แดเนียลขับรถมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงโมเทลที่มัทนาลัยแนะนำ ชายหนุ่มหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปจอดตรงบริเวณที่จอดรถ ก่อนจะดับเครื่องยนต์ก้าวลงจากรถพร้อมกระเป๋าเป้ใบโต
“สวัสดีครับมีอะไรให้ช่วยไหมครับ”
พนักงานที่แต่งกายในชุดคาวบอยกล่าวทักทาย แดเนียลยกยิ้มบางๆ ก่อนจะถามกลับ
“ไม่ทราบว่าพอจะมีห้องพักเหลือไหมครับ”
“รอสักครู่นะครับ”
พนักงานคนดังกล่าวมองที่หน้าจอมอนิเตอร์คอมพ์แบบตั้งโต๊ะ แดเนียลเห็นอีกฝ่ายขยับเมาส์พร้อมกับเคาะแป้นพิมพ์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา
“ต้องขออภัยจริงๆ ครับ ตอนนี้ที่พักเราเต็มทุกห้องแล้ว แต่พรุ่งนี้จะมีคนเช็คเอาท์ออกหนึ่งห้อง ประมาณบ่ายสองโมงคุณจึงจะสามารถเข้าพักได้ จะจองไว้ก่อนไหมครับ”
“มีที่พักที่อื่นอีกไหม”
“มีครับ แต่อยู่ห่างจากที่นี่ประมาณสิบสองไมล์เลยครับ”
แดเนียลแสดงสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พอนึกขึ้นมาได้ว่ามัทนาลัยบอกว่ามีร้านให้เช่าเต็นท์อยู่ห่างจากที่นี่ไปประมาณสามไมล์ เขาจึงตัดสินใจอย่างไม่ลังเล
“งั้นไม่เป็นไรครับ”
แดเนียลออกจากโมเทลมุ่งหน้าไปที่ร้านเช่าเต็นท์ ชายหนุ่มก้าวเข้าไปในร้าน ก่อนจะหอบหิ้วของที่ต้องการออกมาจากร้าน แล้วนำไปใส่ที่หลังรถกระบะ จากนั้นจึงเคลื่อนรถออกแล้วย้อนกลับไปที่ร้านของมัทนาลัย
แดเนียลมาถึงร้านของมัทนาลัยตะวันก็ลับขอบฟ้าไปแล้ว ร่างสูงก้าวเข้ามาในร้าน พบว่าตอนนี้มีลูกค้าที่กำลังนั่งรับประทานอาหารจำนวนหนึ่ง และดูเหมือนว่าการที่หญิงสาวอยู่คนเดียวจะทำให้หญิงสาวหัวหมุนพอสมควร เห็นได้จากที่ลูกค้าต่างพากันกวักมือเรียกเธอ
“สักครู่นะคะ”
แดเนียลได้ยินหญิงสาวตอบลูกค้าออกไปแบบนั้น ร่างบอบบางขยับเท้ารัวๆ เพื่อให้บริการได้อย่างรวดเร็ว แต่แน่นอนว่าหญิงสาวเพียงคนเดียว แม้ว่าเธอจะดูคล่องแคล่วมากเพียงใดก็ตาม ก็ยังเกิดความล่าช้าอยู่ดี จู่ๆ แดเนียลก็เกิดอยากจะมีน้ำใจขึ้นมา
ทั้งๆ ที่เขาไม่ใช่คนที่มีน้ำใจต่อคนอื่นขนาดนั้น
และเท้าของเขาก็ไวเท่าความคิด แดเนียลขยับเท้าไปหยุดที่ด้านหลังของมัทนาลัยที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ที่เคาน์เตอร์คล้ายกำลังหาอะไรบางอย่าง
“หาอะไรอยู่เหรอครับ”
เสียงทุ้มที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้มัทนาลัยจำต้องละสายตาจากเคาน์เตอร์แล้วหันมาหาอีกฝ่าย
“อ้าว คุณนั่นเอง มากินอาหารเหรอคะ ต้องรอนิดนึงนะคะ ช่วงหัวค่ำคนจะเยอะหน่อย”
มัทนาลัยส่งยิ้มให้เขา แดเนียลคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะตอบหญิงสาว
“ตอนแรกก็ว่าจะมากินมื้อค่ำแหละครับ แต่พอเห็นคุณยุ่งผมก็อยากช่วย ถ้าไม่ว่าอะไรให้ผมช่วยนะครับ”
“เอ่อ จะดีเหรอคะ เกรงใจจังเลยค่ะ”
มัทนาลัยส่งยิ้มจืดเจื่อนให้แดเนียล เขาเป็นลูกค้าแต่เธอจะให้เขามาช่วยเนี่ยนะ ไม่ควรเลยสักนิด
“มาเถอะ ถ้าไม่อยากให้ลูกค้าต้องรอนาน คุณต้องให้ผมช่วย”
คราวนี้แดเนียลไม่รอให้มัทนาลัยได้ตัดสินใจอีกแล้ว ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบผ้ากันเปื้อนที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ขึ้นมาสวม พร้อมคว้าเมนูรายการอาหารติดมือมาด้วยก่อนที่ชายหนุ่มจะไปทำหน้าที่พนักงานเสิร์ฟจำเป็น เขาไม่ลืมแนะนำตัวกับเธอ
“ไม่ต้องเกรงใจผมหรอก ผมยินดีจะช่วย”
“...”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับวิว”
“...”
“ผมเดวิด”
“...”
“เดวิด แบรดลีย์
มัทนาลัยไม่ทราบว่าเขารู้จักชื่อของเธอได้อย่างไร พอเธอจะถามร่างสูงก็เดินไปที่โต๊ะลูกค้าเรียบร้อยแล้ว เรียวปากที่เคลือบด้วยลิปสติกสีชมพูที่เผยอนิดๆ เพราะความแปลกใจถูกเม้มเข้าหากัน ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ ให้กับความมีน้ำใจของผู้ชายที่เธอเพิ่งได้เจอเป็นครั้งที่สอง
‘เดวิด แบรดลีย์ ฉันจะไม่มีวันลืมชื่อของคุณอย่างแน่นอนค่ะ’
ลูกค้าคนสุดท้ายออกจากร้านไปประมาณสองทุ่มเศษ ปกติแล้วร้านของมัทนาลัยปิดประมาณสองทุ่ม แต่หากมีลูกค้าเข้ามาที่ร้านตั้งแต่ก่อนสองทุ่ม ก็ต้องรอจนกว่าลูกค้าจะจัดการอาหารที่สั่งจนหมดถึงจะปิดร้านได้ เพราะฉะนั้นบ่อยครั้งที่จำต้องปิดร้านหลังเวลาที่กำหนดเอาไว้
“ขอบคุณมากๆ เลยนะคะคุณเดวิด ถ้าไม่ได้คุณฉันต้องแย่แน่”
มัทนาลัยบอกตอนที่หญิงสาววางผัดผักบุ้งไฟแดงกับต้มจืดเต้าหู้สาหร่ายวางลงบนโต๊ะ แดเนียลเองก็กำลังวางจานข้าวลงบนโต๊ะเช่นกัน ทั้งคู่ต่างขยับเก้าอี้ออกแล้วนั่งลงที่ฝั่งตรงกันข้าม
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเต็มใจ ว่าแต่ถ้าไม่มีคนช่วย ทำไมไม่ปิดร้านไปก่อนล่ะครับ”
แดเนียลอดจะสงสัยไม่ได้ ร้านอาหารที่ต้องเป็นทั้งคนเสิร์ฟ คนทำอาหาร ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองเพียงลำพัง นอกจากจะให้บริการล่าช้าแล้ว อาจทำให้ลูกค้าไม่พอใจจนอาจจะเสียลูกค้าได้ อย่างไรเขาก็มองว่าดูไม่ค่อยคุ้มที่จะเสี่ยงสักเท่าไร สู้ปิดร้านไปก่อนแล้วค่อยเปิดให้บริการในภายหลังไม่ดีกว่าหรอกหรือ
“คือจริงๆ แล้วฉันไม่เคยต้องเปิดร้านคนเดียวมาก่อนเลยค่ะ ที่สำคัญมันจำเป็นสำหรับเรื่องค่าใช้จ่ายในครอบครัวน่ะคะ ฉันเลยต้องเปิดร้าน แต่จริงๆ แล้วคนก็ไม่ได้เยอะทุกวันหรอกค่ะ แต่บังเอิญที่ลูกค้าดันมาเยอะวันที่ฉันต้องอยู่คนเดียวพอดี”
ประโยคหลังๆ ที่มัทนาลัยพูดแทบจะไม่เข้าหูของแดเนียลเลยด้วยซ้ำ เพราะเขาปิดการรับรู้ตั้งแต่คำว่าค่าใช้จ่ายในครอบครัวแล้ว
ครอบครัวงั้นหรือ
ที่เขาลงทุนทำไปทั้งหมดก็เปล่าประโยชน์
บ้าชะมัด
สีหน้าที่เคร่งขรึมของแดเนียลที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้คิ้วสวยเหนือดวงตากลมโตของมัทนาลัยขยับเข้าหากัน หญิงสาวชั่งใจอยู่พักหนึ่ง เรียวปากอวบอิ่มจึงเปิดอีกครั้ง
“คุณเดวิดเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมทำหน้าเครียดๆ”
“...”
“คุณเดวิดคะ”
แดเนียลลืมไปชั่วขณะว่าตอนนี้ตัวเองกำลังสวมรอยเป็นพี่ชายของตัวเองอยู่ เขาจึงขานรับก็ตอนที่มัทนาลัยเรียกซ้ำเป็นครั้งที่สองแล้ว
“ครับ”
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมหน้าตาดูเครียดๆ”
“คือผมกำลังคิดว่าจะไปนอนที่ไหนดี คือโมเทลที่คุณแนะนำเต็มแล้วครับ”
แดเนียลเลี่ยงที่จะตอบความจริงออกไป ชายหนุ่มแสร้งฝืนยิ้มบางๆ ก่อนจะตักอาหารเข้าปาก ทว่านัยน์สีดำสนิทเปล่งประกายอีกครั้งเมื่อได้ยินคำพูดที่ออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่ม
“เอาอย่างนี้ดีไหมคะ ถ้าคุณไม่รังเกียจ ก็พักที่บ้านของลุงกับป้าของฉันก่อนได้ อยู่หลังร้านนี่เอง”
“แล้วคุณพักที่ไหนครับ”
“ฉันก็พักที่บ้านของลุงกับป้านี่แหละค่ะ”
“...”
“เราอยู่กันสามคน มีลุงคาร์ลอส ป้ากช และก็ฉันค่ะ”
แดเนียลไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองเผยรอยยิ้มกว้างที่ดูเกินความจำเป็นไปสักหน่อย เมื่อหญิงสาวบอกมาแบบนั้น ทว่าชายหนุ่มรีบเก็บรอยยิ้มที่กว้างจนเกินพอดีอย่างแนบเนียน
“งั้นผมต้องรบกวนด้วยนะครับ”
“ยินดีค่ะ”
“อาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไรนะคะ เพราะห้องนี้ไม่ได้เปิดใช้มานานแล้ว แต่ฉันเข้าไปทำความสะอาดอาทิตย์ละครั้ง น่าจะพออยู่ได้ค่ะ”
มัทนาลัยบอกหลังจากที่พาแดเนียลออกมาจากร้าน เดินอ้อมมาทางด้านหลัง ห่างจากร้านอาหารประมาณสามร้อยเมตร เป็นบ้านไม้สองชั้นสีขาวหม่น ก่อนจะถึงประตูบ้านมีบันไดเล็กประมาณสามขั้น มัทนาลัยเดินนำแดเนียลที่หิ้วกระเป๋าใบโตมาด้วย ทั้งคู่หยุดเท้าที่หน้าประตูบ้าน มือบางผลักบานประตูเข้าไปด้านใน ก่อนจะพยักหน้าให้แดเนียลตามเข้าไป
“ห้องน้ำอยู่ตรงนี้นะคะ ส่วนห้องที่จะให้คุณพักอยู่ข้างบนค่ะ คุณจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไหมคะ หรือจะขึ้นไปที่ห้องก่อนก็ได้”
“แล้วแต่คุณสะดวกเลยครับ ผมยังไงก็ได้”
“ถ้างั้นคุณอาบน้ำก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปบอกลุงกับป้าว่าให้คุณมาพักด้วย”
“ครับ”
“ถ้างั้นตามสบายเลยนะคะ เดี๋ยวฉันลงมา”
มัทนาลัยบอกก่อนที่ร่างบอบบางจะขยับเท้าขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของตัวบ้าน โดยมีสายตาคมกริบของ
แดเนียลมองตามไปจนลับสายตา นัยน์ตาสีดำสนิทเผยแววเจ้าเล่ห์ มุมปากหยักยกยิ้มอย่างไม่น่าไว้ใจ
“ผมไม่เคยต้องลงทุนลงแรงอะไรขนาดนี้”
“...”
“และผมก็หวังว่ามันจะคุ้มกับที่ผมต้องลงทุนไป”
ใบหน้าหล่อเหลากระตุกยิ้มร้ายก่อนจะก้าวเข้าห้องน้ำไป โดยที่ยังคงมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เกลื่อนบนใบหน้า ซึ่งแน่นอนว่าหากมัทนาลัยอยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มไม่มีทางเผยรอยยิ้มเช่นนั้นออกไปแน่