ตอนที่ 8 พระรองของฉัน

1362 Words
“ค่ายอพยพงั้นหรือ เราไปดูกันเถอะ” “หยุนเฟย เจ้า…แน่ใจนะว่าจะไป” “ท่านน้า ท่านเอาแต่ถามเช่นนี้อีกแล้ว ท่านน่าจะมองข้าใหม่ได้แล้วนะเจ้าคะ ข้าใช้ชีวิตกับท่านมาหลายเดือนแล้วท่านก็น่าจะรู้ว่าข้าน่ะเปลี่ยนไปแล้ว” “อืม เช่นนั้นเราก็ไปกันเถอะ” หยุนเฟยเดินเข้าไปยิ่งใกล้ก็ยิ่งเห็นว่ามีทั้งเด็ก คนแก่ และคนไร้บ้านมากมายที่มายืนรออาหารที่ทางการจัดเอาไว้ ซึ่งดูแล้วก็ไม่น่าจะเพียงพอกับพวกเขา นางจำได้ว่าในนิยายเคยพูดถึงเรื่องพวกนี้ก่อนที่เจ้าของร่างจะตาย เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่พระรองอย่างแม่ทัพ “ฉินเกาหาน” พบกับนางเอกแสนดีที่มาแจกจ่ายอาหารและยาให้คนอพยพ นางเป็นหลานสาวเสนาบดีนามว่า “ฟ่งลี่เซียน” ซึ่งแน่นอนว่าพระรองตกหลุมรักนางในทันที แต่หลังจากที่นางเอกพบพระเอกในวังงานเลี้ยงชมดอกท้อ ก็ตกหลุมรักพระเอกอีกเช่นกัน “ข้าหิว ท่านพี่ ท่านป้า ข้าขอข้าวหน่อย” “เด็กน้อย เหตุใดเจ้าถึงได้....อาหง เอาเงินไปซื้อหมั่นโถวมาให้เด็กทีเร็ว ๆ เข้า” “เจ้าค่ะคุณหนู” เมื่อมาหนึ่งคน เด็กอีกหลายคนที่เหลือก็เริ่มวิ่งมาที่หยุนเฟย นางนึกไม่ถึงว่าจะถูกล้อมด้วยผู้คนจนเริ่มหันไปไหนไม่ได้ “หยุนเฟย” “ท่านน้า อาเม่ย” “พี่ใหญ่ เดินออกมาเจ้าค่ะ” “ท่านน้า ออกไปก่อน ข้า….” เสียงม้าวิ่งเข้ามาพร้อมกับกองทหารที่ทำให้ผู้คนถอยออกจากตัวนางไป เมื่อผู้คนเริ่มถอย ฟางหยุนเฟยจึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมามองผู้ที่อยู่บนหลังอาชาสีน้ำตาลในชุดเกราะสีเงินที่ดูองอาจและรูปงามตรงหน้า ทหารองครักษ์วิ่งมาพร้อมกับคำนับให้เขาเพื่อทำความเคารพ “ท่านแม่ทัพฉิน” “เหตุใดจึงเกิดเรื่องขึ้นที่นี่” “อาหารที่ทำมาไม่พอแจกจ่าย เด็กเล็กเข้าไม่ถึงอาหารที่พวกเขาแจกจ่าย คนโตเข้าไปง่ายกว่าเด็กจึงไม่มีโอกาส…ได้รับอาหาร” หยุนเฟยพูดออกมาอย่างยากลำบาก อี้เหนียงและหลีเม่ยวิ่งมาพยุงนางด้วยความเป็นห่วง “หยุนเฟย เจ้าบาดเจ็บหรือไม่” “พี่ใหญ่ ตัวท่านเปื้อนฝุ่นหมดแล้วเจ้าคะ่” “ท่านน้า อาเม่ยข้าไม่เป็นไร ท่านก็คือ…” “ข้าคือแม่ทัพฉิน ฉินเกาหาน แม่นางคือ…คุณหนูฟาง ท่านก็คือฟางฮูหยิน ขออภัยที่ข้าเสียมารยาท ข้าเพียงแค่อยากให้พวกเขาถอยไม่คิดว่าจะทำให้ท่านบาดเจ็บ” เสียงของเขาและใบหน้าของแม่ทัพหนุ่มตรงหน้าและชื่อที่เขาบอกมาทำให้ฟางหยุนเฟยหันไปมองด้วยรอยยิ้มทันที เขานี่แหละพระรองในฝันที่นางชื่นชอบที่สุดในนิยายเรื่องนี้ แม้ว่าเขาจะรักนางเอกมากแต่ก็ยอมอยู่เงียบ ๆ และรักนางคอยช่วยเหลือนางโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ในงานแต่งงานของนางเอก เขาก็แสดงความยินดีด้วยใจจริงก่อนจะขอย้ายตัวเองไปยังชายแดนตะวันออกเพื่อลดข้อขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต “หล่ออะไรอย่างนี้” “พี่ใหญ่” “อ้อ ขอบคุณท่านแม่ทัพที่ช่วยเหลือ แต่ว่า….” หยุนเฟยลืมเรื่องสำคัญไป นางหันไปมองเด็ก ๆ ที่ไม่กล้าเดินเข้ามาใกล้แล้วปวดหัวใจยิ่งนัก เมื่ออาหงวิ่งมาพร้อมกับหมั่นโถวเพียงสิบลูก ซึ่งไม่เพียงพอกับจำนวนของเด็กที่เหลืออยู่ นางจึงเดินเอาถุงเงินไปที่อาหง “อาหงเจ้าเอานี่ไป ไปซื้อของกินมาให้พวกเขา ท่านแม่ทัพ ข้าอยากจะขอรบกวนท่าน ขอทหารของท่านโปรดช่วย….” “คุณหนูฟางช่างมีน้ำใจ ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง เพียงแต่ว่าเงินของท่าน....” “ขอให้ข้าได้ทำเรื่องนี้เถิด ท่านโปรดพาทหารตามคนของข้าไปเพื่อรับอาหารมาให้เด็ก ๆ ได้หรือไม่เจ้าคะ” “ได้ เช่นนั้น พวกเจ้าได้ยินแล้วนะ ตามแม่นางไป อย่าให้ขาดตกบกพร่อง พวกเจ้าสามคน เรียกเด็ก ๆ ที่เหลือมารวมกันทางนี้เพื่อรอรับอาหาร” ""ขอรับ"" ใช้เวลาเพียงไม่นาน อาหงและพวกทหารก็กลับมาพร้อมกับอาหารหลากหลายที่ซื้อมาเพื่อแจกเด็ก ๆ อี้เหนียงและอาเม่ยพร้อมกับหยุนเฟยยืนช่วยแจกอาหารกับเหล่ากองทัพของฉินเกาหาน แม่ทัพหนุ่มมองนางด้วยความชื่นชม หลังจากที่ช่วยนางขึ้นมาจากสระครั้งก่อน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เคยได้ยินข่าวของนางอีกเลย ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ ชื่อเสียงที่ไม่ดีของนางดังไปทั่วเมืองหลวง แต่นางที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้า ที่ยิ้มให้เด็ก ๆ และถึงขั้นใช้ผ้าเช็ดฝุ่นที่หน้าของเด็ก ๆ ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มนั่นทำให้เขานึกไม่ถึง “ท่านอ๋อง นั่น….คุณหนูฟางและฮูหยินพ่ะย่ะค่ะ” “พวกนางมาทำอะไรที่นี่” “ดูเหมือนว่าพวกนาง…จะมาแจกอาหารให้เด็กนะพ่ะย่ะค่ะ นั่นท่านแม่ทัพฉิน แม่ทัพฉินเกาหานผู้นี้มิใช่หรือที่ช่วยนางขึ้นมาจากที่นางตกสระในครั้งก่อน” “เจ้าว่าอย่างไรนะ เป็นเขางั้นหรือ” “พ่ะย่ะค่ะ หรือว่าที่นางทำไปทั้งหมดนี่ก็เพราะ…..จะเข้าหาท่านแม่ทัพฉินผู้นี้ นางช่างตาแหลมยิ่งนัก” “เหตุใดของถึงไม่พอแจกจ่ายผู้อพยพ ผู้ใดที่ดูแลเรื่องนี้” “ดูเหมือนว่าจะเป็นเสนาบดีฟ่งนะพ่ะย่ะค่ะ” “เห็นทีคงต้องตรวจสอบกันหน่อยแล้ว งบหลวงที่ส่งมามีเพียงพอต่อผู้อพยพ แต่เหตุใดจึงปล่อยให้เกิดจลาจลจนเกือบทำให้นาง….ทำให้ผู้คนบาดเจ็บได้” “ท่านอ๋อง พระองค์ทรงสนใจเรื่องของแม่นางฟางผู้นั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ” “ใครบอกเจ้า!! ข้าแค่….สงสัยว่าจะมีการทุจริตเท่านั้น รีบกลับไปสืบเรื่องนี้มา ได้เรื่องเช่นไรรีบมารายงานข้า” “พ่ะย่ะค่ะ” เขายืนมองที่ฟางหยุนเฟยที่หันไปคุยกับแม่ทัพฉินด้วยรอยยิ้มนั่นอย่างนึกหงุดหงิดเล็กน้อย นี่นางบอกเลิกงานหมั้นกับเขาเพียงเพราะบุรุษผู้นี้จริง ๆ งั้นหรือ “หึ สุดท้ายเจ้าก็คงไม่ได้ต่างไปจากเดิมสินะฟางหยุนเฟย” ค่ายอพยพ “ขอบคุณคุณหนูฟางและฮูหยินที่วันนี้ออกหน้ามาช่วยเด็ก ๆ ข้าละอายใจนักที่รับดูแลเรื่องนี้แต่มิอาจดูแลความเรียบร้อยอย่างทั่วถึงได้จึงทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้” “ท่านแม่ทัพอย่าได้โทษตัวเองเลยเจ้าค่ะ หากมีสิ่งใดที่สกุลฟางช่วยได้ข้าก็ยินดีเจ้าค่ะ เด็กเหล่านี้น่าสงสารยิ่งนัก บางคนขาดพ่อแม่บางคนพ่อแม่พึ่งเสียในค่ายอพยพนี่ บางคนก็เป็นเด็กกำพร้าเพราะสงคราม” “ที่จริงเรื่องนี้ข้าเองก็ไม่เข้าใจ จัดงบเพื่อมาช่วยเท่าไหร่ก็ดูเหมือนจะไม่เพียงพอกับพวกเขา แม้แต่อาหารก็ดูจะน้อยลงจนน่าแปลกใจ” “เหตุใดท่านจึงไม่ตรวจสอบเล่าเจ้าคะ” “พวกข้ากำลังเร่งตรวจสอบกันอยู่ขอรับ แต่ดูเหมือนจำนวนผู้อพยพจะมีมากขึ้นจนน่าตกใจ ราวกับว่ามีการบอกต่อว่าที่นี่แจกจ่ายอาหาร ก็เลย….เกิดเหตุการณ์เช่นนี้” “เข้าใจแล้ว เช่นนั้นท่านน้า ข้าอยากจะทำอะไรบางอย่าง” “หยุนเฟย เจ้าคิดจะทำสิ่งใดงั้นหรือ” “ข้ารู้ พี่ใหญ่อยากจะมาแจกจ่ายอาหารที่นี่ใช่หรือไม่เจ้าคะ” “น้องพี่ เจ้านี่รู้ใจข้าที่สุด ใช่เจ้าค่ะท่านน้า จะพอ…เป็นไปได้หรือไม่” “หยุนเฟย เรื่องใหญ่ขนาดนี้เจ้าต้องปรึกษาท่านพ่อเจ้าก่อนนะ การเบิกเงินก้อนใหญ่ขนาดนั้นเราคงต้องกลับไปคุยกันก่อนถึงจะตกลงได้” “ท่านน้า ท่านลืมไปแล้วงั้นหรือเจ้าคะว่าข้าน่ะ มีเงินมากโขอยู่นะ” “เจ้ากำลังจะบอกว่า….” “ข้าจะเอาของที่ข้าไม่ใช้ที่เหลือนั่นมาขายทั้งหมดเพื่อจะช่วยผู้อพยพที่นี่เจ้าค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD