หายนะที่แท้ทรู

1440 Words
“ปะ ไปกัน” เดย์มายืนรอเพื่อนสาวคนสวยแต่งตัว ก่อนจะไปเจอพ่อกับแม่ทั้งคู่ที่ร้านอาหารหรู เพราะส่วนมากครอบครัวของทั้งสองฝ่ายมักนัดทานข้าวเพื่อถามไถ่และพูดคุยกันเป็นประจำ ทำให้ไม่ได้คิดอะไรมากในการต้องไปเจอ ความสนิทสนมที่ทำให้ทั้งออยและเดย์เรียกครอบครัวอีกฝ่ายว่าพ่อและแม่จนถนัดปากตั้งแต่เด็ก ไม่ต่างจากครอบครัวเดียวกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร จนบางทีมีคนเข้าใจว่าเป็นพี่น้องกันแท้ๆ ด้วยซ้ำก็มี เดย์นั่งที่ประจำตำแหน่งคนขับ ใบหน้าหล่อขาวเนียน แต่งแต้มด้วยสีโทนน้ำตาลอย่างเป็นธรรมชาติ ตัดกับชุดสีน้ำตาลอ่อนๆ ทว่าเข้ากันอย่างลงตัว ใบหน้าของเดย์นั้นดูดีจนมีทั้งผู้ชายและผู้หญิงมองเหลียวหลังไม่แพ้กัน ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็โสดสนิทมาจนอายุยี่สิบปี ใช้ชีวิตด้วยการหาความสุขจากศิลปินที่ชอบ การใช้เงิน และเครื่องสำอาง โดยไม่สนใจเรื่องความรักเท่าที่ควร ออยเองก็มาในธีมสีชมพูเข้ม ปกติเธอชอบแต่งตัวจัดจ้านเซ็กซี่พอสมควร ด้วยเรียวขาสวยพร้อมความสูงประมาณร้อยหกสิบแปดราวกับนางแบบ ยิ่งทำให้ทุกท่วงท่าน่ามองไม่แพ้กัน ความแตกต่างของทั้งสองคนคือออยยังมีความสนใจเรื่องความรัก เลยมีคู่เดตบ้างในบางครั้ง ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้คบใครจริงจัง เคยมีครั้งหนึ่งถูกคนที่คุยบอกให้เลิกคบกับเดย์ถึงจะคบ เพราะไม่สบายใจที่ทั้งคู่สนิทกันเกินไป ทำเอาหญิงสาววีนในทันที ระหว่างเพื่อนที่คบมานานกับผู้ชายที่เพิ่งรู้จัก ยังไงเดซี่ก็ต้องชนะอยู่แล้ว นั่นยิ่งทำให้ทั้งสองคนสนิทสนมกันมากกว่าเดิม จนลืมเรื่องความรักไปโดยปริยาย ไม่นานก็มาถึงร้านประจำ ทั้งคู่ก้าวลงจากรถสีดำคันหรูแล้วยื่นกุญแจให้หนักงานขับไปจอด ก่อนจะก้าวเดินตามบริกรสาวผู้นำทางไปห้องพิเศษที่จองไว้แล้ว “สวัสดีค่ะ หนูว่าหนูมาเร็วแล้วนะ ทำไมมากันก่อนอีกล่ะคะ” ออยเดินไปนั่งออดอ้อนข้างพ่อของตนในทันที ทั้งที่ตั้งใจมาก่อนเวลานัดกว่าสิบห้านาที แต่ฝั่งผู้ใหญ่นั้นนั่งรออยู่ก่อนพร้อมอาหารเรียงรายเต็มโต๊ะ บ่งบอกว่าพวกท่านมาถึงก่อนแล้วสักพัก “แม่บอกเวลาผิดเองจ้ะหนูออย” เขมิกา แม่ของเดย์กล่าวขึ้น ก่อนจะหันไปสบตากับญานินผู้เป็นแม่ของออยอย่างมีเลศนัย “อะ มาถึงเหนื่อยๆ กินกันก่อนสิลูก” พ่อของเดย์เป็นฝ่ายชักชวน ก่อนที่บนโต๊ะอาหารจะผลัดกันตักกินกันอย่างเอร็ดอร่อย บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารโปรดที่คุ้นเคยของทุกคน เพราะเป็นร้านประจำที่กินมาตั้งแต่เด็ก เลยแทบไม่ต้องกังวลเรื่องรสชาติ เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างปกติจนอิ่มหนำสำราญ ตบท้ายด้วยของหวานเป็นลำไยลอยแก้วคนละถ้วย เดย์กับออยเองก็ไม่ได้สังเกตถึงสายตาแปลกๆ ของฝั่งผู้ใหญ่ที่กำลังมองมา “เอาละ อิ่มแล้วใช่ไหม” “อร่อยมากค่ะป๊า คิดถึงตอนออยเด็กๆ แล้วป๊าป้อนเลย~” ออยพูดพลางเอนตัวซบไหล่ผู้เป็นพ่ออย่างออดอ้อน ทำเอาญานินอมยิ้ม เพราะแบบนี้ทำให้ครอบครัวไม่ค่อยบ่นมากเวลาลูกสาวใช้เงินฟุ่มเฟือย ลูกสาวคนเดียวขี้อ้อนทั้งยังเอาใจเก่ง หลายครั้งที่ช็อปปิงก็จะมีของมาเผื่อคนในครอบครัวด้วยเสมอ ที่ผ่านมาเลยมองข้ามเรื่องความสุรุ่ยสุร่ายไป “มีลูกสาวน่ารักๆ มาอ้อนนี่มันกระชุ่มกระชวยใจจริงๆ” “เดย์ก็อ้อนได้นะแม่” เมื่อเดย์พูดจบทุกคนก็หัวเราะครืน คิดภาพผู้ชายร่างสูงออดอ้อนแล้วก็อดขำออกมาไม่ได้ จนชายหนุ่มทำหน้ากระเง้ากระงอดแกล้งน้อยใจนั่นแหละ ทุกคนถึงได้หยุดแกล้ง “เอาละ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า” “เรื่องอะไรคะ” “ม๊าตกลงกันแล้วนะ เพราะเทอมนี้ผลการเรียนเราแย่มาก ปิดเทอมนี้ทั้งสองบ้านเลยจะตัดเงินค่าขนมจนกว่าเกรดเทอมหน้าจะออก” “แม่/ม๊า” “ม๊าาา ปีสามเทอมแรกมันยากนี่นา แถมเกรดหนูก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ป๊าช่วยออยด้วย ออยไม่เอาหักค่าขนม” “ครั้งนี้ป๊าเห็นด้วยกับม๊านะ” “พ่อออ” เดย์หันไปหาพ่อพร้อมลากเสียงยาว “แม่ว่าไงพ่อก็ว่างั้น” ซึ่งคำตอบที่ได้ก็ไม่ต่างกันมากนัก “ละ…แล้วม๊าจะหักเยอะไหม” “เดือนละ 25,000 ตลอดเทอม ห้ามต่อรอง เทอมหน้าเกรดต้องดีขึ้น ส่วนบัตรเครดิตม๊าขอคืน ของเดย์ด้วยลูก” ทั้งสองคนหน้าซีดเผือด แต่ดูจากแววตาก็รู้แล้วว่าครั้งนี้ทางบ้านเอาจริงแน่นอน สุดท้ายก็ต้องยอมทำตามที่ผู้ใหญ่เสนอมา ไม่อย่างนั้นหากต่อปากต่อคำมากไป รับรองว่าเงินรายเดือนได้ถูกหักอีกแน่นอน บรรยากาศในรถแตกต่างจากขามาที่คุยกันอย่างออกรสออกชาติ เรียกได้ว่าหม่นหมองจนไม่มีเสียงพูดคุยกันแม้แต่น้อย ถึงอย่างนั้นก็ประคองกันกลับมาถึงห้องโดยสวัสดิภาพ “อ้าว กลับมาแล้วเหรอ ทำไมสภาพแบบนี้ล่ะ” ริตาที่นั่งดูทีวีหันมามอง สองเพื่อนซี้พยุงกันมาอย่างไร้เรี่ยวแรง เงินสองหมื่นห้าสำหรับคนอื่นไม่รวมค่าที่พักคงเหลือเฟือ แต่กับคนที่เข้าร้านอาหารครั้งหนึ่งก็หลักพัน ซื้อกระเป๋าซื้อเสื้อผ้าเป็นว่าเล่น อีกทั้งเครื่องสำอางยังต้องใช้แบรนด์หรูที่ราคาพันปลายๆ ไปจนถึงหลักหมื่น เงินเท่านี้กินข้าววันละมื้อยังมีใช้ไม่ถึงสิ้นเดือนด้วยซ้ำ “ริตาาา แงงง ฉันกลายเป็นคุณหนูตกอับแบบแกแล้ว” “เดี๋ยวๆๆ เกิดอะไรขึ้น” ริตาที่เพิ่งลาออกจากงานพาร์ตไทม์ที่ไปทำได้ไม่กี่วัน ตอนแรกจะเล่าให้เพื่อนทั้งสองฟัง แต่เห็นสภาพแล้วได้แต่กลืนเรื่องราวที่เจอไว้ในใจ เพื่อมาฟังปัญหาที่ดูเหมือนจะใหญ่กว่าก่อน เดย์เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังคร่าวๆ คนฟังทำสีหน้าบอกไม่ถูก มันอาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับคนอื่น แต่ใหญ่มากสำหรับสองคนนี้แน่ๆ “แก แซลมอนมื้อเดียวก็พันกว่าแล้ว ให้มาสองหมื่นห้าฉันจะอยู่ยังไง” ออยพูดด้วยน้ำเสียงรวยริน เดย์เองก็พยักหน้าเห็นด้วย นี่ขนาดยังไม่รวมอาหารชาติอื่นๆ ที่ชอบกินบ่อยๆ แค่ค่ากินก็ไม่พอแล้วด้วยซ้ำ “แล้วแม่บอกไหมว่าเกรดต้องมากกว่าเท่าไร” ริตากลายเป็นคนเดียวที่ยังปกติในตอนนี้พยายามถามหาข้อมูล เพราะเพื่อนทั้งสองเอาแต่โอดครวญงอแงจนฟังไม่ได้ศัพท์ “3.5 อะสิ ไม่งั้นจะหักไปเรื่อยๆ เลย แล้วมันจะไปถึงได้ยังไง ฮื้อออ” เดย์หันไปกอดคอร้องไห้กับออย ส่งเสียงโฮใส่กันแม้ไม่มีน้ำตาไหลจริงก็ตาม “โอเค ฉันจะช่วยพวกแกติวเอง แต่ฉันว่าแม่ก็คงอยากเห็นลูกตั้งใจเรียนมากขึ้นเฉยๆ แหละ คงไม่ใจร้ายขนาดที่พูดไว้หรอกน่า” “แล้วที่ผ่านมาเกรดสูงสุดฉันยังไม่แตะสามเลน นี่จะเอาสามจุดห้า บ้าไปแล้วววว” “เออ ว่าแต่เมื่อกี้ทำหน้าเหมือนมีอะไรจะพูด เล่ามาสิ แกไปทำงานเป็นไงบ้าง” เดย์พยายามตั้งสติถามกลับ เมื่อครู่เหมือนเพื่อนทำท่าทางคล้ายอยากพูดอะไรสักอย่าง “ก็…ก็ไม่มีอะไร ฉันแค่จะบอกว่าฉันได้งานใหม่แล้ว มีที่พักให้ด้วย เลยจะไม่รบกวนพวกแกแล้ว” “จริงดิ งานเชื่อถือได้แน่นะ” “เชื่อถือได้น่า” ทั้งสามคนพูดคุยกันอีกสักพัก เดย์กับออยต่างจากริตาตรงที่ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย แถมยังไม่ได้แบ่งเงินไปลงทุนอะไรเลย กลายเป็นไม่มีเงินเก็บเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่อีกคนทะเลาะกับที่บ้านก็จริงแต่ก็ยังพอมีเงินสำรองให้พอใช้จ่ายได้พอสมควร ถึงอย่างนั้นสถานการณ์ของทุกคนในห้องก็ไม่นับว่าแตกต่างกันมาก คล้ายว่าหลังจากนี้จะต้องพยายามด้วยตนเองต่อไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD