บทที่ 11

3637 Words
คอนโดหรูใจกลางเมืองหลวงของคิมหันต์ ตอนนี้ถูกใช้มาเป็นเรือนหอเป็นที่เรียบร้อย โดยที่ชายหนุ่มให้เหตุผลว่าอยู่ใกล้กับบริษัทไปมาสะดวก ไม่ต้องรีบตื่นเช้าเพื่อขับรถมาทำงาน จึงทำให้นางมณียอมตามใจคิมหันต์ทั้งๆ ที่นางอยากให้คิมหันต์และเนตรทรายพักอยู่ที่บ้านใหญ่ด้วยกันมากกว่า ภายในห้องนอนตอนนี้ ถูกตกแต่งไปด้วยดอกกุหลาบสีแดงไปทั่วห้อง รวมทั้งเตียงนอนสีขาวที่มีกลีบดอกกุหลาบโรยเป็นรูปหัวใจ คิมหันต์และเนตรทรายนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่บนเตียงนอน เพื่อรับฟังผู้เป็นแม่อวยพรและสอนการใช้ชีวิตคู่ “คิม แม่ฝากน้องด้วยนะลูก ต่อไปนี้จะทำอะไรก็ต้องคิดเยอะๆ เราไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว... น้องยังเด็ก อันไหนที่น้องทำไม่ถูกลูกก็ต้องคอยบอกคอยเตือน มีปัญหาอะไรก็หันหน้าคุยกัน ค่อยๆ พูดอย่าใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา คุยกันด้วยเหตุและผลนะลูก แม่รักคิมนะลูก” “ผมก็รักแม่นะครับ” สองแม่ลูกโผลเข้ากอดกัน ก่อนที่นางมณีจะผละออก และหันมาหาลูกสาวที่นั่งน้ำตาคลอเบ้าอยู่บนเตียง “เนตร ฝากดูแลพี่คิมแทนแม่ด้วยนะลูก มาเชื่อว่าหนูทำได้... อย่าดื้อกับพี่เขา พี่เขาบอกเขาเตือนอะไรเราก็ต้องฟัง จะเอาแต่ใจตัวเองเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้วนะลูก การมีชีวิตคู่มันง่าย แต่การที่จะประคับประคองคู่ชีวิตให้อยู่ไปด้วยกันจนแก่ มันยากแต่ก็ใช่ว่ามันจะทำไม่ได้ แม่อยากเห็นหนูมีความสุขกับคนที่หนูรัก และแม่ก็หวังว่าคนที่หนูรัก เขาจะรักหนูเหมือนกัน สู้ๆ นะลูกแม่เอาใจช่วย” มืออวบยกขึ้นลูบศีรษะลูกสาวด้วยความรัก “ขอบคุณนะคะคุณแม่ เนตรรักแม่ที่สุดเลยค่ะ” โผลเขากอดผู้เป็นแม่ไว้แน่น น้ำตาไหลอาบแก้มเนียนลงมาอย่างสุดจะกลั้นเอาไว้ได้ นางมณียิ้มน้อยๆ ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่เปียกเปื้อนบนใบหน้าออกให้อย่างเบามือ “แต่งงานมีสามีแล้วนะ จะมาร้องไห้ขี้แยเป็นเด็กเหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้วนะ” เนตรทรายพยักหน้ารับ ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาของตัวเองออก คิมหันต์มองภาพนั้นอย่างนึกเอ็นดู ก่อนจะหันกลับมามองหน้าน้องชายที่เดินมายืนอยู่ตรงหน้า “มีความสุขมากๆ นะครับพี่ ผมฝากพี่ดูแลยัยเด็กแสบของผมด้วยนะครับ... จะทำอะไรก็เบาๆ มือหน่อยแล้วกันเดี๋ยวน้องสาวผมจะช้ำหมด” วาคินเอ่ยแซวผู้เป็นพี่ออกมายิ้ม “เฮีย พูดอะไรน่าเกลียด” เนตรทรายร้องเรียกวาคินเสียงดัง ใบหน้าซับสีเรื่อขึ้นมาทันทีด้วยความเขิน “พูดอะไร เราน่ะคิดไปไกล... อยู่กับพี่คิมก็อย่าดื้อล่ะเข้าใจมั้ย พี่คิมเขาไม่ใช่พี่ที่จะได้คอยตามใจเราทุกอย่าง มีความสุขมากๆ นะ มีปัญหาอะไรคุยกับพี่ได้ทุกเรื่อง... อย่าลืมทำให้พี่คิมรักให้ได้ล่ะพี่เอาใจช่วยสู้ๆ” ประโยคสุดท้าย วาคินก้มลงมากระซิบข้างหนูของเนตรทราย ก่อนที่สองพี่น้องจะส่งยิ้มให้กันอย่างมีความหมาย ทำเอาคิมหันต์และนางมณีอยากรู้ขึ้นมาทันที ว่าวาคินพูดอะไรกับเนตรทราย “งั้นแม่กับคิวกลับกันก่อนนะลูก นี่ก็ดึกมากแล้วเราสองคนจะได้พักผ่อน... ว่างๆ ก็พากันกลับไปนอนที่บ้านบ้างนะลูก อ๋อ! แล้วก็ห้ามนอนนอกห้องหอ จนกว่าจะครบสามคืนนะลูก โบราณท่านถือ แม่ไปล่ะ” “ผมไปแล้วนะครับพี่คิม พี่ไปนะเนตร... เบาๆ มือกันหน่อยนะพี่” พูดจบวาคินก็เดินหนีออกจากห้องไปทันที ทำเอาเนตรทรายนั่งหน้าดำหน้าแดงด้วยความเขินอาย กับประโยคที่วาคินพูดทิ้งท้ายไว้ หลังจากที่เดินออกไปส่งผู้เป็นแม่กับน้องชาย ที่หน้าห้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว คิมหันต์ก็เดินกลับเข้ามาในห้องนอน ก็ต้องอมยิ้มเมื่อเห็นคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยา กำลังนั่งบีบนวดแขนขาตัวเองอยู่ปลายเตียง “พี่คิมไปอาบน้ำก่อนเนตรก็ได้นะคะ เดี๋ยวเนตรเข้าไปเตรียมน้ำให้” พูดจบก็ทำท่าจะลุกเดินเข้าไปในห้องน้ำ แต่ถูกคิมหันต์ดึงแขนไว้ “ไม่ต้องหรอก พี่ว่าเนตรนั่นแหละไปอาบก่อนเลยจะได้สดชื่นดูเราเพลียๆ” “เป็นห่วงเนตรเหรอคะ” แกล้งถามออกไปยิ้มๆ “เข้าไปอาบน้ำได้แล้วครับ พี่จะได้อาบต่อ...เอ๊ะ! หรือว่าเราจะอาบน้ำพร้อมกันดีน้า จะได้ประหยัดทั้งน้ำทั้งเวลา” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับสายตากรุ้มกริ่มที่มองมานั้น ทำเอาเนตรทรายหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง รีบพูดปฏิเสธออกไปอย่างรวดเร็ว กลัวคิมหันต์จะทำอย่างที่พูดจริงๆ “ไม่ค่ะไม่อาบด้วยกันนะ เนตรไปอาบน้ำก่อนก็ได้ค่ะ” พูดจบก็รีบลุกจากเตียงเดินหายเข้าไปในห้องน้ำทันที โดยมีคิมหันต์มองตามหลังไปด้วยรอยยิ้มขำๆ เป็นยังไงล่ะ ถูกเขาแกล้งกลับไปบ้างถึงกับเขินจนไปไม่เป็นเลยเหรอ ยัยเด็กแสบเอ๊ย กว่าจะอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ก็ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง เนตรทรายสวมชุดคลุมเดินออกมาจากห้องน้ำ อยากจะเขกหัวตัวเองนักที่มัวแต่เขินจนลืมหยิบชุดนอนเข้าไปในห้องน้ำด้วย ดีนะที่ในห้องน้ำมีเสื้อคลุมอาบน้ำอยู่ แต่เมื่อออกมาจากห้องน้ำ คิ้วเรียวก็ต้องขมวดเข้าหากัน เมื่อภายในห้องมีแต่ความว่างเปล่าไม่เจอใครอีกคน ที่ควรจะนั่งรอเธออยู่ในนี้ มีเพียงเสื้อสูทที่ถูกถอดทิ้งไว้ เนตรทรายรีบจัดการใส่ชุดนอนให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนเพื่อหาคิมหันต์ รอยยิ้มหวานปรากฏบนใบหน้า เมื่อเห็นคนที่ตามหากำลังยืนวุ่นทำอะไรบางอย่างอยู่ในครัว “พี่คิมทำอะไรคะ” ชะโงกเข้าไปดูใกล้ๆ ใกล้จนคิมหันต์ได้กลิ่นหอมๆ ของแชมพูและครีมอาบน้ำจากตัวหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ เผลอสูดความหอมเข้าไปอย่างลืมตัว “ก็มาทำแซนวิชไว้ให้เรานั่นแหละ ก็วันนี้ทั้งวันไม่เห็นกินอะไรเลยนอกจากน้ำ” พูดทั้งๆ ที่มือยังคงวุ่นอยู่กับการหั่นขนมปัง “ขอบคุณนะคะ พี่คิมของเนตรนี่น่ารักที่สุดเลยค่ะ... มาค่ะ เดี๋ยวเนตรทำต่อเอง พี่คิมจะได้ไปอาบน้ำเนตรเตรียมน้ำไว้ให้แล้วนะคะ แล้วเราค่อยมากินเจ้าแซนวิชแสนอร่อยนี่ด้วยกัน” เนตรทรายพูดไปยิ้มไปอย่างอารมณ์ดี ทำให้คิมหันต์อดที่จะยิ้มตามออกมาไม่ได้ “เนตรกินเลยไม่ต้องรอ พี่ไม่หิว” “อย่าดื้อสิคะ เนตรรู้ว่าพี่คิมก็ยังไม่ได้ทานอะไรเหมือนกัน ไปค่ะ ไปอาบน้ำ” พูดพร้อมกับเดินจูงมือคิมหันต์ออกมาจากในครั วพามาหน้าห้องน้ำในห้องนอน จึงทำให้คิมหันต์ต้องเปิดประตูเข้าไปอาบน้ำตามที่เนตรทรายบอก พอได้อาบน้ำแช่น้ำเย็นๆ พร้อมกับกลิ่นหอมๆ ของเทียนหอมที่เนตรทรายจุดไว้ ก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสดชื่นและสบายตัวขึ้นมา ร่างสูงที่มีแค่เพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันรอบเอวสอบ เดินออกมาจากห้องน้ำเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า ใบหน้าหล่อยิ้มออกมา เมื่อเห็นชุดนอนของตัวเองถูกแขวนอยู่หน้าตู้ ก่อนจะรีบหยิบมาใส่และเดินออกมาที่โซฟารับแขกกลางห้อง ที่มีเนตรทรายนั่งดูทีวีรออยู่ เนตรทรายหันมองคนตัวสูงที่เดินมานั่งลงข้างๆ เธอด้วยรอยยิ้ม เพราะเขาใส่ชุดนอนที่เธอเตรียมไว้ให้ ตอนนี้ผมที่เคยถูกเซตไว้อย่างเป็นระเบียบ ก็ถูกเจ้าตัวสระทำความสะอาดทำให้ผมลู่ลงมากับใบหน้าหล่อ ทำให้คิมหันต์ดูดีไปอีกแบบ ดูน่ารักแบบเด็กวัยรุ่น หัวใจดวงน้อยเต้นเร็วแปลกๆ ก็เธอเพิ่งจะเคยเห็นเขาในลุคแบบนี้นี่น่า “มองพี่มันไม่อิ่มนะ กินแซนวิชดีกว่ามั้ย” คิมหันต์พูดกับคนตรงหน้านิ่งๆ ก่อนจะหยิบแซนวิชที่อยู่ในจานมากิน โดยที่ไม่ได้สนใจคนที่นั่งทำหน้างงไม่เข้าใจในคำพูดนั้นเลยสักนิด “คะ? ... อ๋อ ค่ะ กินแซนวิชค่ะ” กว่าจะเข้าใจในความหมายที่ชายหนุ่มพูดก็นานจนคนที่นั่งข้างๆ หยิบแซนวิชชิ้นที่สองเข้าไปในปากแล้ว เนตรทรายจึงต้องกินตามเขาบ้าง ทั้งสองนั่งกินกันไปเงียบๆ โดยมีเสียงจากโทรทัศน์ที่เปิดไว้เป็นตัวช่วยทำลายความเงียบ เมื่อหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อนจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น “นี่ ง่วงก็เข้าไปนอนในห้อง อย่ามาหลับตรงนี้” คิมหันต์พูดขึ้นเมื่อคนข้างกายเริ่มจะนั่งไม่อยู่แล้วตอนนี้ “พี่คิมก็ไปนอนด้วยกันสิคะ นะคะ” พูดเสียงอ้อนเอาหน้าซบลงกับหัวไหล่แกร่งพร้อมกับตาที่หลับลงอีกครั้ง จนคิมหันต์ต้องยอมเข้าไปนอนด้วยความที่อีกคนขอ “ปะ งั้นก็ลุกขึ้นยืน เดินดีๆ” เนตรทรายรีบทำตามอย่างว่าง่าย เดินตามคิมหันต์เข้าในห้องนอนก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างที่แสนจะนุ่มอย่างหมดแรง โดยมีคิมหันต์ยืนส่ายหน้าไปมาอยู่ข้างๆ ก่อนจะเดินไปล็อกประตูและปิดไฟ เหลือไว้แค่ไฟที่หัวเตียงเท่านั้น และกลับมาล้มตัวลงนอนเคียงข้างเนตรทราย โดยเว้นระยะห่างไว้พอสมควร “พี่คิมขา” เสียงอู้อี้เอ่ยเรียกอีกคนออกมาเบาๆ “หือ มีอะไร” “หอมแก้มหน่อยค่ะ จะได้ฝันดี” คิมหันต์ยิ้มออกมาในความมืด ไปเอาทฤษฎีแบบนี้มาจากไหนกันวะหอมแก้มแล้วจะฝันดี “อือ” ตอบรับออกไปเบาๆ ก่อนจะสัมผัสได้ถึงริมฝีปากนุ่มนิ่มที่สัมผัสลงบนแก้มนั้นเบาๆ หนึ่งข้าง “หอมเนตรหน่อยสิคะ จะได้ฝันดีกว่าเดิมอีก” เป็นอีกครั้งที่คิมหันต์ส้ายหน้ายิ้มๆ กับคำพูดของคนที่นอนอยู่ข้างๆ “เยอะจริงๆ เราเนี่ย หอมเสร็จแล้วนอนเลยนะ ตาจะปิดอยู่แล้วยังจะขอนู่นขอนี่อยู่อีก” ถึงปากจะบ่น แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ทำตามที่อีกคนขอ ริมฝีหนาหอมลงไปที่แก้มเนียนหนึ่งข้าง แต่ดูเหมือนมันจะไม่พอเมื่อเจ้าของแก้มเนียนนุ่มหันอีกข้างมาให้ คิมหันต์ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ แต่ก็ยอมที่จะหอมแก้มนุ่มนั้นอีกข้าง เพื่อที่จะได้นอนสักที คนถูกหอมแทบจะละลายไปกับเตียง ฉีกยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุข วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน เพราะเธอก็จะฝืนตาไว้ไม่ไหวแล้ว แต่คิดไปคิดมาขออีกหน่อยก็แล้วกันเผื่อได้ “ขอจับมือนอนได้มั้ยคะ” “เนตร! นอน ได้ แล้ว” เรียกเสียงเรียบย้ำทุกคำช้าๆ ชัดๆ เป็นการบอกให้คนขี้ขอหยุดและควรจะนอนตามที่ชายหนุ่มบอกได้แล้ว “ใจร้าย” ตอบกลับมาเบาๆ หันหลังนอนตะแคงไปอีกทาง ไม่ได้โกรธหรืองอนอะไรแต่อย่างใดเพียงแต่เธอถนัดนอนแบบนี้มากกว่า เปลือกตาที่หนักอึ้งค่อยๆ ปิดลงอย่างห้ามไว้ไม่ไหว ความรู้สึกสุดท้ายก่อนที่จะเข้าห้วงนิทรา รับรู้ได้ถึงวงแขนแกร่งที่โอบรอบเอวเธอไว้หลวมๆ แต่เธอก็ไม่ได้ขัดขืนหรือพูดอะไรออกมา เพราะง่วงจนฝืนต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ แสงแดดที่สาดส่องเข้ามาผ่านม่านหน้าต่าง ทำให้คนที่นอนหลับสนิทรู้สึกตัว มือหนาควานหาร่างนุ่มนิ่มที่เขากอดทั้งคืน แต่ก็พบกับความว่างเปล่า ดวงตาที่ปิดสนิทเปิดกว้างขึ้นมาทันที ก่อนจะลุกเดินเข้าห้องน้ำ เพื่อทำธุระส่วนตัว ส่วนเนตรทรายที่เพิ่งจะทำอาหารเช้าเสร็จ กลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง ก็พบว่าคนที่นอนอยู่ที่เตียงหายไป และก็คงจะอยู่ในห้องน้ำนั่น แหละเพราะเธอได้ยินเสียงน้ำไหลกระทบพื้น “ตื่นเร็วเหมือนกันนะเนี่ย” พูดออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินไปพับผ้าห่มและเก็บเตียงนอนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ก่อนจะเดินมาหยิบเสื้อและกางเกงใส่อยู่บ้านสบายๆ ออกมาแขวนไว้ที่หน้าตู้และเดินออกจากห้องไป เมื่อคิมหันต์ออกมาจากห้องน้ำ รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอีกครั้ง เมื่อเห็นสิ่งที่ภรรยาของเขาทำให้ ก็คือเอาผ้าเช็ดตัวเข้าไปวางไว้ให้ พร้อมทั้งชุดคลุมและยังมีแปรงสีฟันของเขาที่ถูกบีบยาสีฟันไว้ให้เรียบร้อย เขาก็มีหน้าที่แค่เดินเข้าไปอาบน้ำแค่นั้น และเมื่อออกมาจากห้องน้ำ ก็ยังมีเสื้อผ้าเตรียมเอาไว้ให้อีก การมีภรรยามันดีแบบนี้สินะ คิมหันต์เดินมาหยิบชุดที่เนตรทรายเตรียมไว้ให้มาสวมใส่ จัดการแต่งตัวอีกสักครู่ก็เดินออกมาจากห้องนอน และก็ต้องทำให้ชายหนุ่มยืนยิ้มอีกครั้งเป็นรอบที่สาม เมื่อเห็นร่างบางของภรรยา กำลังวุ่นอยู่กับการจัดโต๊ะอาหาร เขาไม่คิดเลยว่าแค่เวลาไม่กี่ชั่วโมงที่ตื่นขึ้นมาผู้หญิงคนนี้จะทำให้เขายิ้มออกมาได้มากขนาดนี้ “อ้าว! พี่คิม แต่งตัวเสร็จแล้วเหรอคะ มาค่ะ มาทานข้าวกันวันนี้เนตรทำข้าวต้มกุ้งนะคะ พอดีของสดในตู้เย็นมีแค่กุ้งเนตรเลยทำง่ายๆ ไปก่อน” เนตรทรายพูดพร้อมกับวางชามข้าวต้มกลิ่นหอมกรุ่นลงบนโต๊ะ โดยมีคิมหันต์เดินเข้ามานั่งประจำที่ของตัวเอง “พี่คิมรับกาแฟมั้ยคะหรือจะเอาน้ำส้มดี” “เนตรมานั่งเถอะเดี๋ยวพี่ทำเอง” ว่าแล้วก็ลุกเดินเข้ามาหลังเคาน์เตอร์ โดยมีเนตรทรายยืนดูอยู่คอยสังเกตว่าชายหนุ่มทานกาแฟประเภทไหน ใส่กาแฟกี่ช้อน น้ำตาลกี่ช้อน และครีมเทียมกี่ช้อน ต่อไปเธอจะได้ชงให้เขาได้ถูก “บอกให้ไปนั่งไง มายืนดูอะไร” ปากก็พูดแต่มือก็ยังชงกาแฟของตัวเองไปเรื่อยๆ “ก็มายืนดูพี่คิมชงกาแฟไงคะว่าใส่อะไรเท่าไหร่ ต่อไปเนตรจะได้ชงรอพี่คิมตอนเช้า พอพี่คิมมาถึงโต๊ะจะได้กินเลยไม่ต้องรอ” คิมหันต์หันมองคนตรงหน้ายิ้มๆ รู้สึกดีแปลกๆ ที่มีคนมาคอยเอาใจใส่ดูแลรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของเขาแบบนี้ “แล้วเนตรล่ะ ตอนเช้ากินกาแฟ นม หรือว่าน้ำส้ม” เป็นคิมหันต์ที่ถามออกไปบ้าง เพราะในเมื่อเนตรทรายเอาใจใส่ดูแลเขาขนาดนี้ เขาก็ควรจะเอาใจใส่เธอบ้างเป็นการตอบแทน “เนตรทานได้หมด แล้วแต่ว่าวันนี้อยากทานอะไร... มาค่ะเดี๋ยวเนตรถือไปให้” คิมหันต์ยื่นแก้วกาแฟของตัวเองส่งให้เนตรทราย ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินออกมานั่งที่โต๊ะอาหาร และพากันลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้า โดยระหว่างที่ทานทั้งคู่ก็คุยกันไปเรื่อยๆ ส่วนมากจะเป็นเนตรทรายมากกว่าที่ชวนคุย “วันนี้พี่คิมจะออกไปไหนมั้ยคะ” เป็นอีกครั้งที่เนตรทรายเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่ทานอาหารเสร็จเรียบร้อยและพากันมานั่งย่อยอยู่ที่โซฟารับแขก “ไม่ พี่ให้ดลส่งงานมาให้ทางเมล์ว่าจะเช็กงานสักหน่อย... แล้วเนตรอยากไปไหนหรือเปล่าพี่ให้คนเอามาไว้ให้แล้วจอดอยู่ข้างๆ รถพี่” เนตรทรายส่ายหน้าไปมา “ไม่ค่ะ ถ้าจะไปเดี๋ยวรอไปพร้อมพี่คิมดีกว่า ขี้เกียจขับรถเอง” “จะใช้พี่ขับรถไปให้ว่างั้นเถอะ” “ไม่ใช่สักหน่อย แค่อยากให้พี่คิมพาไป” “แล้วอยากไปไหนล่ะ” คนถามขยับนั่งหันหน้ามาหาอีกคนทันที “อยากไปห้างค่ะ เนตรว่าจะไปซื้อของสดแล้วก็พวกเครื่องปรุงรสของใช้ต่างๆ มาใส่ครัวไว้ เผื่อพี่คิมอยากทานอะไรจะได้มีของทำให้ทานไงคะ” เป็นอีกครั้งที่คิมหันต์อดจะยิ้มออกมาไม่ได้กับความเอาใจใส่ของคนตรงหน้า “เมื่อเช้าตื่นกี่โมง” คนถูกถามถึงกับขมวดคิ้วงงๆ “ประมาณแปดโมงค่ะ ทำไมเหรอคะ” เริ่มหวั่นใจในคำตอบ กลัวเขาจะคิดว่าเธอตื่นสายหรือเปล่า “แล้วเมื่อคืนจำได้มั้ยว่านอนกี่โมง” คิมหันต์ยังถามต่อไปอีก คนถูกถามใจไม่ดีหนักเข้าไปอีกหน้าเริ่มซีดลงเรื่อยๆ “ก็... ก็ประมาณตีสามค่ะ” “รวมแล้วเราได้นอนกี่ชั่วโมง” เนตรทรายทำท่าครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะตอบออกมาเบาๆ “ประมาณห้าชั่วโมงค่ะ... ทำไมเหรอคะ” “ห่วงแต่คนอื่นเขา ทำไมไม่เป็นห่วงตัวเองบ้าง เมื่อวานก็ตื่นแต่เช้าเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เกือบเช้าแล้ววันนี้ก็ยังตื่นแต่เช้ามาทำอาหารอีก ไม่เหนื่อยหรือไง” มองคนตรงหน้าด้วยสายตาอ่อนโยนพูดออกไปด้วยความเป็นห่วง “ก็เหนื่อยค่ะ แต่เนตรก็อยากทำให้พี่คิมนี่คะ พี่คิมตื่นมาจะได้ทานเลยไม่ต้องมานั่งรอ” อ้อมแอ้มตอบกลับไปเบาๆ เธออยากทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด และอีกอย่างเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าหน้าที่ภรรยาที่ดีเขาต้องทำอะไรยังไงบ้าง เธอก็เลยเลือกทำในสิ่งที่เธอพอจะทำได้ นั่นก็คือการตื่นเช้ามาทำอาหารให้เขาทาน เตรียมเสื้อผ้าให้เขา ปัดกวาดเช็ดถูบ้านให้สะอาดเรียบร้อย “ง่วงมั้ย เข้าไปนอนพักในห้องก่อนก็ได้ เดี๋ยวพี่เช็กงานเสร็จจะเข้าไปปลุกแล้วเราค่อยออกไปข้างนอกกัน” “เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ... พี่คิมจะดื่มชาอุ่นๆ มั้ยคะเดี๋ยวเนตรไปชงมาให้หรือว่าจะเอาเป็นกาแฟอีกสักแก้วมั้ยคะ” ยังไม่วายเป็นห่วงคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ทำเอาคนถูกถามต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ ลุกขึ้นช้อนตัวคนที่นั่งพูดตาแป๋วเข้ามาในอ้อมแขน เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเสียงร้องด้วยความตกใจ ยกมือกอดคอชายหนุ่มแน่นเพราะกลัวตก “ว้าย! พี่คิม ทำอะไรคะ ปล่อยเนตรลงค่ะ เนตรเดินเองได้” “เงียบน่า... เอ๋! หรือว่าเราจะมาทำอย่างอื่นแทนการนอนกันดีน้า” ยกยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์ เมื่อเห็นคนในอ้อมกอดหน้าแดงเป็นลูกตำลึงก็อยากจะแกล้งเข้าไปอีก “นอนค่ะนอน พี่คิมวางเนตรลงสิคะ อยู่แบบนี้แล้วเนตรจะนอนได้ยังไงล่ะคะ” พูดออกมาเบาๆ กับอกกว้างด้วยความเขินอาย นี่ถ้าให้เดา ตอนนี้หน้าเธอคงแดงไปจนถึงคอแล้วมั้ง คิมหันต์ได้แต่หัวเราะในลำคออย่างชอบใจ เมื่อเขาสามารถแกล้งหญิงสาวได้ ก่อนจะวางร่างบางลงที่เตียงอย่างเบามือ และดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ ทำคนที่นอนอยู่หัวใจเต้นรัวยิ้มออกมาอย่างมีความสุข “ขอบคุณค่ะ” “อืม นอนได้แล้ว พี่ไปทำงานก่อน” พูดจบก็หันหลังเดินเตรียมจะออกจากห้อง แต่ก็ถูกอีกคนจับมือเอาไว้คิวหนาเลิกขึ้นมองคนที่นอนอมยิ้มอยู่บนเตียงทันทีด้วยความสงสัย “ก่อนจะนอนต้องทำอะไรก่อนคะ” ถามออกไปยิ้มๆ “ทำอะไร? ก็นอนไง ผ้าก็ห่มให้แล้วเนี่ย” เนตรทรายส่ายหน้าไปมาจนผมกระจายเต็มหมอน ก่อนจะเอานิ้วจิ้มมาที่แก้มของตัวเอง นั่นจึงทำให้คิมหันต์รู้ความหมายคำพูดของคนที่นอนอยู่บนเตียงทันทีว่าคืออะไร “เรานี่จริงๆ เลยน้า” ถึงปากจะบ่นแต่ก็ใช่ว่าจะไม่ทำตามที่อีกคนขอเสียเมื่อไหร่ ก้มลงไปหอมแก้มเนียนที่แดงระเรื่อขึ้นมาทั้งสองข้างเบาๆ ทำเอาคนถูกหอมนอนยิ้มหน้าบานอยู่บนเตียง “มาให้เนตรหอมบ้างสิคะ พี่คิมจะได้มีแรงทำงาน” “ไม่เอา นอนไปเลยไป” “ไม่ได้ค่ะ มาค่ะมาให้หอมซะดีๆ อย่าดื้อนะคะ เดี๋ยวไม่น่ารักน้า” ในที่สุดก็จำต้องยอมก้มลงไปให้คนเอาแต่ใจหอมแก้มทั้งซ้ายและขวาจนพอใจ คิมหันต์จึงออกมานั่งทำงานได้ แต่ก็ใช่ว่าจะมีสมาธิทำงานเสียเมื่อไหร่ เพราะในหัวเอาแค่คิดถึงสัมผัสนุ่มนิ่มที่สัมผัสมาที่แก้มทั้งสองข้างของเขา นึกไปถึงความหอมของแก้มเนียน ที่เขาได้สัมผัสที่ติดอยู่ที่ริมฝีปากหนา พยายามสะบัดไล่ความคิดออกไปจากหัว แต่ยิ่งห้ามไม่ให้คิด ก็เหมือนยิ่งคิดมากกว่าเดิม นี่เขาเป็นบ้าอะไรวะเนี่ย ใช่ว่าไม่เคยหอมแก้มผู้หญิงหรือถูกผู้หญิงหอมแก้มซะเมื่อไหร่ แต่ทำไมกับคนที่นอนอยู่ในห้องมันถึงไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ กันนะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD