วันต่อมา...
“ขึ้นมา”
เธอที่กำลังนั่งรอรถรับส่งเพื่อจะไปโรงเรียนอยู่ที่โต๊ะหน้าบ้านก็ต้องรีบเงยหน้าขึ้นมามอง เพราะได้ยินเสียงคุ้นหูเอ่ยเรียกเธอ ซึ่งเธอก็พยายามไม่สนใจยังนั่งก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ของตัวเองต่อ
“ยาหยี ขึ้นมา”
เธอคิดว่าถึงต่อต้านไปก็คงไม่มีประโยชน์ จึงยอมลุกขึ้นพร้อมกับเข้ามาในรถ
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าถ้านั่งรถต้องคาดเข็มขัดนิรภัยด้วย”
เขาไม่พูดเปล่า เบี่ยงตัวมาดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาติดให้เธอเสร็จสรรพ แล้วก็กลับไปในที่นั่งของตัวเอง
“ขอโทษเรื่องเมื่อวานด้วยนะ”
“ถ้าจะไปส่งก็รีบไปได้แล้ว”
เขามองเธออยู่สักพักก็ขับรถออกมาทันที ตลอดระยะเวลาที่เรานั่งรถมาด้วยกันก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย จนเขามาจอดรถอยู่บริเวณข้างกำแพงโรงเรียน พอรถดับสนิทเธอก็เตรียมตัวเพื่อจะลงจากรถทันที แต่ก็โดนแฟนหนุ่มคว้ามือไว้ก่อน
“สัญญาว่าต่อไปจะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก”
“ครั้งก่อนสิงห์ก็พูดแบบนี้ แล้วมันก็เกิดขึ้นอีกจนได้”
“อย่าเย็นชากับฉันแบบนี้ได้ไหม”
ซึ่งเขาก็ดึงเธอเข้าไปกอดโดยที่เธอก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
“ที่ยอมคบกับหนูเนี่ย เพื่อจะให้หนูเป็นตัวแทนของใครหรือเปล่า”
“ไม่ใช่”
“หนูบอกเลยนะว่าหนูไม่ใช่ตัวแทนของใคร ถ้าคิดว่าจะคบเล่น ๆ ก็เลิกทำซะ”
“เธอไม่ใช่ตัวแทนของใคร”
“ปล่อยได้แล้ว”
พอเธอบอกแบบนั้นเขาก็ยอมปล่อยเธอแต่โดยดี แต่ก็ยังไม่ยอมปลดล็อกประตู
“ปลดล็อกประตูด้วย”
“วันนี้ได้เงินมาเท่าไหร่”
“ก็สองร้อยเท่าเดิม”
เขาไม่ได้พูดอะไรตอบเธอมา แต่หยิบกระเป๋าสตางค์ของตัวเองออกมาพร้อมกับหยิบธนบัตรสีเทาหลายใบมายัดใส่มือของเธอไว้
“เอามาให้หนูทำไม”
“ไว้ซื้อขนม”
“แล้วเอามาให้อะไรเยอะแยะขนาดนี้”
“ติดตัวเอาไว้ใช้ยามจำเป็น”
“ขอบคุณค่ะ” เธอยกมือไหว้เขาไปโดยที่เขาก็กดปลดล็อกประตูให้ เธอจึงดันประตูออกมาพร้อมกับเดินเข้าโรงเรียนของตัวเองโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมองแฟนหนุ่มของตัวเองเลย
......
หลังจากที่ไปส่งแฟนสาวที่โรงเรียนเรียบร้อยแล้ว เขาก็ขับรถไปยังมหา’ลัยของตัวเองซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ค่อนข้างมาก โดยใช้เวลาขับนานเกือบหนึ่งชั่วโมงพอมาถึงก็รีบเดินเข้าห้องเรียนทันทีเพราะเหลือเวลาไม่มากก็จะถึงเวลาเรียนของเขาแล้ว
“ไปส่งยาหยีมาเหรอ ทำไมถึงมาช้า”
“ใช่” เขาตอบเพื่อนตัวเองไปพร้อมกับมานั่งลงที่ประจำของตัวเองซึ่งไม่นานอาจารย์ก็เดินเข้ามา
“เอาละนักศึกษา ก่อนอื่นเลยเช็กชื่อกันก่อน....”
หลังจากที่อาจารย์เช็กชื่อเรียบร้อยแล้วท่านก็เริ่มสอนเนื้อหาในวิชาทันที จนเวลาล่วงเลยมาเกือบสิบเอ็ดโมง เขากับเพื่อนก็ย้ายจากห้องเรียนมาที่โรงอาหารประจำคณะต่อ
“กูได้ยินข่าวเรื่องนึงมาว่ะ แต่ไม่รู้ว่าจริงไหม”
“ถ้าอยากให้กูรู้ก็พูดมา พูดอ้อมค้อมอยู่ได้”
“ได้ยินมาว่าแพรไหมกลับมา”
พอได้ยินเพื่อนพูดออกมาแบบนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป
“ถ้าเธอกลับมาแล้วมึงจะทำยังไงต่อ”
“ต้องทำอะไรต่อด้วยเหรอ ตอนนี้กูมีแฟนแล้วนะ”
“มึงลืมแพรไหมได้จริงเหรอวะ”
“…..”
“ก็กูรู้สึกว่า เหมือนมึงกำลังพยายามให้ยาหยีเป็นแพรไหมอยู่ยังไงก็ไม่รู้”
“ทำไมมึงถึงคิดแบบนั้น”
“ไม่รู้สิ สงสัยเพราะว่ารูปร่างหน้าตาของยาหยีกับแพรไหมก็ค่อนข้างคล้ายกัน แถมทั้งสองคนยังชอบอะไรเหมือน ๆ กันอีก กูเลยคิดว่าบางทีมึงยอมคบกับน้องเขาก็เพื่อต้องการให้มาเป็นตัวแทนของแฟนเก่ามึง”
“อย่าให้กูได้ยินมึงพูดคำนี้อีก กูไม่ได้คบกับยาหยีเพื่อเอาเธอมาเป็นแทนใคร”
“ขอโทษเพื่อน กูไม่ได้ตั้งใจจะพูด”
เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก นั่งกินข้าวของเองต่อ พอกินเสร็จแล้วก็รีบขึ้นไปยังห้องเรียนที่จะเรียนช่วงบ่าย
หลายชั่วโมงต่อมา...
หลังจากที่เขาเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้วก็รีบขับรถมายังโรงเรียนที่แฟนสาวของตัวเองเรียนอยู่ โดยที่จอดรถอยู่ตรงที่เดิมที่จอดเมื่อเช้า ซึ่งไม่นานเธอก็เดินมาเปิดประตูพร้อมกับเข้ามานั่ง และคาดเข็มขัดนิรภัยตามที่เขาบอก
“ทำไมเหมือนผิวไหม้เลย ไปทำอะไรมา” เขาสังเกตหน้าพร้อมกับผิวที่แขนของเธอมีรอยแดงไหม้
“วันนี้มีสอบวิ่ง หนูไม่ได้อ่านไลน์กลุ่มเลยไม่รู้ว่าครูให้ใส่ชุดวอร์มมา”
“ตอนอาบน้ำเสร็จต้องทาครีมบำรุงนะไม่อย่างนั้นผิวจะลอก”
“ค่ะ”
“อยากไปไหนก่อนกลับไหม เดี๋ยวฉันจะพาไป”
“ไม่อยากไปไหน อยากกลับบ้านมากกว่า”
“งั้นก็กลับกันเถอะ วันนี้แม่ฉันทำเค้กด้วยนะ เพิ่งโทรบอกว่าให้ชวนเธอไปกิน”
“อยากกินเค้กพอดีเลย”
พอเธอตอบออกมาแบบนั้นเขาก็ยิ้มให้กับเธอพร้อมกับสตาร์ตรถขับออกมาด้วยความเร็วไม่มากเพื่อจะกลับบ้านของตัวเอง
“คุณแม่ขา”
พอรถจอดสนิทแฟนสาวของเขาก็รีบลงจากรถแล้ววิ่งเข้าบ้านของเขาไปในทันที โดยที่เขาทำได้เพียงแค่เดินตามเธอไป พอเดินเข้ามาเห็นเธอกำลังยืนกอดกับแม่เขาอยู่
“วันนี้แม่ทำเค้กสตรอว์เบอร์รีด้วยนะลูก”
“อยากกินแล้วค่ะ”
“งั้นก็ไปกินกันเถอะลูก”
แม่ของเขาก็เดินจูงมือแฟนสาวไป ส่วนเขาก็ขึ้นมายังห้องของตัวเองเพื่อจะเปลี่ยนชุดนักศึกษาออกเป็นชุดใส่สบายแทน พอเปลี่ยนเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินลงมาหาแฟนสาวที่ห้องรับแขก โดยที่ตอนนี้เธอกำลังนั่งกินเค้กอย่างเอร็ดอร่อย
“อร่อยมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ใช่ สิงห์กินไหม”
“ไม่ ฉันไม่ชอบกินอะไรแบบนี้”
“ไม่รู้จักของอร่อยซะแล้ว”
“อีกไม่กี่วันหนูยาหยีก็ปิดเทอมแล้วใช่ไหมลูก”
“ใช่ค่ะคุณแม่”
“งั้นดีเลย ถ้าวันไหนแม่ทำเค้กอีกจะได้ไปชวนมาทำด้วยกัน”
“ได้เลยค่ะ หนูพร้อมเป็นลูกมือคุณแม่”
“แล้ววันนี้จะไปสนามอีกแล้วเหรอลูก”
“ครับ”
“ทำไมไม่หยุดสักวันล่ะ เลิกเรียนมาก็ต้องไปทำงานไม่เหนื่อยหรือไง”
“ไม่ได้ทำอะไรหนักเลยครับ แค่ว่าจะเข้าไปเช็กอะไรนิดหน่อยก็จะกลับแล้ว”
“หนูอยากไปด้วยจัง”
“ไม่ต้องไปหรอก อายุของเธอไม่เหมาะที่จะไปสถานที่แบบนั้น”
“ก็เป็นแบบนี้ตลอด”
เธอตอบเขาออกมาพร้อมกับแสดงท่าทีไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่ยอมที่จะใจอ่อนให้เธอเรื่องนี้แน่นอน เพราะตั้งแต่เราตกลงคบกันมาได้หลายเดือนเขาก็มีข้อห้ามเธอเรื่องเดียวเท่านั้น คือห้ามไปที่สนามโดยที่เขาไม่รู้เด็ดขาด เพราะที่นั่นค่อนข้างอันตรายมาก ซึ่งเคยมีครั้งหนึ่งที่เธอแอบหนีไปสนาม โดยวันนั้นบังเอิญว่ามีคนที่แข่งรถแล้วแพ้แต่ไม่ยอมจบ จนมีเรื่องต่อยตีกันค่อนข้างหนักจนบังเอิญเด็กสาวไปโดนลูกหลงเข้าแล้วเจ็บต้องเข้าโรงพยาบาล ตอนนั้นเขารู้สึกโกรธมากโดยที่สั่งสอนคนที่มันทำแฟนสาวเขาอย่างสาหัส ส่วนเด็กสาวก็โดนเขาต่อว่า และสั่งห้าม
“หนูไม่ได้ไปสนามกับสิงห์นานแล้วนะ”
“แล้วจะไปที่แบบนั้นทำไม”
“แต่ที่แบบนั้นมันคือที่ทำงานของสิงห์ไม่ใช่เหรอ”
“เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมชอบเถียงผู้ใหญ่จัง”
“เด็กอะไร หนูเป็นน้องสิงห์แค่สองปีเอง”
“ไม่ต้องมาเถียง ไม่ให้ไปก็คือไม่ให้ไป”
“ไม่ไปด้วยก็ได้ แต่ห้ามไปส่งสายตาให้ผู้หญิงนะ”
“ผู้หญิงที่ไหนอย่าหาเรื่องทะเลาะ”
“หนูไม่ได้หาเรื่องทะเลาะ แต่หล่อ ๆ แบบสิงห์ผู้หญิงก็ต้องอยากเข้าหา”
“ฉันไม่สนใจใครนอกจากเธอหรอก” พอเขาพูดออกมาแบบนั้น เด็กสาวที่นั่งหน้าบึ้งตึงอยู่ก่อนหน้านี้ก็ค่อย ๆ ยิ้มออกมา
“พูดแบบนี้หนูเขินนะ”
“งั้นต่อไปจะไม่พูด”
“ไม่เอา หนูอยากได้ยินสิงห์พูดแบบนี้บ่อย ๆ “
“งั้นก็อย่าดื้อ กินเค้กให้หมดจะได้กลับบ้าน ฉันจะได้ไปทำงาน”
“สิงห์อยากไปทำงานก็ไปสิ หนูจะอยู่กับคุณแม่”
“ใช่ลูก เราอยากจะไปทำงานก็ไปสิ เดี๋ยวแม่จะคุยเล่นกับหนูยาหยีต่อ”
“อยู่กับแม่ฉันก็อย่าดื้อมาก”
“หนูไม่เคยดื้อกับคุณแม่นะ อย่าใส่ร้ายหนูสิ”
“จริงลูก เราอย่าใส่ร้ายน้องสิตาสิงห์ หนูยาหยีอยู่กับแม่ไม่เคยดื้อสักครั้ง”
“แม่ก็อย่าตามใจเด็กนี่มาก เดี๋ยวจะเสียคนเอา”
พอเขาพูดออกไปแบบนั้น เด็กสาวจากที่ยิ้มแย้มอยู่ก็เริ่มหน้าบึ้งตึงเหมือนเก่า พร้อมกับขยับไปกอดแม่ของเขาไว้แน่น ส่วนแม่ของเขาพอเห็นเด็กสาวเหมือนจะร้องไห้ก็กอดปลอบกันไป จนเขาที่กำลังนั่งมองอยู่รู้สึกเหมือนตัวเองควรจะไปจากตรงนี้ได้แล้ว
“ไปเลยนะพ่อตัวดี”
“งั้นผมไปก่อนนะครับ ฉันไปแล้วนะ”
เขาบอกลาแม่ของตัวเองกับแฟนสาวพร้อมกับรีบเดินออกมาจากบ้านเพื่อจะไปสนามแข่งรถของตัวเอง