไม่ได้ ก็ไม่เข้าใจว่าพวกมันจะกลัวเธอเททำไม ก็มีกันอยู่แค่นี้...คบกันมาตั้งแต่วันแรกของการรับน้อง จากรุ่นน้องผู้รับบทผู้ถูกกระทำจนกลายมาเป็นรุ่นพี่ผู้ลั้ลลา ถ้าเธอเทพวกมันสองคนแล้วจะเหลือใครให้คบ พูดอย่างกับเพื่อนดีบ้างไม่ดีบ้างทว่าศีลเสมอกันมันหากันง่ายๆ อ่อ...ยังมีอีกหนึ่งคน แต่วันนี้มันไม่ได้ไปด้วย มีเหตุด่วนให้ต้องกลับบ้านที่ขอนแก่น ซึ่งคนนี้แตกต่างจากพวกเธอสามคนตรงที่มันเป็นผู้ชายคนเดียวของกลุ่ม “อือ กูกำลังไปจริงๆ กูจะโกหกมึงเพื่อ รอพี่แกร็บอยู่ที่หน้าคอนโดเนี่ย ไม่ต้องกลัวกูเท อีกครึ่งชั่วโมงมึงสองคนเจอกูที่ร้านแน่นอน” “พี่แกร็บใกล้ถึงมึงแล้วปะพริ้ม พี่แกร็บยังอยู่ใช่มะ ไม่ได้ถูกยกเลิกงานนะ มึงเช็คยัง? เช็คเลยๆ ถ้าถูกแคนเซิลจะได้รีบกดใหม่” เสียงนี้ไม่ใช่เสียงของจินดาหราแต่เป็นเสียงของ กานดาหรือกาญจน์สิเนห์ เพื่อนสนิทอีกคนของเธอ...ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อเธอถึงกับหันขวับไปถามความหมาย ทำให้รู้ว่ากาญจน์สิเนห์ แปลว่ารักใคร่เสน่หาเท่าทองคำ และได้รู้ว่าที่ป๊ากับม๊ามันตั้งชื่อนี้ให้เพราะที่บ้านขายทองคำก็เลยอยากให้ชื่อของลูกๆ มีความหมายเกี่ยวกับทองคำ ฟังดูรวยเนอะ ซึ่งก็ถูก...บอกได้คำเดียวสั้นๆ ว่าบ้านมันรวยมาก ทว่าตัวมันเองกลับไม่ยอมใส่เครื่องประดับที่ทำจากทองคำเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ที่เห็นมันใส่ติดตัวตลอดเวลาก็คือสร้อยเงินจี้รูปจิกซอว์ “อือ ยังอยู่ ใกล้แล้ว อีกสิบนาทีน่าจะถึง” สิบนาทีคือตอนเธอเช็คที่ห้องก่อนจะเดินลงมา ตอนนี้ก็น่าจะเหลือราวๆ ห้าถึงหกนาทีพี่แกร็บก็คงมาถึง ถ้าไม่เกิดเอ็กซิเดนนะ ก็หวังว่ามันจะราบรื่น เพราะถ้าเธอไม่ถึงร้านในสามสิบนาทีอย่างที่บอก พวกมันสองคนบุกมาที่คอนโดเธอแน่ “ก็ไม่นาน ให้กูสองคนรออยู่หน้าร้านมะ? จะได้เข้าไปพร้อมกัน” เป็นอีกครั้งที่พิมพ์อัปสรถึงขั้นกลอกตามองบน...พูดขนาดนี้ก็ยังจะกลัวเธอเทอีก หรือว่าเธอควรเทพวกมันดี “ไม่ต้องรอ พวกมึงสองคนเข้าไปรอในร้านเลย ถึงแล้วเดี๋ยวโทรหา” “ร้านจันทร์ชมเดือนนะพริ้ม ที่อยู่ข้างๆวีว่าอะ หาไม่ยากหรอก ถ้ามาถึงแล้วไม่กล้าเข้าไปคนเดียวก็โทรมาเดี๋ยวกูออกมารับ” “อือ รู้แล้วแค่นี้นะ เจอกันที่ร้าน” “รีบมานะมึง พวกกูคิดถึง” “อือ...แค่นี้นะ” กดวางสายแล้วก็กดเข้าไปเช็คพี่แกร็บว่าถึงไหน เมื่อหน้าจอยังโชว์ข้อมูลก็เบาใจ เห็นว่าเหลือเวลาอีกไม่ถึงห้านาทีก็เลยยืนรอ ถ้าเพื่อนทั้งสองเห็นชุดที่เธอใส่จะไม่มีความคิดเรื่องถูกเธอเทในหัวเลย แต่งหน้าสไตล์พี่อั้มพัชราภา ผมสีนำตาลเข้มยาวสลวยถูกปล่อยสยายไปตามแผ่นหลัง ส่วนชุดเป็นสายเดี่ยวผ้าชีฟองสีดำอวดเรียวขาสวย รองเท้าส้นสูงสามนิ้วรัดข้อสีเดียวกับชุด... บอกเลยว่าพร้อมมากที่จะไปเฉิดฉาย โชว์ความงามตระการตาให้คนมองตาค้าง ถึงจะเป็นร้านนั่งชิลเธอก็จัดเต็มคาราเบล ไม่มีกงไม่มีกั๊ก ยืนรอประมาณห้านาทีก็มีรถคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดบริเวณด้านหน้าคอนโด ห่างจากจุดที่เธอยืนไม่ถึงสามเมตร แน่นอนว่าอาวดี้คันนี้ไม่ใช่พี่แกร็บของเธอแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์... เพราะมันหรูเกินไป ถามว่าเป็นอาวดี้รุ่นไหนเธอไม่รู้ ไม่มีความรู้ใดๆ เกี่ยวกับรถหรูพวกนี้ "แน่ใจนะคะว่าจะไม่ขึ้นไปที่ห้องซิดนีย์" มันเป็นปฏิกิริยาธรรมชาติเมื่อมีสิ่งเร้ามากระตุ้นก็สามารถเรียกความสนใจจากเราไปโดยง่าย เหมือนพิมพ์อัปสรตอนนี้ที่เผลอหันไปมองรถที่เพิ่งวิ่งเข้ามาจอด ทำให้เห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเปิดประตูลงมาจากรถ เดินอ้อมมาฝั่งคนขับ และกำลังยืนคุยกับคนในรถด้วยท่าทางสนิทสนม เธอคุ้นหน้าผู้ชายเจ้าของรถหรู และก็ถึงบางอ้อ... ผู้ชายหล่อ ส่วนผู้หญิงก็สวย...ก็เป็นคู่ที่เหมาะสมกันดี เธอเองก็เคยมีผู้ชายหล่อประมาณนี้มาจีบเหมือนกัน เป็นรุ่นพี่จากคณะทันตะฯ ทว่ายังไม่ทันที่จะเริ่มคุยก็ต้องแยกย้าย ใส่คอนเวิร์สทางใครทางมัน เพราะเธอจับได้ว่าหนุ่มฮอตเนิร์ดจากคณะทันตะฯ ไม่ได้คุยกับเธอแค่คนเดียว เขายังคุยกับผู้หญิงอีกหลายคน หนึ่งในนั้นก็คือเมย่าเพื่อนร่วมคณะของเธอ ก็คงคิดว่าตัวหล่อ ตัวดูดี ตัวเก่ง ตัวโปรไฟล์เริ่ด ก็เลยคุยหลายคนเผื่อเลือกงี้? เหอะ...ไม่อยากจะแซดว่าความหล่อที่ดีไม่ได้ครึ่งของเหล่าหลัวทิพย์ในจินตนาการของเธอด้วยซ้ำ หล่อปะลำปะเหลือ หล่อไม่ซ้ำหน้า อยากได้ใครก็แค่เปิดแอพฯ แล้วเลือก จบเรื่องนี้ก็ไปเรื่องใหม่ โคตรจะฟิน ส่วนชีวิตจริง... หล่อดูดีแต่นิสัยเหี้ยก็ไม่ไหว เธอพอใจที่จะคบผู้ชายหน้าตาธรรมดา มีมุมหล่อของตัวเอง ทว่านิสัยดี เป็นผู้ชายอบอุ่น ช่างเทคแคร์ ไม่เจ้าชู้ประตูดิน ให้เกีรยติเราและรักเราคนเดียวเป็นแฟนดีกว่าคบกับพวกหล่อดูดีแต่... สันดานเหี้ย ไม่รู้ว่าเผลอมองคนทั้งคู่นานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่สายตาคมกริบของคนในรถมองมาที่เธออย่างไม่พอใจราวกับว่าเธอไปดักตีหัวเขาแล้วลากขึ้นห้องทำมิดีมิร้าย แค่บังเอิญเผลอหันไปมอง แล้วก็เผลอมองนานไปหน่อย แค่นี้ก็ผิดด้วยเหรอ? หรือคิดว่าเธอเป็นพวกโรคจิตเป็นพวกถ้ำมอง ชอบแอบดูคนสวีทกันงี้? ก็แค่เผลอหรอก ถ้าไม่เผลอก็คงไม่มอง พิมพ์อัปสรทำทีเป็นมองนกชมไม้ มองไปเรื่อยตั้งแต่ต้นไม้ริมเสาไปจนถึงต้นไม้ข้างกำแพงรั้วไล่ไปจนถึงต้นไม้ที่ข้างป้อมยามที่เห็นเพียงริบหรี่ ถึงอย่างนั้นก็ยังมิวายได้ยินเสียงหวานพูดกับคนในรถ "ขอบคุณปาลมากนะคะที่มาส่ง" “...” คนบังเอิญได้ยินกระพริบตาปริบๆ ก็ไม่ได้อยากฟัง แต่สายลมมันพัดมาให้ได้ยินไง โทษเธอไม่ได้นะ ถ้าจะโทษก็โทษสายลมโน้น...ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย “ขับรถดีๆ นะคะ” เสียงผู้หญิงคนเดิมดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้พิมพ์อัปสรได้ช่องหันสายตากลับมาโฟกัสแค่ถนนตรงหน้าตามเดิม ประจวบเหมาะกับพี่แกร็บของเธอมาถึงพอดี ซึ่งเธอก็ไม่รีรอที่จะพุ่งตัวไปที่รถเปิดประตูเข้านั่งด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจตามสไตล์คนสวยที่มั่นใจในตัวเอง ไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยกับเพื่อนทั้งสองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็มันไม่มีอะไรจริงๆ นี่นา ก็แค่เผลอมองคู่รักเขาร่ำลากัน แค่นั้นเอง...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD