หลังจากที่เขาได้ข้อมูลของเธอเรียบร้อยแล้ว ตกเย็นเขาก็ขับรถไปยังที่พักของเธอทันที จริงๆ เขาจะมาหาหญิงสาวตั้งแต่ที่ได้รับข้อมูลจากบอดี้การ์ดของเขาแล้วล่ะ แต่เธอต้องทำงานที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งจนถึงห้าโมงเย็น เขาจึงรอให้หญิงสาวเลิกงานก่อนค่อยมาทำการตกลงกับเธอ
“เธอเสร็จฉันแน่ พะพาย บังอาจทำให้ฉันต้องขายหน้า”
รถสปอร์ตแลมโบกินี่สีดำจอดสนิทอยู่ที่หน้าอพาร์ทเม้นท์ พร้อมกุญแจเข้าห้องของหญิงสาว
ทำไมเขาจึงได้กุญแจของห้องเธอนะเหรอ ก็เพราะอำนาจเงินยังไงล่ะ
แอดดดดด!!!
เขาค่อยๆ เปิดประตูและนั่งรอที่ห้องที่ห้องของหญิงสาว ระหว่างที่นั่งรอ เขาก็สังเกตุรอบๆ ห้อง ปรากฏว่า ภายในห้องของเธอนั้นมีเพียงแค่เตียงนอน ตู้เสื้อผ้าเก่าๆ น่าจะเป็นของอพาร์ทเม้นท์ที่เธออยู่ มีมุมอ่านหนังสือเล็กๆ อยู่หน้าระเบียง มีกาต้มน้ำร้อน และมาม่าเต็มไปหมด ‘เธออาศัยอยู่ในห้องแคบๆ เท่ารูหนูได้ยังไงกัน??”
“น่าสมเพชสิ้นดียังต้องกินมาม่าประทังชีวิตอีก คงจะลำบากมากจริงๆ สินะ??”
แต่เขาก็ไม่ได้แคร์มาก เพราะว่าสิ่งที่เขาต้องการนั้นแค่ตัวของเธอเท่านั้นแหละ
เขาเดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่มุมอ่านหนังสือของเธอ พร้อมเหลือบมองดูนาฬิการุ่นอันลิเต็ดสุดแพงของเขาเพื่อดูเวลา
“นี่ก็เป็นเวลาเลิกงานของเธอแล้วสินะ อีกไม่นานเธอคงจะกลับมา”
เขานั่งรอและยิ้มอย่างมีชัยชนะ เมื่อทุกอย่างที่เขาต้องการมันสุดแสนจะง่ายดาย เหมือนทุกอย่างที่เขาจะต้องได้นั่นมันอยู่ในกำมืออยู่แล้ว เพียงแค่ต้องรอเวลา
17.45 น.
แกร๊กกก!!! แอด!!!
หญิงสาวค่อยๆ เปิดประตูเข้าในห้องของตัวเองอย่างคุ้นเคย วันนี้เธอไม่ค่อยเหนื่อยมากเพราะว่าวันนี้เธอไม่ต้องทำงานที่ผับต่อ ช่างเป็นวันที่แสนเบื่อของเธออีกวัน เธอจะต้องพักงานอีกหนึ่งเดือนกว่าจะได้ทำงานที่ผับต่อ เพราะฉะนั้นวันนี้เธอจะเปิดอินเตอร์เน็ตดูและจะหาสมัครงานพาร์ทไทม์อีกสักหนึ่งงานระหว่างที่รอกลับไป เพราะเธอนั้นแอบเสียดายที่ไม่ได้ทำงานที่ผับนั้นตั้งหนึ่งเดือน เพียงแค่เธอทำงานไม่กี่วันก็ทำให้กระปุกออมสินของเธอนั้นเกือบจะเต็มแล้ว ‘หางานทิปดีๆ แบบนี้ได้จากที่ไหนอีกนะ เห้อ!!!’
เธอค่อยๆ เดินเข้ามาในห้องและแขวนกระเป๋าของเธอตรงข้างประตู ถอดรองเท้าวางไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และหันหน้าเดินเข้ามาในห้อง แต่จู่ๆ เธอก็พบกับชายหนุ่มเมื่อคืนที่เธอไม่อยากเจอหน้าเขาอีก แต่สิ่งที่หน้าตกใจมากกว่าคือ เขามาอยู่ในห้องเธอได้อย่างไร
“คุณ!!! คุณเข้ามาในห้องของฉันได้ยังไง??”
“หึ ก็ไขกุญแจเข้ามานะสิ”
“คุณฉันถามดีดี อย่ามาพูดจากวนประสาทฉันนะ”
“ก็อำนาจเงินของฉันยังไงละ”
“ออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ”
“เธอก็คงจะรู้ว่าคนอย่างฉัน ตำรวจนั้นทำอะไรฉันไม่ได้”
“คุณต้องการอะไร??” หญิงสาวถามชายหนุ่มอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะเธอนั้นรู้สึกว่าการอยู่ใกล้เขานั้นอันตรายยิ่งนักต้องทำให้เขาออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด
“ฉันก็ต้องการตัวเธออย่างไงละ”
“ฉันบอกคุณไปแล้ว...ว่าฉันไม่ได้ขาย...”
“แต่ฉันจะ...เอา”
“นี่คุณทำไมคุณพูดจาไม่รู้เรื่อง ออกไปจากห้องของฉันเดี๋ยวนี้นะ”
ชายหนุ่มค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้และเอามือกอดอกอย่างสบายใจ
“ฉันได้ยินมาว่าแม่ของเธอกำลังป่วยหนักอยู่ที่โรงพยาบาลและต้องใช้เงินรักษาจำนวนมาก ฉันคิดว่าเธอคงจะตอบคำถามที่ฉันถามได้ดีกว่านี้นะ”
“ไม่จริง แม่ของฉันสบายดี” หญิงสาวเริ่มกังวลใจแปลกๆ เมื่อไม่กี่วันก่อนเธอยังคุยกับพ่อและแม่ของเธอก็ยังสบายดี หรือว่าท่านทั้งสองโกหกเธอ
“ดูนี่ซะ!!” ชายหนุ่มยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลหญิงสาวอย่างใจเย็น เธอค่อยๆ หยิบมาจากมือของชายหนุ่ม และค่อยๆ เปิดออกมา ภายในซองนั้นเป็นเอกสารที่แสดงการรักษาตัวของแม่เธอและระบุว่าแม่ของเธอนั้นป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย พร้อมรูปถ่ายที่ตอนนี้แม่ของเธอนั้นอยู่ที่โรงพยาบาล
“ฉันให้เวลาเธอคิดเพียงแค่ 3 วัน หลังจากนั้นฉันจะมาเอาคำตอบจากเธอ”
“อ๋อ และตอนนี้ฉันได้สั่งให้คนของฉันพาแม่เธอไปรักษาตัวโรงพยาบาลที่ดีที่สุดแล้ว เพียงแค่รอคำตอบจากเธอว่าจะตกลงหรือไม่ ถ้าตกลงฉันจะจ่ายค่ารักษาให้แม่ของเธอต่อ แต่ถ้าไม่การรักษาโรงพยาบาลเอกชนที่ฉันจ่ายจะยุติการรักษาทันที”
หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจเป็นอย่างมาก แม่ของเธอป่วยขนาดนี้ทำไมเธอจึงไม่รู้
“คุณทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร??”
“ก็เพราะว่าฉัน...อยากได้เธอมาเป็นนางบำเรออย่างไงล่ะ”