ปิ่นปัก...
"แม่ขาน้องไม่อยากไปโรงเรียน ฮึก ฮึก ฮือออออ"
"ทำไมเหรอคะบอกแม่ๆได้มั้ยคะ"
"เพื่อนของน้องเค้าว่าน้องไม่มีพ่อค่า ฮึก ฮึก แม่ขาพ่อน้องอยู่ไหนเหรอค๊า ทำไมน้องไม่มีพ่อเหมือนคนอื่น" ฉันดึงลูกเข้ากอดปลอบเพราะไม่คิดว่าลูกจะเจอคำถามแบบนี้ทั้งที่อายุแค่สามขวบกว่า
"พ่อของน้องอยู่บนฟ้าค่ะ" ฉันจำใจต้องโกหกลูกเพราะไม่รู้จะตอบแกว่ายังไงที่ผ่านมาแกไม่เคยถามเรื่องนี้กับฉันเลย ฉันผิดเองที่ไม่เคยพูดเรื่องพ่อให้แกฟัง
"ฮึก ฮึก พ่อน้องอยู่บนฟ้าเหรอค๊า"
"ใช่ค่ะ"
"ฮึก ฮึก ถ้าอย่างงั้นน้องบอกเพื่อนๆว่าพ่อของน้องอยู่บนฟ้าใช่มั้ยค๊าาา"
"ใช่ค่ะ^^" ฉันตอบลูกพร้อมกับเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เรื่องนี้ฉันคงต้องไปคุยกับคุณครูที่สถานรับเลี้ยงเด็กเพราะฉันไม่อยากให้ลูกร้องไห้อีกถ้าถูกถามถึงพ่อของแก
.......................................
"ยังไงครูจะช่วยดูให้นะคะคุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วง"
"ขอบคุณค่ะ" ฉันขอบคุณคุณครูหลังจากเล่าทุกอย่างให้ฟัง ฉันหวังว่าจะไม่มีใครมาล้อหรือถามแกอีก
ชานนท์....
ในที่สุดผมก็ต้องกลับมาไทยทั้งที่ไม่ได้อยากจะกลับ พอลงเครื่องที่เชียงใหม่ผมก็ขับรถมาที่จังหวัดลำปางทันทีทั้งๆที่ผมตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะไม่สนใจอะไรเกี่ยวกับปิ่นปักและ..เด็กคนนั้นเพราะผมบอกไปแต่แรกแล้วว่าไม่ต้องการ แต่เพราะคุณลุงทนายคะยั้นคะยอให้ผมมาให้ได้ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ที่ผมมาเพราะผมอยากตัดความรำคาญคิดว่ามาให้มันจบๆไปซะ
ผมขับรถมาตามแผนที่ๆลุงทนายส่งมาจนกระทั่งมาถึงหน้าบ้านไม้เก่าๆหลังหนึ่ง ถ้าให้เดาน่าจะเป็นบ้านที่ปิ่นปักอาศัยอยู่ ผมนั่งรอบนรถสักพักประตูรั้วก็เปิดออกจากคนด้านในปิ่นปักเดินออกมากับเด็กน้อยคนนึง ผมขับรถตามไปห่างๆจนมาถึงสถานรับเลี้ยงเด็กซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่ พอมาถึงก็มีคุณครูเดินออกมารับแต่ดูเหมือนเด็กน้อยไม่อยากเข้าไปแกกอดขาคนเป็นแม่เอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยพร้อมกับร้องไห้ลั่น ผมไม่รู้เป็นอะไรพอได้ยินเสียงแกร้องไห้ใจผมรู้สึกหน่วงๆอย่างบอกไม่ถูก ผมนั่งรออยู่บนรถจนกระทั่งเด็กน้อยถูกอุ้มเข้าไปข้างในส่วนปิ่นปักก็รีบเดินออกมาเหมือนไม่ต้องการให้เด็กเห็น ผมใช้เวลาอยู่บนรถอีกสักพักก่อนจะเปิดประตูลงไป
"ประทานโทษนะคะไม่ทราบว่ามาติดต่อเรื่องอะไรคะ"
"เอ่อ คือผม เอ่อคือ"
"หรือว่าจะมาดูโรงเรียนให้ลูกคะ ที่นี่เรารับเด็กก่อนวัยเรียนไม่ทราบว่าลูกของคุณอายุเท่าไหร่คะ"
"ผม..ไม่มีลูกครับ คือผมแค่อยากจะมาดูให้หลานน่ะอายุน่าจะประมาณสามขวบ"
"อ่อ ได้ค่ะที่นี่เรารับตั้งแต่อายุหนึ่งขวบถึงสามขวบ"
"ผมขอเข้าไปดูด้านในได้มั้ยครับ"
"ได้ค่ะแต่คงต้องดูอยู่ข้างนอกห้องเรียนนะคะเราไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าไปข้างในห้องเรียนเพื่อความปลอดภัยของเด็ก"
"ได้ครับ"
"ถ้าอย่างงั้นเชิญทางนี้ค่ะ" ผมเดินตามคุณครูเข้าไปข้างในซึ่งพอเข้ามาก็ได้ยินเสียงเด็กเล็กๆคุยกันเล่นกันเสียงดังบางคนก็ยังร้องไห้ รวมถึงเด็กหญิงตัวน้อยที่เป็นสาเหตุให้ผมต้องบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงที่นี่ที่ตอนนี้แกก็ยังไม่หยุดร้องไห้ผมเห็นนั่งกอดตุ๊กตาอยู่คนเดียวตรงมุมห้อง ผมมองหน้าแกและเหมือนแกจะรู้ว่าผมมองอยู่แกก็จ้องหน้าผมตาไม่กะพริบซึ่งใบหน้าของแกตอนนี้มีแต่คราบน้ำตาเต็มสองแก้ม ใจผมหล่นวูบอีกแล้วไม่รู้เป็นอะไรทั้งที่บอกกับตัวเองมาตลอดว่าผมไม่ต้องการเด็กคนนี้
"เด็กคนนั้นร้องไห้ไม่หยุดไม่มีใครปลอบเลยเหรอครับ"
"ปลอบก็ไม่หยุดค่ะเราก็เลยปล่อยให้ร้องจนพอใจเดี๋ยวแกก็หยุดร้องเอง"
"แล้วแกร้องทำไมเหรอครับ"
"แกไม่อยากมาโรงเรียนน่ะค่ะเพราะถูกเพื่อนล้อ"
"ล้อเรื่องอะไรครับ"
"แกไม่มีพ่อน่ะค่ะเด็กในห้องก็พากันล้อ ตอนนี้ก็ให้คุณครูประจำชั้นเข้าไปเตือนเด็กๆคนอื่นๆว่าไม่ให้ล้อเพื่อนแต่ก็อย่างว่าแล่ะค่ะเด็กอะเนอะเค้าไม่รู้ว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูดพอลับหลังครูก็ล้อเพื่อนอีกคุณครูประจำชั้นก็เลยแยกแกออกมาให้นั่งอยู่คนเดียวตรงนั้น" ผมฟังคุณครูพูดโดยที่สายตายังจับจ้องไปที่เด็กน้อยไม่วางตา
"ผมขอเข้าไปคุยกับแกได้มั้ยครับ"
"อย่าเลยค่ะปล่อยแกไว้แบบนั้นแล่ะ ฉันว่าเราไปดูตรงส่วนอื่นกันดีกว่ามั้ยคะ"
"คุณเป็นครูแต่ทำไมถึงปล่อยให้เด็กนั่งอยู่คนเดียวแบบนั้นผมคิดว่าควรจะมีคุณครูสักคนเข้าไปปลอบแกนะครับ" ผมอดไม่ได้ที่จะพูด
"ถ้ามัวแต่โอ๋เด็กคนเดียวคุณครูก็คงไม่มีเวลาไปสอนเด็กคนอื่นแล้วค่ะ" ผมมองหน้าเด็กน้อยที่ยังร้องไห้ไม่หยุดตั้งแต่ผมเดินเข้ามาข้างใน ผมอยากจะด่าคนเป็นแม่ว่าทำไมไม่หาโรงเรียนดีๆให้ลูก คนเป็นแม่จะรู้ไหมว่าเขาปล่อยให้ลูกตัวเองนั่งร้องไห้แบบนี้โดยไม่สนใจใยดี
"แบบนี้ถ้าเกิดผมพาหลานมาเรียนแล้วหลานผมร้องไห้หลานผมก็คงไม่ต่างจากเด็กน้อยคนนั้นสินะ" ผมย้อมถามกลับไปอย่างเหลืออดก่อนจะเดินไปหาเด็กน้อย
"คนเก่งร้องไห้ทำไมครับ" เป็นคำถามแรกที่ผมถาม...ลูก
"ฮึก ฮึก น้องอยากกลับบ้านน้องอยากไปหาแม่ ฮึก ฮึก ฮืออ ฮืออออ"
"อยู่โรงเรียนไม่สนุกเหรอครับ"
"ไม่สนุกค่า เพื่อนน้องว่าน้องไม่มีพ่อ ฮือออ ฮือออ"
"แล้ว...พ่อของน้องอยู่ไหนครับ" ผมอยากรู้ว่าปิ่นปักบอกลูกว่ายังไง
"ฮึก ฮึก แม่บอกว่าพ่อของน้องอยู่บนฟ้าค่า ฮึก ฮึก" แกชี้ขึ้นไปบนฟ้าพร้อมสะอื้นไม่หยุดในมือก็ถือตุ๊กตาแนบอก
"ไม่ร้องแล้วนะครับคนเก่ง หยุดร้องนะครับ" ผมเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้ลูก เป็นครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสลูกลูกที่ผมไม่คิดว่าจะมี ลูกที่ผมไม่เคยต้องการ ลูกที่ผมเคยให้แม่ของแกทำร้ายแก
"ฮึก ฮึก คุณลุงบอกให้แม่มารับน้องได้มั้ยค๊าา ฮึก ฮึก น้องคิดถึงแม่ ฮึก ฮึก" เด็กน้อยลุกขึ้นยืนแล้วเกาะขาผมด้วยสายตาอ้อนวอนขอร้อง
"น้องปันปันอย่าดื้อค่ะไปเข้าห้องเรียนได้แล้ว" คุณครูคนเดิมเดินมาดึงตัวแกไปด้วยสีหน้าไม่พอใจก่อนจะพาเข้าไปในห้องเรียนซึ่งแกก็เดินตามไปแต่โดยดี แกหันหลังกลับมามองผมทั้งน้ำตา ผมอดสงสารลูกไม่ได้ก็เลยเดินตามไปดูเผื่อว่าแกจะหยุดร้องแต่เปล่าเลยพอแกเดินเข้าไปในห้องเรียนแกก็ถูกเด็กคนอื่นในห้องล้อว่าลูกไม่มีพ่ออีก บางคนก็มาแย่งตุ๊กตาในมือของแกไปพอแกจะแย่งคืนก็ถูกผลักจนล้มผมรีบเดินเข้าไปอุ้มลูกทันที ผมไม่รู้ว่าพ่อแม่ของเด็กพวกนี้สั่งสอนลูกตัวเองยังไงให้แกล้งเพื่อนแบบนี้
ผมสั่งกับคุณครูโทรเรียกปิ่นปักมารับลูกเพราะถ้าไม่มารับผมจะรับแกกลับเอง ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรแล้วทั้งนั้นผมสงสารลูกอย่างเดียวถึงแม้ว่าแกจะเป็นลูกที่ผมไม่เคยต้องการก็ตาม
ปิ่นปัก...
"อะไรนะคะ ได้ค่ะได้ เดี๋ยวปิ่นจะรีบไปรับลูกค่ะ" หลังจากที่ฉันได้รับโทรศัพท์จากคุณครูของลูกฉันก็รีบลางานทันที ตอนนี้ฉันห่วงลูกมากและไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้แล้วเขาเข้าไปเจอลูกได้ยังไง พอฉันมาถึงโรงเรียนของลูกฉันก็เจอกับคนที่ฉันไม่คิดว่าจะได้เจอเขาอีกในชาตินี้ พอเขาเจอหน้าฉันเขาก็เดินเข้ามาใกล้และพูดคำพูดที่ทำให้ฉันรู้สึกแย่
"หึ ปล่อยให้ตัวเองท้องแต่ไม่มีปัญญาเลี้ยงลูกให้ดีไม่มีปัญญาหาโรงเรียนดีๆให้ลูกเรียนเธอรู้ไหมว่าลูกต้องเจอกับอะไรบ้าง"