bc

โซ่สวาทร้อนรัก

book_age18+
15.2K
FOLLOW
122.5K
READ
billionaire
bxg
mystery
brilliant
office/work place
like
intro-logo
Blurb

คาเรน เซนโดริก อายุ 32 ปี

หนุ่มลูกครึ่งอเมริกา-อาหรับ ที่มีบุคลิกสุขุมเยือกเย็น เจ้าเล่ห์แสนกล และยังเป็นCEO บริษัทไอทีอินเตอร์เนชั่นกรุ๊ปชื่อดังในอเมริกาที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก ในแต่ละวันจะมีสาวๆมาคอยปนเปรอสวาทให้เขาในทุกค่ำคืน และในที่สุดเขาก็จัดการเหยื่อสาวผิดคน เพราะคิดว่าเธอคือคนที่ลูกน้องหามา จึงใช้เงินปิดปากเธอให้จบเรื่อง แต่ใครจะคิดว่าเขาต้องมาเจอกับเธออีกครั้ง

ทับทิม รินลดา ชลวัตร อายุ 25 ปี

สาวแว่นช่างเพ้อ ที่มีความสามารถรอบด้าน พ่วงด้วยวาจาอันจัดจ้านไม่ยอมใคร จนถูกคัดเลือกให้ไปดูงานที่ดูไบ ต้องมาเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นสาวสวยสุดมั่นสำหรับงานครั้งนี้ แต่พอไปถึงเธอกลับถูกซาตาน พรากพรหมจรรย์ไปตั้งแต่วันแรกที่ไปถึง และซาตานคนนั้นก็ดันเป็นเจ้าของบริษัทที่เธอทำงานอยู่ แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไปเมื่อต้องเจอกับเขาอีกครั้ง

chap-preview
Free preview
ตอนที่ 1
ณ เมืองลอสแอนเจลิส (L.A.) รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ในย่านใจกลางเมืองมีตึกไอทีที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอันอับต้นๆในแถบยุโรปอยู่ นั่นก็คือบริษัท ไอทีอินเตอร์เนชั่นกรุ๊ป ที่มีผู้บริหารสุดหล่ออย่าง คาเรน เซนโดริก เป็นผู้สืบทอดบริษัทนี้ต่อจากบิดาและมารดาที่เสียชีวิตไป ตั้งแต่เขาอายุยี่สิบสองปี จนเขาสามารถนำพาบริษัทให้ก้าวหน้าจนมีสาขาในประเทศต่างๆกว่าสิบประเทศ จนตอนนี้เขาก็อายุสามสิบสองปีแล้ว เขากลายเป็นนักธุรกิจที่ทรงอำนาจในแวดวงธุรกิจ และที่หลายคนยังไม่รู้ก็คงจะเป็นเรื่องที่เขาเป็นหลานชายคนโตของท่านลาฮิม ซามัสเซล มหาเศรษฐีในนครดูไบ ที่รวยติดอันต้นๆของโลก เพราะทำธุรกิจเกี่ยวกับบ่อน้ำมัน และผลิตรถซุปเปอร์คาร์ยี่ห้อดัง รวมไปถึงธุรกิจต่างๆในนครดูไบและอาบูดาบี แต่เพราะพ่อของเขาตัดสินใจแต่งงานกับแม่ของเขาซึ่งเป็นชาวต่างชาติ จึงถูกตัดจากการเป็นทายาทของตระกูล ซามัสเซล แต่เขาก็มีบริษัทด้านไอทีของแม่ให้ดูแล โดยมีท่านลาฮิมคอยให้ความช่วยเหลืออยู่ห่างๆ ตั้งแต่ที่พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตไป “นายครับ ท่านลาฮิมต้องการคุยกับนายด่วนครับ” บาคัส ลูกน้องหนุ่มในวัยสามสิบปีเอ่ยบอกเจ้านายของตัวเอง พร้อมกับส่งโทรศัพท์มือถือให้ “อืม” คาเรนรับโทรศัพท์ถือมาก็ถอนหายใจ ก่อนจะเอามาแนบที่ข้างหูซ้าย “สวัสดีครับคุณปู่” คาเรนพูดออกไปด้วยเสียงเรียบ ก่อนจะพิงเก้าอี้ไปด้านหลังอย่างผ่อนคลาย “ได้ข่าวว่าหลานจะจัดงานรวมตัวงั้นเหรอคาเรน” ลาฮิมเอ่ยถามหลานชายคนโตออกไป เพราะเขาพึ่งได้รู้ข่าวจากคามีลหลานชายคนรอง “คามีลมันบอกอีกแล้วล่ะสิครับ ไอ้นี่มันปากไม่ดีจริงๆ” ราเคนเอ่ยต่อว่าคามีล ลูกพี่ลูกน้องของตัวเองที่ตอนนี้เป็นทายาทของตระกูลซามัสเซล ส่วนเขาใช้นามสกุลของแม่มาตั้งแต่แรก จึงขอใช้ต่อไปเพื่อจะได้มีคนสืบสกุลทางฝั่งมารดา “ลองคามีลมันไม่บอกปู่สิ ปู่จะโกธรทั้งคู่เลย” ลาฮิมเอ่ยบอกหลานชายที่เขารักออกไป เขาพยายามดูแลคาเรนให้เหมือนคามีล ถึงแม้ว่าเขาจะเอ่ยบอกว่าคามีลคือทายาทคนเดียว แต่นั่นมันก่อนที่ลูกชายของเขาจะเสียชีวิตไป ตั้งแต่นั้นเขาก็รู้ว่าสมบัติที่เขามี มันไม่เท่ากับความสุขที่เขาได้มีร่วมกับลูกหลานของตัวเอง เขาจึงอยากจะคาเรนให้กลับมาเป็นทายาทอีกคน แทนพ่อของคาเรนที่เสียไป แต่มันก็สายเกินไป เมื่อคาเรนก็ไม่ยอมรับอะไรจากเขาทั้งสิ้น แถมยังบอกจะดูแลบริษัทเอง แต่ด้วยความที่ตอนนั้นคาเรนยังเด็ก เขาจึงช่วยประคับประคองบริษัทของลูกสะใภ้ที่เขาไม่ชอบไว้ เพราะต้องการให้หลานชายได้รักษาบริษัทที่พ่อแม่ของเขารักเอาไว้ โดยการซื้อหุ้นของบริษัทจากนักลงทุนคนอื่นๆมาทั้งหมด เพราะเขาอยากจะให้บริษัทนี้เป็นของคาเรนทั้งหมด แต่คาเรนไม่ยอมจนพยายามพัฒนาบริษัท และในที่สุดคาเรนสามารถซื้อหุ่นจากปู่แบบเขาคืนไปได้เกือบทั้งหมด เหลือเพียงแค่15 %เท่านั้นที่เขาขอคาเรนเก็บไว้ “ปู่มีอะไรกับผมรึเปล่า” คาเรนเอ่ยถามไปตรงๆ เพราะปู่ของเขาคงไม่มีทางโทรมา เพื่อพูดเรื่องแค่นี้กับเขาแน่นอน “ปู่อยากให้เรามาจัดงามที่ดูไบ ปู่อยากจะให้คนอื่นรู้ว่าปู่ก็มีหลายอีกคน”ลาฮิมเอ่ยพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเศร้า เพราะเขาขอร้องคาเรนมาหลายครั้ง แต่คาเรนก็ไม่ยอม ขนาดให้คามีลกับเคียร่าหลานสาวอีกคนไปพูดโน้มน้าวใจ แต่หลานชายคนนี้ก็ใจแข็งเหลือเกิน “ผมไปจัดงานที่นั่นได้ แต่ผมไม่อยากเปิดตัวอะไรทั้งนั้นครับปู่ แค่ปู่รักแล้วดูแลผมแบบนี้ ผมก็ว่ามันเกินไปแล้วด้วยซ้ำ” คาเรนเอ่ยบอกไปตามตรง เพราะเขาไม่อยากจะให้ความหวังของปู่ตัวเอง เขารู้ว่าปู่ของเขาพยายามไถ่โทษกับเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา แต่ภาพที่ปู่เกลียดชังแม่ของเขา มันยังคงวนอยู่ในหัวของเขาตลอดเวลา “คาเรน แกก็รู้ว่าสำหรับแก ปู่ทำได้ทุกอย่าง” ลาฮิมพูดไปอย่างท้อๆ เมื่อคาเรนดูเหมือนจะไม่สนใจเขา “เอาเป็นว่าผมจะจัดงานที่ดูไบก็แล้วกันครับ แต่อย่างอื่นค่อยว่ากัน” คาเรนเอ่ยบอกไป เพราะเขาก็ไม่อยากให้ปู่ของเขาเสียใจ แต่เขาก็ทำได้เพียงเท่านี้ “แค่นี้ปู่ก็ดีใจแล้ว ปู่จะรอแกนะคาเรน” ลาฮิมเอ่ยพูดบอกไปก็กดวางสายไป ส่วนคาเรนก็ได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยบอกลูกน้องที่อยู่ข้างๆ “บาคัส เปลี่ยนไปจัดงานที่ดูไบ แล้วติดต่อคามีลให้จัดการเรื่องที่พักให้คนของเราด้วย” คาเรนเอ่ยบอกออกไป เพราเขาต้องจัดงานประชุมงบรายได้และหลายๆอย่าง ร่วมกับษริษัทลูกกว่า 10 สาขาทั่วโลก “กี่ท่านครับนาย” บาคัสถามออกไป เพราะแต่ละสาขาจะต้องมีคนมามากกว่าห้าคน “เพิ่มจากห้าคน เป็นหกคนก็แล้วกัน ให้มีคนพูดภาษาอาหรับได้ยิ่งดี เพราะปู่ฉันคงจะต้องมายุ่งด้วยแน่” คาเรนเอ่ยบอกไป เพราะอย่างน้อยปู่เขาก็ขึ้นชื่อว่าเคยเป็นประธานใหญ่ของบริษัทนี้มาก่อน “ครับนาย งั้นผมจะแบ่งงานเป็นสองอาทิตย์นะครับ จะได้รวบเวลาด้วย” บาคัสเอ่ยบอกไปแล้วจดจำรายระเอียดต่างๆลงในโทรศัพท์ “อืม แค่นี้ก็พอ ส่วนเย็นนี้นายไปเรียกฮาน่ามาหาฉันด้วย” คาเรนเอ่ยบอกไปก็ปัดมือไล่ให้บาคัสออกไป ก่อนจะมองที่หน้าต่างอย่างใช้ความคิด อีกด้านหนึ่งของโลก ณ ประเทศไทย รินลดา ชลวัตร หรือทับทิม สาวน้อยหน้าหวานใส่แว่นหนาเตอะที่ใครๆก็เรียกว่าป้า กำลังเดินเข้าไปในบริษัทใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในย่านเศรษฐกิจด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน เพราะเธอนอนหลับก็ตีหนึ่งตีสองทุกวัน พอตื่นมาก็ต้องมาทำงานเวลา 8โมงกว่า โชคดีที่คอนโดของเธออยู่ใกล้ๆกับที่ทำงาน เธอจึงไปสายกว่าคนอื่นๆได้ เพราะยังไงเธอก็ไปทัน 8โมงครึ่งอยู่ดี พอมาถึงบริษัทเธอก็ยิ้มทักทายทุกคน จนมาถึงแผนกของตัวเอง “ยัยทับทิมมาสักทีนะแก แกรู้ไหมวันนี้คุณศิวะเขาจะมาคัดเลือกให้พวกแก ร่วมเดินทางไปดูงานที่ดูไบด้วยแหละ แกต้องไปให้ได้นะ ฉันจะได้มีเพื่อนไปด้วยงานนี้ฟรีตลอดทริปนะยะ” ไอรินที่มารอเพื่อนสาวก็เอ่ยกระซิบบอกออกไปเบาๆอย่างดี้ด้า ที่เธอจะได้ไปดูงานที่ดูไบร่วมกับบริษัทอีกหลายสาขาทั่วโลกของบริษัทไอทีอินเตอร์เนชั่นกรุ๊ปที่พวกเธอทำงานอยู่ เพราะปีนี้ลงทุนจัดงานที่นครดูไบประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เลยทีเดียว “จริงเหรอแก แล้วฉันจะไปได้ยังไงเล่า แกอย่าลืมสิว่ายัยชมพู่นางฟาดเรียบไปทุกงาน แล้วฉันคงจะได้ไปกับแกหรอก” รินลดาเอ่ยบอกแล้ว มองไปที่สาวสวยประจำแผนกที่เคยแย่งแฟนของเธอไป “โอ้ยทับทิม งานนี้แกได้ชัวร์เพราะเขาจะเอาภาษาอาหรับย่ะ ยัยนั่นไม่ได้แน่ ฉันไปก่อนล่ะแกก็เตรียมตัวไว้ล่ะ เดี๋ยวจะได้เข้าห้องประชุมแล้ว” ไอรินเอ่ยบอกเพื่อนสาว แล้วรีบเดินกลับไปทำงานของตัวเองทันที ยังไงงานนี้เพื่อนของเธอไม่พลาดแน่นอน “เฮ้อ ขอให้ได้ทีเถอะ สาธุ” รินลดาเอ่ยบอกพร้อมกับยกมือไหว้ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง “มาสายตลอดแบบนี้ ระวังสักวันจะโดนไล่ออกนะจ้ะทับทิม” ชมพูนุชที่เห็นรินลดามานั่งที่โต๊ะก็เอ่ยแขวะทันที เพราะเธอและรินลดาไม่ถูกกันตั้งแต่เรื่องที่เธอไปแย่งแฟนของรินลดาเมื่อสองปีก่อน นั่นก็คือกวินทร์หนุ่มหล่อแผนกพัฒนาไอทีที่เธอกำลังคบหาอยู่ตอนนี้ “ถ้าฉันจะโดนไล่ ฉันก็คงโดนไปนานแล้วล่ะชมพู่ ฉันว่าเธอสนใจแต่เรื่องของเธอดีกว่าไหม ระวังสักวันกรรมจะตามสนอง” รินลดาเอยพูดแล้วจัดเอกสารบนโต๊ะทำงานโดยไม่ใส่ใจชมพูนุช ที่เอาแต่จิกกัดกับเธอทุกวัน “อ้าววินทร์ขา มาทำอะไรที่นี่คะเนี่ยไม่เห็นจะบอกชมพู่เลย” ชมพูนุชเห็นแฟนหนุ่มเดินมาพร้อมกับเอกสาร จึงรีบเอ่ยทักแล้วเดินเข้าไปกอดแขนอย่างเป็นเจ้าของ “มาประชุมครับ ผมพึ่งรู้เมื่อกี้เองอเดี๋ยวคุณศิวะก็คงตามอีกคน เราไปรอในห้องประชุมกันดีกว่านะชมพู่” กวินทร์เอ่ยบอกแฟนสาวสุดสวยออกไป ก่อนจะมองที่รินลดาด้วยสายตารู้สึกผิดที่เขานอกใจเธอมาคบกับชมพูนุช “ค่ะ อยู่แถวนี้ชมพู่ก็เบื่อเหมือนกันเราไปรอข้างในกันก็ดีค่ะ” ชมพูนุชเอ่ยบอกก็เดินกอดแขนของกวินทร์เข้าไปในห้องประชุม ส่วนรินลดาก็ได้แต่มองอย่างสมเพช คนหนึ่งก็เลวคนหนึ่งก็ชั่วก็สมกันดี เธอยอมรับว่าเสียใจที่กวินทร์นอกใจเธอไปคบกับชมพูนุช แต่พอได้ฟังเหตุผลที่เขาบอกมา มันก็ทำให้เธอไม่เสียใจที่เลิกกับผู้ชายคนนี้เลยสักนิด เพราะเหตุผลที่เธอเลิกกับกวินทร์ก็เพราะเธอเป็นแค่ยัยแว่นเฉิ่มๆไม่สวยเท่าชมพูนุช และเธอก็ไม่ยอมนอนกับเขา เหตุผลแค่นี้แหละที่เขาเลิกกับเธอ เธอจึงไม่เสียใจที่เขาบอกเลิกเขาไป แต่กลับดีใจด้วยซ้ำที่ชมพูนุชเอากวินทร์ออกไปจากชีวิตของเธอ “อ่าวทับทิม ยังไม่เข้าห้องประชุมอีกเหรอ ยืนเหม่อคิดอะไรอยู่” เมษาหัวหน้าแผนกเอ่ยขึ้นด้านหลัง เมื่อเห็นลูกน้องสาวยังยืนอยู่ด้านหน้าห้อง “เปล่าค่ะ ทับทิมกำลังจะเข้าไปพอดีเลยค่ะพี่เม” รินลดาเอ่ยบอกเมษาด้วยรอยยิ้มเก้ๆกังๆ แล้วเดินเข้าไปด้านในห้องประชุม โดยมีเมษาตามเข้าไปด้วย จากนั้นทุกคนก็รอให้ศิวะมาเพื่อชี้แจงรายละเอียดต่างๆของงานอยู่เงียบๆ จนศิวะเดินเข้ามาพร้อมกับไอรินเลขาส่วนตัว ที่พ่วงด้วยตำแหน่งคู่หมั้นของศิวะ “เรามาเข้าเรื่องกันเลยนะครับ ที่ผมนัดพวกคุณมาประชุมก็เพราะผมจะให้แผนกของพวกคุณเป็นตัวแทนของบริษัทเรา ไปดูงานร่วมกับสาขาอื่นๆของบริษัทที่นครดูไบ งานนี้ผมต้องการให้คุณเมษา คุณชมพู่ และก็คุณกวินทร์ไปเป็นตัวแทนของบริษัท โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น” ศิวะเอ่ยบอกออกไปจนแต่ละคนที่มีชื่อได้แต่ยิ้มหน้าบาน ส่วนทับทิมพอไม่มีชื่อของตัวเองก็ได้แต่ทำหน้าเซ็ง เธอก็ไม่เคยเป็นคนที่ถูกเลือกตลอด “แล้วงานครั้งนี้เราต้องไปทำอะไรบ้างคะคุณศิวะ” เมษาเอ่ยถามออกไป เพราะอยากจะทราบรายละเอียด แต่ในใจอยากจะให้รินลดาไปมากกว่าชมพูนุช เพราะเธอชอบเด็กที่มีอัธยาศัยดีแบบรินลดามากกว่า “งานนี้เราแค่ไปร่วมแสดงความยินดีกับผู้บริหารของบริษัท และร่วมงานเลี้ยงของบริษัทที่จะจัดเป็นเวลาสองอาทิตย์ เรียกง่ายๆก็คือพากันไปเที่ยวนั่นแหละ แต่ตอนพูดคุยกับท่านประธานคนเก่าเราต้องใช้ภาษาอาหรับเท่านั้น เพราะท่านจะดูความสามารถคนของเรา ผมก็เลยจะให้รินลดาไปด้วยอีกคน” ศิวะเอ่ยบอกกับทุกคนออกไป ก็หันไปหาทับทิมที่นั่งก้มหน้าฟังอยู่ ก่อนที่เธอจะเงยหน้ามองเขาอย่างอึ้งๆ “ทับทิมได้ไปด้วยเหรอคะ” รินลดาเอ่ยถามแบบงงๆที่อยู่ๆศิวะก็บอกว่าเธอก็ได้ร่วมทริปนี้ไปด้วย “ใช่ เพราะภาษาอาหรับของคุณอยู่ในระดับที่ดี ผมเลยอยากจะให้คุณไปเป็นล่ามในครั้งนี้ แต่คุณต้องปรับเปลี่ยนบุคลิกภาพให้เหมาะสมกับงานครั้งนี้” ศิวะเอ่ยบอกออกไป เพราะหากเขาจะพารินลดาไปจริงๆ รินลดาจะต้องเปลี่ยนบุคลิกใหม่ให้เหมาะสมมากกว่านี้ “เปลี่ยนบุคลิกภาพ” รินลดาทวนคำแล้วกลืนน้ำลายลงในลำคอทันที เพราะเธอชอบการแต่งตัวแบบนี้มากกว่า มันทำให้เธอสบายใจมากกว่าต้องมานั่งแต่งหน้าแต่งตัวไปวันๆ “ใช่ เรื่องนี้ผมจะให้คุณไอรินเป็นคนจัดการ คุณแค่มีหน้าที่ทำตามเท่านั้น อ่อ ลืมบอกไป ไม่ใช่แค่รินลดาคนเดียวเท่านั้น แต่เป็นทุกคนที่จะร่วมไปในครั้งนี้ทุกคน” ศิวะเอ่ยบอกออกไป “ทุกคนเลยเหรอคะคุณศิวะ” ชมพูนุชเอ่ยถาม เพราะทุกคนไม่ได้เชยเฉิ่มแบบรินลดา ทำไมต้องเปลี่ยนแปลงบุคลิกด้วย “ใช่ เพราะเราไปที่ดูไบ บ้านเมืองและวัฒนธรรมของเขาต่างจากเรามาก แล้วท่านประธานใหญ่ก็เป็นคนอาหรับและเขาก็เป็นคนที่เคร่งในวัฒนธรรมของเขามาก เราจะไปทำเสียชื่อเสียงไม่ได้ เพราะฉะนั้นทุกคนต้องทำ” ศิวะเอ่ยบอกออกไป เพราะหากเกิดปัญหาเขาอาจจะถูกเด้งจากการเป็นผู้บริหารสาขาที่ประเทศไทยก็ได้ สู้เขาลงทุนทำแบบนี้จะเป็นการดีกว่า “แล้วเราจะไปเมื่อไหร่คะคุณศิวะ” เมษาเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ “อีกสามอาทิตย์หลังจากนี้ ผมหวังว่าทุกคนจะเตรียมตัวทันนะครับ โดยเฉพาะคุณรินลดา” ศิวะเอ่ยบอกแล้วย้ำไปที่รินลดา เพราะรินลดาเป็นคนเดียวที่มีบุคลิกที่ต้องจัดการหนักกว่าทุกคน “ค่ะ คุณศิวะ” รินลดาเอ่ยตอบก็มองไปที่เพื่อนสาวด้วยสายตาละห้อย จนไอรินที่มองตอบต้องส่ายหัวใส่กลับมา “งั้นเดี๋ยวรายละเอียด เชิญคุณไอรินบอกกับทุกคนให้ผมที” ศิวะเอ่ยบอกให้ไอรินที่เป็นทั้งเลขาและคู่หมั้นของเขาเป็นคนจัดการบอกรายละเอียดต่างๆ “ค่ะ จากที่คุณศิวะบอกไปนะคะ เราจะเริ่มเรียนคอร์สเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพให้ถูกตามวัฒนธรรมของชาวอาหรับกันในวันพรุ่งนี้นะคะ ส่วนคุณรินลดาจะต้องเรียนแยกกับทุกคนนะคะ เพราะคุณรินลดาจะต้องเปลี่ยนแปลงเยอะกว่าทุกคน เพราะว่าคุณต้องเจอกับท่านประธานโดยเฉพาะ คุณจึงต้องหนักกว่าคนอื่นๆ แต่การแต่งกายคุณต้องไปจัดการเองนะคะ” ไอรินเอ่ยบอกเพื่อนสาวด้วยคำพูดอย่างเป็นทางการ เนื่องจากเธอต้องรักษากริยามารยาทให้เหมาะสมในที่ทำงาน “ค่ะ ทับทิมจะพยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ” รินลดาเอ่ยบอกออกไปด้วยเสียงเบา “ค่ะ ส่วนเรื่องเดินทาง เราจะเดินทางไปทั้งหมดหกคนนะคะ โดยทางบริษัทจะจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้รวมถึงค่ากินค่าที่พักให้ โดยมีเบี้ยเลี้ยงต่อวันให้ท่านละสองหมื่นบาทไทย ทั้งหมดก็มีแค่นี้ค่ะ ไม่ทราบว่ามีใครจะถามอะไรอีกไหมคะ” ไอรินเอ่ยถามออกไป แล้วมองที่ทุกคน “พวกผมต้องฝึกกี่วันครับ” กวินทร์เอ่ยถามออกไป “สามวันค่ะ ทุกคนจะเข้าคอร์สกันแค่สามวันเท่านั้นค่ะ อ่อลืมบอกไป หลังจากนี้ให้คุณรินลดาพักงานเพื่อเตรียมตัวจนถึงวันเดินทางนะคะ ส่วนคนอื่นๆจะได้หยุดสามวันก่อนเดินทางเพื่อเตรียมตัวค่ะ” ไอรินแจ้งบอกออกไป จนทุกคนทำหน้ายิ้มดีใจ มีก็แต่ชมพูนุชที่แอบอิจฉารินลดาในใจที่ได้หยุดนานกว่าคนอื่น แต่กับรินลดากลับเป็นงานหนัก เพราะไม่รู้จะต้องปรับปรุงหรือเปลี่ยนตัวเองยังไงบ้าง “งั้นก็จบการประชุมแค่นี้ก็พอ หากมีอะไรผมจะเรียกประชุมอีกครั้ง เลิกประชุมครับ” ศิวะเอ่ยบอกกับทุกคน เมื่อแจ้งข่าวกับทุกคนครบทุกอย่างแล้ว จากนั้นทุกคนก็ทยอยออกไปจนถึงรินลดาคนสุดท้าย

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

พลาดรักนายคาสโนว่า

read
22.9K
bc

ยั่วรัก หม้ายสาวสายแซ่บ

read
22.3K
bc

บำเรอรักขัดดอก

read
2.6K
bc

Secret Love ซ่อนรักคุณหมอมาเฟีย

read
1.3K
bc

เมียแต่งที่คุณไม่เคยต้องการ

read
20.1K
bc

พี่สามีอย่ารังแกข้า

read
5.2K
bc

แอบเสียวจนได้ผัว (NC20+)

read
58.0K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook