“ค่ายอพยพงั้นหรือ เราไปดูกันเถอะ”
“หยุนเฟย เจ้า…แน่ใจนะว่าจะไป”
“ท่านน้า ท่านเอาแต่ถามเช่นนี้อีกแล้ว ท่านน่าจะมองข้าใหม่ได้แล้วนะเจ้าคะ ข้าใช้ชีวิตกับท่านมาหลายเดือนแล้วท่านก็น่าจะรู้ว่าข้าน่ะเปลี่ยนไปแล้ว”
“อืม เช่นนั้นเราก็ไปกันเถอะ”
หยุนเฟยเดินเข้าไปยิ่งใกล้ก็ยิ่งเห็นว่ามีทั้งเด็ก คนแก่ และคนไร้บ้านมากมายที่มายืนรออาหารที่ทางการจัดเอาไว้ ซึ่งดูแล้วก็ไม่น่าจะเพียงพอกับพวกเขา
นางจำได้ว่าในนิยายเคยพูดถึงเรื่องพวกนี้ก่อนที่เจ้าของร่างจะตาย เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่พระรองอย่างแม่ทัพ “ฉินเกาหาน” พบกับนางเอกแสนดีที่มาแจกจ่ายอาหารและยาให้คนอพยพ
นางเป็นหลานสาวเสนาบดีนามว่า “ฟ่งลี่เซียน” ซึ่งแน่นอนว่าพระรองตกหลุมรักนางในทันที แต่หลังจากที่นางเอกพบพระเอกในวังงานเลี้ยงชมดอกท้อ ก็ตกหลุมรักพระเอกอีกเช่นกัน
“ข้าหิว ท่านพี่ ท่านป้า ข้าขอข้าวหน่อย”
“เด็กน้อย เหตุใดเจ้าถึงได้....อาหง เอาเงินไปซื้อหมั่นโถวมาให้เด็กทีเร็ว ๆ เข้า”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
เมื่อมาหนึ่งคน เด็กอีกหลายคนที่เหลือก็เริ่มวิ่งมาที่หยุนเฟย นางนึกไม่ถึงว่าจะถูกล้อมด้วยผู้คนจนเริ่มหันไปไหนไม่ได้
“หยุนเฟย”
“ท่านน้า อาเม่ย”
“พี่ใหญ่ เดินออกมาเจ้าค่ะ”
“ท่านน้า ออกไปก่อน ข้า….”
เสียงม้าวิ่งเข้ามาพร้อมกับกองทหารที่ทำให้ผู้คนถอยออกจากตัวนางไป เมื่อผู้คนเริ่มถอย ฟางหยุนเฟยจึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมามองผู้ที่อยู่บนหลังอาชาสีน้ำตาลในชุดเกราะสีเงินที่ดูองอาจและรูปงามตรงหน้า ทหารองครักษ์วิ่งมาพร้อมกับคำนับให้เขาเพื่อทำความเคารพ
“ท่านแม่ทัพฉิน”
“เหตุใดจึงเกิดเรื่องขึ้นที่นี่”
“อาหารที่ทำมาไม่พอแจกจ่าย เด็กเล็กเข้าไม่ถึงอาหารที่พวกเขาแจกจ่าย คนโตเข้าไปง่ายกว่าเด็กจึงไม่มีโอกาส…ได้รับอาหาร”
หยุนเฟยพูดออกมาอย่างยากลำบาก อี้เหนียงและหลีเม่ยวิ่งมาพยุงนางด้วยความเป็นห่วง
“หยุนเฟย เจ้าบาดเจ็บหรือไม่”
“พี่ใหญ่ ตัวท่านเปื้อนฝุ่นหมดแล้วเจ้าคะ่”
“ท่านน้า อาเม่ยข้าไม่เป็นไร ท่านก็คือ…”
“ข้าคือแม่ทัพฉิน ฉินเกาหาน แม่นางคือ…คุณหนูฟาง ท่านก็คือฟางฮูหยิน ขออภัยที่ข้าเสียมารยาท ข้าเพียงแค่อยากให้พวกเขาถอยไม่คิดว่าจะทำให้ท่านบาดเจ็บ”
เสียงของเขาและใบหน้าของแม่ทัพหนุ่มตรงหน้าและชื่อที่เขาบอกมาทำให้ฟางหยุนเฟยหันไปมองด้วยรอยยิ้มทันที เขานี่แหละพระรองในฝันที่นางชื่นชอบที่สุดในนิยายเรื่องนี้
แม้ว่าเขาจะรักนางเอกมากแต่ก็ยอมอยู่เงียบ ๆ และรักนางคอยช่วยเหลือนางโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ในงานแต่งงานของนางเอก เขาก็แสดงความยินดีด้วยใจจริงก่อนจะขอย้ายตัวเองไปยังชายแดนตะวันออกเพื่อลดข้อขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
“หล่ออะไรอย่างนี้”
“พี่ใหญ่”
“อ้อ ขอบคุณท่านแม่ทัพที่ช่วยเหลือ แต่ว่า….”
หยุนเฟยลืมเรื่องสำคัญไป นางหันไปมองเด็ก ๆ ที่ไม่กล้าเดินเข้ามาใกล้แล้วปวดหัวใจยิ่งนัก เมื่ออาหงวิ่งมาพร้อมกับหมั่นโถวเพียงสิบลูก ซึ่งไม่เพียงพอกับจำนวนของเด็กที่เหลืออยู่ นางจึงเดินเอาถุงเงินไปที่อาหง
“อาหงเจ้าเอานี่ไป ไปซื้อของกินมาให้พวกเขา ท่านแม่ทัพ ข้าอยากจะขอรบกวนท่าน ขอทหารของท่านโปรดช่วย….”
“คุณหนูฟางช่างมีน้ำใจ ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง เพียงแต่ว่าเงินของท่าน....”
“ขอให้ข้าได้ทำเรื่องนี้เถิด ท่านโปรดพาทหารตามคนของข้าไปเพื่อรับอาหารมาให้เด็ก ๆ ได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ได้ เช่นนั้น พวกเจ้าได้ยินแล้วนะ ตามแม่นางไป อย่าให้ขาดตกบกพร่อง พวกเจ้าสามคน เรียกเด็ก ๆ ที่เหลือมารวมกันทางนี้เพื่อรอรับอาหาร”
""ขอรับ""
ใช้เวลาเพียงไม่นาน อาหงและพวกทหารก็กลับมาพร้อมกับอาหารหลากหลายที่ซื้อมาเพื่อแจกเด็ก ๆ อี้เหนียงและอาเม่ยพร้อมกับหยุนเฟยยืนช่วยแจกอาหารกับเหล่ากองทัพของฉินเกาหาน
แม่ทัพหนุ่มมองนางด้วยความชื่นชม หลังจากที่ช่วยนางขึ้นมาจากสระครั้งก่อน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เคยได้ยินข่าวของนางอีกเลย ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ ชื่อเสียงที่ไม่ดีของนางดังไปทั่วเมืองหลวง แต่นางที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้า ที่ยิ้มให้เด็ก ๆ และถึงขั้นใช้ผ้าเช็ดฝุ่นที่หน้าของเด็ก ๆ ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มนั่นทำให้เขานึกไม่ถึง
“ท่านอ๋อง นั่น….คุณหนูฟางและฮูหยินพ่ะย่ะค่ะ”
“พวกนางมาทำอะไรที่นี่”
“ดูเหมือนว่าพวกนาง…จะมาแจกอาหารให้เด็กนะพ่ะย่ะค่ะ นั่นท่านแม่ทัพฉิน แม่ทัพฉินเกาหานผู้นี้มิใช่หรือที่ช่วยนางขึ้นมาจากที่นางตกสระในครั้งก่อน”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ เป็นเขางั้นหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ หรือว่าที่นางทำไปทั้งหมดนี่ก็เพราะ…..จะเข้าหาท่านแม่ทัพฉินผู้นี้ นางช่างตาแหลมยิ่งนัก”
“เหตุใดของถึงไม่พอแจกจ่ายผู้อพยพ ผู้ใดที่ดูแลเรื่องนี้”
“ดูเหมือนว่าจะเป็นเสนาบดีฟ่งนะพ่ะย่ะค่ะ”
“เห็นทีคงต้องตรวจสอบกันหน่อยแล้ว งบหลวงที่ส่งมามีเพียงพอต่อผู้อพยพ แต่เหตุใดจึงปล่อยให้เกิดจลาจลจนเกือบทำให้นาง….ทำให้ผู้คนบาดเจ็บได้”
“ท่านอ๋อง พระองค์ทรงสนใจเรื่องของแม่นางฟางผู้นั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ใครบอกเจ้า!! ข้าแค่….สงสัยว่าจะมีการทุจริตเท่านั้น รีบกลับไปสืบเรื่องนี้มา ได้เรื่องเช่นไรรีบมารายงานข้า”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เขายืนมองที่ฟางหยุนเฟยที่หันไปคุยกับแม่ทัพฉินด้วยรอยยิ้มนั่นอย่างนึกหงุดหงิดเล็กน้อย นี่นางบอกเลิกงานหมั้นกับเขาเพียงเพราะบุรุษผู้นี้จริง ๆ งั้นหรือ
“หึ สุดท้ายเจ้าก็คงไม่ได้ต่างไปจากเดิมสินะฟางหยุนเฟย”
ค่ายอพยพ
“ขอบคุณคุณหนูฟางและฮูหยินที่วันนี้ออกหน้ามาช่วยเด็ก ๆ ข้าละอายใจนักที่รับดูแลเรื่องนี้แต่มิอาจดูแลความเรียบร้อยอย่างทั่วถึงได้จึงทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้”
“ท่านแม่ทัพอย่าได้โทษตัวเองเลยเจ้าค่ะ หากมีสิ่งใดที่สกุลฟางช่วยได้ข้าก็ยินดีเจ้าค่ะ เด็กเหล่านี้น่าสงสารยิ่งนัก บางคนขาดพ่อแม่บางคนพ่อแม่พึ่งเสียในค่ายอพยพนี่ บางคนก็เป็นเด็กกำพร้าเพราะสงคราม”
“ที่จริงเรื่องนี้ข้าเองก็ไม่เข้าใจ จัดงบเพื่อมาช่วยเท่าไหร่ก็ดูเหมือนจะไม่เพียงพอกับพวกเขา แม้แต่อาหารก็ดูจะน้อยลงจนน่าแปลกใจ”
“เหตุใดท่านจึงไม่ตรวจสอบเล่าเจ้าคะ”
“พวกข้ากำลังเร่งตรวจสอบกันอยู่ขอรับ แต่ดูเหมือนจำนวนผู้อพยพจะมีมากขึ้นจนน่าตกใจ ราวกับว่ามีการบอกต่อว่าที่นี่แจกจ่ายอาหาร ก็เลย….เกิดเหตุการณ์เช่นนี้”
“เข้าใจแล้ว เช่นนั้นท่านน้า ข้าอยากจะทำอะไรบางอย่าง”
“หยุนเฟย เจ้าคิดจะทำสิ่งใดงั้นหรือ”
“ข้ารู้ พี่ใหญ่อยากจะมาแจกจ่ายอาหารที่นี่ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“น้องพี่ เจ้านี่รู้ใจข้าที่สุด ใช่เจ้าค่ะท่านน้า จะพอ…เป็นไปได้หรือไม่”
“หยุนเฟย เรื่องใหญ่ขนาดนี้เจ้าต้องปรึกษาท่านพ่อเจ้าก่อนนะ การเบิกเงินก้อนใหญ่ขนาดนั้นเราคงต้องกลับไปคุยกันก่อนถึงจะตกลงได้”
“ท่านน้า ท่านลืมไปแล้วงั้นหรือเจ้าคะว่าข้าน่ะ มีเงินมากโขอยู่นะ”
“เจ้ากำลังจะบอกว่า….”
“ข้าจะเอาของที่ข้าไม่ใช้ที่เหลือนั่นมาขายทั้งหมดเพื่อจะช่วยผู้อพยพที่นี่เจ้าค่ะ”