ตอนที่ 7
ทำความรู้จัก
“ถ้าคุณอธิปไม่ทานอะไรเรามาคุยกับเรื่องสัญญาเลยก็ได้นะ คุณเอาสัญญามาด้วยหรือเปล่า”
“นี่ครับสัญญาที่ทางบริษัทเตรียมให้”
อัญญารินทร์รับเอกสารมาอ่านอย่างละเอียด ตาคู่สวยไล่อ่านทุกตัวอักษรอย่างตั้งใจ ระหว่างที่อ่านก็แอบมองออกไปหน้าร้านและรอคอยว่าสิรดาจะเข้ามาหรือเปล่า
หญิงสาวอ่านสัญญายังไม่จบเสียงไลน์ก็ดังขึ้นเสียก่อนและเป็นสิรดาที่ไลน์มาบอกว่าเธอต้องทำโอทีจึงมาหาที่ร้านไม่ได้
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“เปล่าค่ะ” อัญญารินทร์ปฏิเสธและอ่านสัญญาส่วนที่เหลือ
“คุณอัญญามีอะไรที่อยากจะสอบถามเกี่ยวกับสัญญาจ้างไหมครับ”
“มีนิดหน่อยค่ะ คือในสัญญาเขียนว่าห้ามมีความสัมพันธ์เกินเลยกว่าสถานะแฟนเช่า แล้วแบบไหนถึงเรียกว่าเกินเลยค่ะ”
“ก็คงหมายถึงเรื่องบนเตียงนั่นแหลครับ เพราะการเป็นแฟนกันก็ต้องแสดงออกให้คนอื่นเห็นถึงการเป็นคู่รักอาจมีการจับมือ บ้างกอดหรือโอบบ้าง” เขาตอบตามที่สอบถามมาจากทินกร
“ฉันพอเข้าใจค่ะ”
“แล้วมีตรงไหนอีกไหมครับ”
“คิดว่าไม่มีนะคะ”
เมื่อตอบไปแล้วหญิงสาวก็เซ็นชื่อลงในสัญญาสองแผ่นก่อนจะส่งให้อธิปัตย์เซ็นบ้างจากนั้นทั้งสองคนก็เก็บสัญญาไว้คนละแผ่น
“ทีนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะทำความรู้จักกันแล้วนะครับคุณอัญญา”
“ฉันขอเริ่มก่อนเลยนะคะ อย่างที่บอกไปเมื่อวานว่าฉันชื่ออัญญารินทร์ แต่เพื่อนๆ และคนใกล้ตัวมักจะเรียกฉันว่าอัญญา ค่ะ อายุ 23 ปี เปิดร้านกาแฟแห่งนี้มาประมาณ 8 เดือนแล้วค่ะ”
“และคุณมีพี่น้องหรือครอบครัวไหมครับ” อธิปัตย์ถามเพิ่ม
“คุณพ่อคุณแม่ของฉันเสียชีวิตไปแล้วค่ะ ตอนนี้ก็อยู่คนเดียว”
“ผมเสียใจด้วยนะครับ” เขารู้สึกเห็นใจเธอมากที่อายุแค่นี้ต้องใช้ชีวิตลำพังเพียงคนเดียว
“ขอบคุณค่ะ”
“นอกจากพนักงานในร้านที่ผมเห็นแล้วคุณมีเพื่อนสนิทไหมครับ”
“มีค่ะ เธอชื่อใบเตยอันที่จริงวันนี้ใบเตยก็จะมาเจอคุณด้วยแต่พอดีเธอมีงานด่วนเลยมาไม่ได้”
“ไม่เป็นไรครับผมว่าคงมีโอกาสได้เจอกัน”
“ทีนี้ถึงตาคุณอธิป ฉันอยากให้คุณแนะนำตัวเองให้ฉันรู้จักมากขึ้นค่ะ เพื่อที่เราจะได้แสดงบทบาทคู่รักได้อย่างสมจริงที่สุด”
“ผมชื่ออธิปัตย์ อายุ 28 ปีครับ ตอนนี้กำลังตกงานครับ”
“แต่ถ้าเพื่อนฉันถามคุณจะตอบว่าตกงานไม่ได้นะคะ”
“แล้วจะให้ผมตอบว่าอะไรดีล่ะ บอกว่าผมเพิ่งกลับจากต่างประเทศแล้วกำลังจะเริ่มทำงานดีไหม” อธิปัตย์เสนอเพราะเขาไม่อยากโกหกมาก
“คุณจะตอบแบบนั้นก็ได้นะ แต่ถ้าเขาถามเพิ่มเติมเช่นเรียนที่ไหน เรียนอะไรคุณจะตอบเขาได้ไหมล่ะ ฉันเองยิ่งไม่มีความรู้เรื่องนี้อยู่ด้วย”
“เรื่องนั้นผมคิดว่าผมตอบได้”
“ทำไมคุณดูมั่นใจจังคะคุณอธิป”
“ก็ก่อนที่ผมจะมาทำงานนี้ผมเคยทำงานบนเรือสำราญและคุยกับแขกคนไทยคนหนึ่งเขาเป็นนักท่องเที่ยวที่มีแผนจะเดินทางไปรอบโลก ผมยืมตัวตนเขามาใช้ก็ได้”
“ฉันว่าอย่าเลยค่ะ ถ้าตัวจริงโผล่มาคุณจะยุ่งเอานะคะ ถึงฉันอยากได้หนุ่มหล่อโปรไฟล์ดีแต่แบบนี้มันก็เสี่ยงเกินไปค่ะ”
“ผมรับรองว่าไม่มีใครจับได้หรอกครับเพราะคนที่ผมพูดถึงตอนนี้เขาไปเที่ยวแถวแอฟริกาใต้และวางแผนจะอยู่ที่นั่นครึ่งปี” อธิปัตย์โกหกคำโต
“เอางั้นก็ได้ค่ะ” อัญญารินทร์เห็นท่าทางมั่นใจของเขาก็เลยยอมคล้อยตาม
“อีกเกือบสามอาทิตย์กว่าจะถึงงานแต่งของเพื่อนฉัน ระหว่างนี้คุณจะทำอะไรคะ จะรับงานอื่นก่อนหรือเปล่า”
“ช่วงนี้ผมอาจจะต้องหางานประจำทำ”
“ฉันขอถามหน่อยได้ไหมว่าทำไมถึงมารับงานนี้”
“ผมมีเหตุผลส่วนตัวครับ และคิดว่างานนี้ค่อนข้างตรงกับความต้องการของผมในช่วงนี้พอดี เรื่องรายละเอียดผมไม่สามารถบอกคุณได้ หวังว่าคุณจะเข้าใจ”
“ฉันเข้าใจค่ะ ถ้าอย่างนั้น เรามาคุยกันเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยสำหรับการเป็นแฟนปลอมๆ กันดีกว่านะคะ มันมีหลายอย่างที่เราต้องพูดให้ตรงกัน”
“ได้ครับ”
“อย่างแรกเลยคือเรื่องราวความรักของเราค่ะ เราต้องมีเรื่องราวที่น่าเชื่อถือได้ เพื่อที่เพื่อนๆ จะได้ไม่สงสัย”
“คุณอยากให้เป็นแบบไหนครับ” อธิปัตย์ถาม
“ฉันคิดว่าเราควรจะเจอกันโดยบังเอิญดีไหมคะ เช่น คุณมาที่ร้านกาแฟของฉันบ่อยๆ แล้วเราก็เริ่มทำความรู้จักกัน จนกระทั่งพัฒนาความสัมพันธ์” อัญญารินทร์เสนอ
“ฟังดูเป็นไปได้ครับ” อธิปัตย์เห็นด้วย
“ส่วนเรื่องรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่นชอบอะไรไม่ชอบอะไรนิสัยใจคอ เราต้องจำให้ขึ้นใจนะคะ เพื่อที่เวลาเพื่อนถาม เราจะได้ตอบตรงกัน และฉันอาจจะต้องขอถ่ายรูปคู่กับคุณลงในโซเชียลจะได้ไหม”
“ได้สิ แต่ผมว่าถ่ายไม่ต้องเห็นหน้าเต็มก็ได้นะ พวกเขาจะรอที่จะเห็นหน้าผมในวันงาน ผมว่ามันน่าจะตื่นเต้นดี” อธิปัตย์กลัวว่าถ้าหน้าขอตนไปโผล่ในโซเชียลแล้วทางบ้านจะรู้ว่าเขากลับมาแล้ว
“ฉันเห็นด้วยเลยค่ะ”
“ร้านคุณเปิดทุกวันไหมครับ”
“ไม่ค่ะ ร้านของฉันปิดวันพฤหัสค่ะ คุณถามทำไมคะ”
“ผมคิดว่าเราควรจะนัดเจอกันบ้างในช่วงเวลาที่เราว่าง เพื่อซ้อมบทบาทและทำความรู้จักกันให้มากขึ้น”
“แต่นั่นมันไม่อยู่ในสัญญานะคะ”
“ผมรู้แต่ช่วงนี้ผมเองก็ว่างๆ น่ะเลยอยากจะหาเพื่อนคุยด้วย”
“เอาไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกทีก็ได้ค่ะ” อัญญารินทร์รู้สึกแปลกใจที่อธิปัตย์ดูจะร่วมมือและเข้าใจสถานการณ์ได้ดีกว่าที่คิดไว้มาก เขาดูเป็นคนฉลาดและมีไหวพริบ ไม่เหมือนกับท่าทางเงียบๆ นิ่งๆ ของเขา
“ได้ครับ ผมว่าเราควรแลกเบอร์ติดต่อกันไว้”
“ก็ดีค่ะ”
เมื่ออธิปัตย์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกเบอร์และสแกนคิวอาร์โค้ตอัญญารินทร์ก็ค่อนข้างจะแปลกใจกับโทรศัพท์ของเขาเพราะดูแล้วมันแพงมากสำหรับคนที่บอกว่าตัวเองตกงาน
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มถามเมื่อเห็นสีหน้าของเธอเหมือนกำลังสงสัยอะไรสักอย่าง
“โทรศัพท์ของคุณไม่เหมือนกับโทรศัพท์ของคนที่บอกว่าตกงานเลยนะคะ”
“ก่อนหน้านี้ผมทำงานแจกไพ่บนเรือสำราญครับ เวลาแขกเล่นได้เยอะก็จะมีทิปให้ผมเยอะหน่อย และโทรศัพท์เครื่องนี้ผมก็ได้มาจากที่นั่น” ด้วยประสบการณ์ที่ได้เจอคนมาเยอะทำให้อธิปัตย์เอาเรื่องของคนเหล่านั้นมาผสมกันเป็นเรื่องของตัวเองได้อย่างแนบเนียน
“แล้วทำไมตอนนี้ไม่ทำต่อล่ะคะ”
“หมดสัญญาจ้างครับผมเลยว่างงาน ระหว่างสัญญาใหม่ผมเลยหาอะไรทำแก้เบื่อ”
“อย่างเช่นรับจ้างเป็นแฟนใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ”
ชายหนุ่มนั่งคุยกับเธอจนท้องฟ้าด้านนอกมืดครึ้มเขาก็ขอตัวกลับ
“แล้วคุณอธิปจะกลับยังไงคะ”
“ผมนั่งแท็กซี่ครับ”
“ให้ฉันไปส่งไหมคะ”
“ไม่เป็นไรครับ แล้วคุณพักที่นี่หรือเปล่าครับ”
“ปกติฉันจะกลับบ้านค่ะ แต่ถ้าช่วงไหนเหนื่อยมากๆ ก็จะนอนหลังร้านค่ะ”
“หลังร้านเหรอครับ ผมว่ามันค่อนข้างอันตรายนะครับ”
“ไม่อันตรายเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่ฉันก็ไม่ได้ค้างที่นี่บ่อย”
“วันนี้คุณจะกลับไปนอนที่บ้านใช่ไหม ให้ผมช่วยปิดร้านนะ”
“อย่าเลยค่ะ ฉันเกรงใจนี่มันก็มืดแล้ว”
“เพราะมืดแล้วไงล่ะ ผมเลยต้องช่วยไปเถอะครับ”
อธิปัตย์ช่วยดึงประเหล็กแบบม้วนลงมาปิดจากนั้นก็เดินออกไปเรียกแท็กซี่ที่หน้าร้าน
อัญญารินทร์เห็นว่าเขาขึ้นแท็กซี่ไปแล้วเธอจึงขับรถออกมา หญิงสาวรู้สึกแปลกใจกับท่าทางของเขาเพราะดูเหมือนจะเป็นคนเย็นชาแต่กลับมีความห่วงในแฝงอยู่ในนั้นด้วย