ต้องปรนนิบัติข้าก่อน

1226 Words
เจินเหยาที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็แทบจะล้มไปกองกับพื้น นางส่งเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เมื่อเท้าของนางเหยียบเข้ากับขาโต๊ะที่หักกระจายอยู่ทั่วพื้น “โอ๊ยยย” นางสะบัดมือที่จับนางไว้ออก ก่อนจะก้มลงไปจับที่เท้า “หึ เพียงเท่านี้ก็ทนไม่ได้แล้วหรือ” เจินเหยาตัวแข็งทื่อ เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย นางเงยหน้ามองเขาอย่างไม่อยากเชื่อว่านางจะถูกพาตัวมาให้พบเขา กลิ่นสุราที่ออกมาจากตัวของฝูเหิง ทำให้นางสั่นสะท้านอย่างหวาดกลัว ตอนที่ไม่ดื่มสุรานางก็รับโทสะของเขาไม่ไหวแล้ว แล้วนี่เขาดื่มสุราเข้าไปไม่รู้ว่านางจะเจอเรื่องร้ายเช่นไร เจินเหยาปรับอารมณ์ให้กลับมาเยือกเย็นเช่นเดิม นางข่มความเจ็บไว้ เพื่อไม่เผยให้เขารู้ ก่อนจะลุกขึ้นมองไปที่ฝูเหิง “ท่านต้องการพบข้าด้วยเรื่องอันใด” ฝูเหิงเพียงเห็นท่าทางที่สงบนิ่งของนาง เขาก็อยากจะตะโกนใส่หน้านาง เพื่อให้นางเผยความกลัวที่มีต่อเขาออกมาเสียบ้าง ฝูเหิงเอื้อมมือไปดึงผ้าปิดหน้าของเจินเหยานางออกอย่างหยาบคาย “ข้าไม่นึกว่าจะได้เห็นคุณหนูหวังบุตรสาวอดีตท่านราชครูตกอับเช่นนี้” เจินเหยาเม้มปากแน่น นางโกรธที่เขาดึงผ้าปิดหน้าของนาง แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรเขาได้ “หวังว่าท่านคงพอใจ หากไม่มีเรื่องใดข้าขอตัว” เจินเหยาหันหลังเพื่อจะรีบหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แต่ความเร็วของนางจะสู้ฝูเหิงได้อย่างไร เขาดึงแขนของนางไว้แน่น แล้วออกแรงบีบเหมือนอยากจะให้แหลกคามือ เจินเหยานางไม่ร้องออกมาสักคำ แต่ความเจ็บปวดที่ได้รับก็ทำให้เหงื่อเริ่มจะซึมออกมาตามหน้าผาก “จะรีบไปที่ใด ข้าให้เจ้าไปแล้วหรือ” ฝูเหิงกัดฟันแน่น เอ่ยถามนางอย่างมีโทสะ ข้อมือของนางเล็กยิ่งนัก ทั้งยังนุ่มนิ่มไม่ต่างไปจากเมื่อตอนเป็นเด็ก ฝูเหิงก้มลงมองใบหน้าเล็กที่สูงเพียงหน้าอกของเขาเท่านั้นอย่างปวดใจ หากเจินเหยานางเงยหน้าขึ้นมามองจะรู้ว่าเขามองนางเช่นไร “เจ้าจะกลับไปย่อมได้ แต่เจ้าต้องปรนนิบัติข้าก่อน” เจินเหยาเงยหน้ามองเขาอย่างไม่อยากเชื่อหูตนเอง ที่เขากล้าคิดจะให้นางทำเรื่องน่าอายเช่นนี้ “ท่านเรียกหาผู้อื่นเถิด เรื่องนี้ข้าทำไม่ได้” นางเอ่ยตอบอย่างใจเย็น แววตาที่นางใช้มองเขาตอนนี้ว่างเปล่าไร้ความรู้สึก “เช่นนั้นก็ไม่ต้องกลับ อยู่เป็นนางบำเรอให้เหล่าทหารในค่ายข้าก็แล้วกัน” เพียะ เสียงฝ่ามือคู่งามของเจินเหยาฟาดลงบนหน้าของฝูเหิงเต็มแรง นางตัวสั่นไปด้วยความโกรธ เมื่อถูกเขาดูหมิ่นเช่นนี้ “ครั้งนี้ท่านทำเกินไปแล้วฝูเหิง หากโกรธแค้นตระกูลข้านัก ท่านก็ฆ่าข้าเสียเถิด” เจินเหยาดึงกระบี่ของฝูเหิงออกมาจากด้าม พร้อมถึงจับมือเขานำมาพาดที่คอระหงของนาง ฝูเหิงอดจะตื่นตระหนกไม่ได้ เมื่อเห็นนางใจกล้าเช่นนี้ “ท่านกล้าหรือไม่เล่า” นางเอ่ยถามเขาอย่างท้าทาย “เจ้าอย่าได้ทำให้ข้าหมดความอดทน” ฝูเหิงดึงรั้งมือของตนไว้ เพื่อไม่ให้เจินเหยานางดึงมือเข้าไปใกล้คอของนางได้ แรงของเจินเหยาสู้แรงของฝูเหิงไม่ได้ ไม่นานกระบี่ก็ถูกเข้าแย่งกลับเข้าไปเก็บไว้ที่เดิม ทั้งสองต่างนิ่งเงียบไม่พูดสิ่งใดต่อ เจินเหยาประคองตัวต่อไม่ไหว นางจึงทรุดนั่งลงที่เก้าอี้อย่างหมดแรง เท้าของนางเริ่มเปียกชื้น เพราะเลือดเริ่มจะซึมออกมามากกว่าเดิม เพราะนางเหยียบขาโต๊ะในตอนแรก “ข้ากลับได้หรือยัง” เจินเหยาเอ่ยถามเสียงเบา นางเงยหน้ามองเขาอย่างขอความเห็นใจ ฝูเหิงหันหน้าหนีไม่กล้าสบตาที่น่าสงสารของนาง เพราะเขากลัวว่าจะอ่อนยอมให้นางเช่นเดิม “เจ้ากลับไปเถิด” เขาเงียบไปนาน ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเบา เจินเหยาลุกขึ้นยืน แต่เพราะนางลุกเร็วเกินไป หรือขาของนางไร้ความรู้สึกเสียแล้ว นางจึงเกือบจะล้มไปกองกับพื้น ยังดีที่ฝูเหิงหันมารับนางไว้ได้ทัน เขามองขาที่สั่นของนางอย่างสงสัยก่อนจะเอื้อมมือไปถอดรองเท้าของนางออกเพื่อดู แต่เจินเหยานางดึงเท้าหลบไม่ยอมให้เขาถอดได้ “อยู่นิ่งๆ” เขาเอ่ยเสียงเหยียบเย็นอย่างไม่พอใจ ฝูเหิงถอดรองเท้าของเจินเหยาออก ก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะรอยเลือดที่ซึมออกมาเป็นดวงใหญ่ปรากฏขึ้นที่ถุงเท้าของนาง เจินเหยาดึงเท้ากลับ เพราะไม่อยากให้เขาถอดถุงเท้าของนางในตอนนี้ แต่ฝูเหิงกับยึดขอเท้านางไว้แน่น เขารีบดึงถุงเท้าออกอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นเท้าเรียวเล็กบวมแดงทั้งยังมีเลือดไหลซึมออกมา ตุ่มน้ำที่เกิดขึ้นมาใหม่ช่างทำให้คนพบเห็นปวดใจยิ่งนัก เขาอยากทรมานนางให้สมกับความเจ็บปวดที่ถูกตระกูลของท่านตานางทำให้เขาต้องสูญเสียมารดา แต่เพียงแค่เห็นนางบาดเจ็บ แม้เพียงเล็กน้อยจิตใจของเขาก็ไม่อาจทนได้เสียแล้ว “อยู่นิ่งๆ” ฝูเหิงเอ่ยพูดเสียงสั่น เมื่อเขาเบาที่ฝ่าเท้าเจินเหยาเบาๆ แล้วเองจะดึงเท้าหนี “ปล่อยได้แล้ว” เจินเหยาอยากจะดึงเท้าหนี นางไม่ได้ล้างเท้ามาสองวันแล้ว เขายังจะจับเท้านางอยู่ได้ ฝูเหิงปล่อยเท้านางลง ก่อนจะเดินไปสั่งทหารที่เฝ้าหน้ากระโจมให้ไปเตรียมน้ำร้อนพร้อมนำยามาให้เขา “เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้” เขาลืมเรื่องที่โกรธแค้นนางมาทั้งหมด แล้วเอ่ยถามออกมาอย่างปวดใจ “ข้าไม่เป็นไรเสียหน่อย” เจินเหยาจะใส่ถุงเท้ากลับเข้าไป แต่ถูกฝูเหิงดึงถุงเท้าจากมือของนางแล้วโยนทิ้งไป ฝูเหิงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าของเจินเหยา เขายกฝ่าเท้าของนางขึ้นมาวางบนขาของเขา พร้อมกับลูบเบาๆ เพื่อหวังว่านางจะคลายจากความเจ็บปวดลงได้ เขาไม่รู้ว่าคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีเช่นนาง เพียงแค่เดินทางจากหานเป่ยมาแค่นอกเมืองจะบาดเจ็บเช่นนี้ได้ “เจ้าไม่ได้นั่งรถม้ามาหรอกหรือ” เขาเอ่ยถามเสียงสั่น “ทหารแคว้นเว่ยเผาทุกสิ่งจนวอดวาย จะเหลือสิ่งใดได้” เจินเหยาถอนหายใจออกมา เมื่อนึกถึงสภาพเมืองที่เละไม่มีชิ้นดี ไม่รู้ว่านานเพียงใดถึงจะฟื้นฟูกลับมาได้เหมือนเดิม ไม่รู้ว่าต่อจากนี้ ครอบครัวของนางจะเดินทางกลับเมืองหลวงหรือต้องซ่อมแซมจวนในเมืองหานเป่ย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD