หลังเลิกงานอารดาเดินไปยังลานจอดรถที่อัครพลส่งข้อความมาบอกว่าให้คนนำรถของเธอมาทิ้งไว้ให้เรียบร้อยแล้วเพราะวันนี้คเชนทร์ต้องขับรถให้เขาซึ่งไม่ได้กลับเข้ามาที่บริษัทอีก หญิงสาวเปิดประตูขึ้นไปบนรถญี่ปุ่นขนาดกะทัดรัดที่เหมาะสำหรับผู้หญิงซึ่งอัครพลซื้อให้ตั้งแต่เดือนแรกที่เธอย้ายเข้าไปอยู่กับเขา ในตอนแรกเขานำแคตตาล็อกรถยนต์สัญชาติยุโรปมาให้เธอเลือก แต่สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจปฏิเสธและเลือกรถยนต์คันนี้เพราะไม่อยากให้เป็นที่สงสัยของคนอื่นๆว่าผู้ช่วยเลขาแบบเธอทำไมถึงขับรถยนต์คันละหลายล้านได้ หญิงสาวเอนกายพิงเบาะพลางปล่อยใจล่องลอยไปถึงผู้ชายที่เป็นเจ้าของทั้งร่างกายและหัวใจ ป่านนี้เขาจะพาเพื่อนสาวคนสนิทไปอยู่ที่ไหน ทำอะไร คงจะสนุกสนานมีความสุขพูดคุยภาษาเดียวกัน อารดาสะบัดหน้าไปมาพลางบอกตัวเองไม่ให้ฟุ้งซ่าน
“อย่าบ้าน่าอาย ผู้หญิงคนนั้นเขาเป็นเพื่อนคุณใหญ่ตั้งแต่สมัยเรียนแค่เพื่อนเท่านั้น แค่เพื่อน” เมื่อทนความฟุ้งซ่านของตัวเองไม่ไหวอารดาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเพื่อนสนิทอย่างพาฝันเพื่อนัดไปเดินห้างคลายเครียด ขืนเธอกลับไปอยู่คอนโดคนเดียวอาจจะฟุ้งซ่านกว่านี้ก็เป็นได้ ไม่ต้องรอสายนานเพื่อนรักของเธอก็ส่งเสียงทักทายมาตามสาย
“ว่าไงจ๊ะนางซิน” พาฝันเอ่ยแซวเพื่อนสนิทที่มีชีวิตไม่ต่างจากซินเดอเรลล่าในนิทานที่มีเจ้าชายรูปงามมาตกหลุมรัก
“อายคงเป็นนางซินไม่ได้หรอกฝัน เพราะนางซินเขามีเจ้าชายมาหลงรักแต่สำหรับอายเขารักหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย” อารดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงอยๆ
“มีอะไรหรือเปล่าอาย” พาฝันจับน้ำเสียงของเพื่อนสนิทได้จึงรีบเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“ฝันว่างไหมออกมาหาอายหน่อยสิ ขอโทษนะที่รบกวนอายรู้ว่าฝันเพิ่งเลิกงานแต่ว่าอายไม่รู้จะโทรหาใครเพราะอายก็มีฝันคนเดียว”
“ได้สิ เดือนนี้ฝันเข้าเช้านี่เลิกงานตั้งแต่บ่ายสามแล้วเดี๋ยวฝันออกไปหา ที่ร้านเดิมใช่ไหม”
“อื้อ เดี๋ยวอายไปรอที่ร้านเดิมนะ”
“ได้จ้ะ แล้วเจอกัน” หลังวางสายจากเพื่อนสนิทอารดาก็เคลื่อนรถยนต์ออกจากลานจอดมุ่งหน้าสู่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองที่เธอมักไปเดินเล่นและช็อปปิ้งกับพาฝันเป็นประจำ
พาฝันนั่งมองเพื่อนสนิทที่เขี่ยอาหารในจานไปมา ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเรื่องที่ทำให้เพื่อนรักของเธอมีท่าทางหงอยเหงาอย่างนี้คือเรื่องอะไร
“ทะเลาะกับท่านประธานเหรอ” พาฝันถามออกไปตามตรง
“เปล่าหรอก”
“เปล่า แล้วทำไมทำท่าเป็นหมาหงอยอย่างนี้ล่ะ”
“อายไม่รู้จะพูดยังไง”
“ก็พูดสิ่งที่กำลังค้างคาอยู่ในใจอายตอนนี้ไง อะไรที่รบกวนจิตใจทำให้อายไม่มีความสุข เราเป็นเพื่อนกันมานานแค่ไหนแล้วอายมีอะไรก็บอกกันตามตรงได้เลยไม่ต้องปิดบัง”
“วันนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งสวยมากมาหาคุณใหญ่ เขาเป็นลูกสาวของหุ้นส่วนคนสำคัญของโรงแรม”
“แล้วไงต่อ”
“ท่าทางเขาสนิทกันมาก คุณใหญ่บอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียน แล้วเขาก็ควงแขนกันออกไปข้างนอกตั้งแต่เที่ยง คุณใหญ่บอกกับพี่สาว่าจะไม่เข้ามาที่โรงแรมอีกแล้วคุณใหญ่ก็ให้คุณคเชนทร์เอารถมาทิ้งไว้ให้อายที่ลานจอดรถให้อายขับกลับเอง”
“อายก็เลยน้อยใจและก็หึงด้วยว่างั้น” พาฝันเอ่ยถามตรงๆเพราะเธอมองอาการของเพื่อนรักได้ทะลุปรุโปร่ง อารดาก้มหน้าเงียบไม่ตอบคำถาม
“อย่าคิดมากเลยอาย เขาเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนย่อมสนิทสนมกันเป็นธรรมดา ถ้าจะพูดตามตรงเขาก็รู้จักกันมาก่อนที่จะรู้จักอายเสียอีกนะ”
“อายมันงี่เง่ามากเลยใช่ไหมฝันที่รู้สึกแบบนี้”
“ไม่หรอกอาย มันเป็นธรรมดาที่ผู้หญิงเราจะหวงแหนในตัวของคนรัก”
“อายไม่อยากเป็นผู้หญิงไม่มีเหตุผลที่หึงไร้สาระนะ แต่มันก็อดไม่ได้ จะว่าไปผู้หญิงคนนั้นเขาก็เหมาะสมกับคุณใหญ่มากกว่าอายทุกอย่างทั้ง ฐานะ ชาติตระกูล การศึกษา อายไม่มีอะไรเทียบเขาได้เลย”
“ไปกันใหญ่แล้วอาย เขาบอกแล้วไงว่าเป็นเพื่อนกัน ถ้าเขาจะเป็นแฟนกันเขาคงเป็นไปนานแล้วล่ะไม่รอจนกระทั่งคุณใหญ่ได้มาเจออายแบบนี้หรอก ตอนนี้อายต่างหากที่เป็นตัวจริงนอนอยู่ด้วยกันทุกคืน แถมท่านประธานยังหวงอายอย่างกับอะไรเคยปล่อยให้คลาดสายตาที่ไหน นี่เชื่อได้เลยเดี๋ยวถ้าอายกลับบ้านผิดเวลาก็ต้องโทรมาตามเหมือนทุกครั้งแน่ๆ” คำพูดของพาฝันทำให้อารดายิ้มออกเพราะมันเป็นจริงตามนั้นทุกประการ ทุกครั้งที่เธอมาเดินช็อปปิ้งกับพาฝันก็มักจะเพลินจนเกินเวลาแล้วอัครพลก็จะโทรตามเธอทุกครั้ง
“ยิ้มแบบนี้แสดงว่าหายฟุ้งซ่านแล้วสินะ ถ้าอย่างนั้นก็ทานข้าวกันเถอะฝันหิวแล้วล่ะ” เมื่อได้ระบายความไม่สบายใจให้เพื่อนสนิทฟังอารดาก็รู้สึกดีขึ้น แต่ความสบายใจของเธอก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อเหลือบไปเห็นที่ร้านอาหารญี่ปุ่นฝั่งตรงข้ามคือผู้ชายที่เธอรักกับผู้หญิงคนนั้นกำลังพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกกันอย่างมีความสุข
“มองอะไรเหรออาย” พาฝันเอ่ยถามก่อนจะมองตามสายตาเพื่อนสนิทไป ภาพที่เห็นทำให้เธออึ้งไปชั่ววินาทีก่อนจะรีบกลบเกลื่อนเพราะกลัวว่าจะทำให้อารดาคิดมากกว่าเดิม
“นั่นคุณใหญ่กับผู้หญิงคนนั้น” อารดากล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“อ้อ...บังเอิญจังเลยเนอะ มากินข้าวที่เดียวกันเลย” และภาพที่อัครพลใช้กระดาษทิชชู่เช็ดปากให้พลอยลดาก็ทำให้ทั้งอารดาและพาฝันอึ้งกิมกี่ไปตามๆกัน
“เพื่อนกันเขาต้องดูแลกันดีขนาดนี้เลยเหรอฝัน” อารดาเอ่ยถามเสียงแผ่วเบาพร้อมๆกับที่ภาพตรงหน้าพร่ามัวเพราะถูกหยาดน้ำตาบดบัง
“อาย” พาฝันเอ่ยเรียกเพื่อนสนิทอย่างเห็นใจแต่ไม่รู้จะปลอบอย่างไรดี เพราะภาพตรงหน้าหากใครมาเห็นก็คงคิดว่าคนทั้งสองเป็นคนรักกันอย่างแน่นอน และสถานการณ์ก็ยิ่งเลวร้ายไปกว่าเดิมเมื่อแว่วเสียงซุบซิบมาจากโต๊ะข้างๆ “เธอ...นั่นใช่คุณอัครพลไฮโซรูปหล่อเจ้าของ The Famous หรือเปล่า”
“ไหนๆ อุ๊ย...ใช่จริงๆด้วยมากับใครอ่ะสวยหยาดฟ้ามาดินเลยเนอะเธอ”
“จะใครก็คงจะแฟนเขานั่นแหละ น่าอิจฉาเนอะที่มีแฟนทั้งหล่อทั้งรวยแบบคุณอัครพล ชาติไหนฉันถึงจะได้แฟนแบบนี้บ้างนะ”
“คนเราแข่งอะไรก็แข่งกันได้แต่แข่งบุญแข่งวาสนานี่จนปัญญาจริงๆ” เสียงซุบซิบที่แว่วมาให้ได้ยินดูเหมือนจะช่วยตอกย้ำกับอารดาว่าเธอไม่ได้คิดไปเอง ถึงตอนนี้เธอหมดอารมณ์จะทานอาหารเสียแล้ว อารดาคว้ากระเป๋าเดินออกจากร้านอาหารไปทันทีทำให้พาฝันต้องรีบคิดเงินและเดินตามไปอย่างเป็นห่วง