~ควีน~
หลังจากวันที่ฉันทำเรื่องหน้าอายต่อหน้าพี่ปรินซ์ ฉันก็ยังคงตามติดพี่ปรินซ์อยู่เหมือนเดิม และอาจจะมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ จนตอนนี้พี่ปรินซ์แทบไม่อยากจะมองหน้าฉันและไม่ยอมคุยกับฉันเลย แต่ฉันก็ไม่สนใจหรอก เพราะฉันถือคติ ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก
และวันนี้ทางมหาวิทยาลัยก็ได้จัดเข้าค่ายจิตอาสาไปตามโรงเรียนและหมู่บ้านที่ขาดแคลน ฉันรู้ว่าพี่ปรินซ์เป็นคณะกรรมการ และพี่ปรินซ์ก็ต้องไปด้วย ฉันก็เลยชวนเอพริวกับแอนนาไปด้วย ซึ่งฉันต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่และโทรไปปลุกสองคนนั้นด้วย เพราะรถจะออกตอนประมาณตีห้าครึ่ง
ฉันมาถึงจุดนัดพบประมาณตีห้า ไม่นานเพื่อนๆ ของฉันก็มากันครบ ฉันมองไปรอบๆ เพื่อหาว่าพี่ปรินซ์อยู่ที่ไหน นั่นไง! ฉันเจอพี่ปรินซ์แล้ว
“พี่ปรินซ์” ฉันเรียกชื่อพี่ปรินซ์พร้อมกับโบกมือให้ พี่ปรินซ์หันมามองฉัน จากที่ฉันเห็นว่าพี่ปรินซ์กำลังยิ้มอยู่แต่พอเห็นหน้าฉันพี่ปรินซ์หุบยิ้มทันที แต่ฉันก็ยังฝืนยิ้มด้วยความดีใจที่ได้เจอพี่ปรินซ์ ฉันเดินเข้าไปหาพี่ปรินซ์ทันที
“นี่มากับเค้าด้วยเหรอ?”
“ค่ะ ควีนอยากไป”
“ที่อยากไปนี่คืออยากตามพี่หรือว่ามีจิตอาสาจริงๆ”
“ทั้งสองอย่างค่ะ” ฉันตอบพร้อมกับยิ้มออกมา พี่ปรินซ์ส่ายหัวเล็กน้อย
“มันไม่ได้สบายแล้วก็ไม่ได้สนุกเหมือนที่คิดนะควีน พี่ว่าควีนกลับไปเถอะ”
“ไม่ค่ะ ควีนจะไป”
“งั้นก็แล้วแต่ควีนก็แล้วกัน” พี่ปรินซ์ถอนหายใจออกมาอย่างแรงก่อนจะพูดออกมา
ฉันกับเพื่อนได้นั่งรถทัวร์คันเดียวกับพี่ปรินซ์แต่ว่าพี่ปรินซ์นั่งข้างหลังส่วนฉันนั่งแถวหน้าๆ
จากนั้นก็ถึงเวลาล้อหมุนปลายทางไปยังโรงเรียนบนดอยแห่งหนึ่งในจังหวัดทางภาคเหนือ ซึ่งระหว่างทางก็มีการเปิดเพลงเต้นกันอย่างสนุกสนาน กว่าจะไปถึงจุดหมายก็ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง ซึ่งเวลาที่ไปถึงจะเป็นเวลาค่ำพอดี
เมื่อคณะจิตอาสาเดินทางไปถึงโรงเรียนก็มีพวกชาวบ้านมาคอยต้อนรับและทำอาหารเย็นไว้รอ หลังจากที่พวกเราทานอาหารเสร็จต่างก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ และเตรียมตัวเข้านอน เพราะในวันพรุ่งนี้พวกเราต้องใช้แรงงานในการพัฒนาปรับปรุง ซ่อมแซม สิ่งที่ผุพังต่างๆ ของโรงเรียนแห่งนี้ พวกเราต้องพักอยู่ที่นี่สามวันสองคืน
“ไม่ง่วงเหรอแก?” เสียงของเอพริวถามฉัน ในขณะที่ฉันกำลังนั่งมองไปที่พวกรุ่นพี่ที่นั่งบนโต๊ะหินอ่อนดีดกีตาร์ร้องเพลงกันอย่างสนุกสนานอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ และหนึ่งในนั้นก็มีพี่ปรินซ์ของเธอนั่งอยู่ด้วย ซึ่งพี่ปรินซ์เป็นคนดีดกีตาร์
“ไม่ค่อยง่วงอ่ะแก”
“ไม่ง่วงหรือว่าจะคอยดูผู้กันแน่?” เอพริวเอ่ยถามอย่างรู้ทัน
“บ้า! ฉันยังไม่ง่วงจริงๆ ก็เลยนั่งมองอะไรเรื่อยเปื่อย”
“อืมๆ งั้นฉันไปนอนก่อนก็แล้วกันนะ” พูดจบเอพริวก็เดินเข้าห้องเรียนซึ่งตอนนี้กลายเป็นห้องนอนของพวกเรา
“โอเค เดี๋ยวฉันตามไป” จากนั้นฉันก็นั่งมองไปที่พวกรุ่นพี่อีกครั้ง สายตาของฉันมองเห็นแต่พี่ปรินซ์เพียงคนเดียวเท่านั้น คนอะไร โคตรหล่อ เล่นกีตาร์เก่ง แถมยังร้องเพราะอีกต่างหาก ฉันนั่งอยู่สักพักก็เริ่มง่วง ฉันก็เลยเข้านอน
เช้าวันต่อมา
~ปรินซ์~
เมื่อคืนพวกผมนั่งเล่นกีตาร์กันจนดึก แล้วก็ต้องตื่นกันแต่เช้าเพราะวันนี้พวกเรามีภารกิจที่ต้องทำ
ไม่ว่าผมจะทำอะไร หรือเดินไปไหน มันมักจะมีคนคนหนึ่งที่คอยตามติดผมไปทุกๆ ที่ คนคนนั้นก็คือ ยัยตัวร้าย นั่นเอง ผมโคตรจะเบื่อเลย ไม่รู้ว่าจะตามอะไรผมนักหนา ผมทั้งพูด ทั้งว่า แต่ยัยตัวร้ายก็ไม่สนใจอะไรเลย เธอยังคงทำตัวเหมือนเดิม หรืออาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำหลังจากที่วันนั้น..วันที่เธอแก้ผ้าต่อหน้าผม
เช้านี้พวกเราทานข้าวต้มที่ชาวบ้านทำมาให้พวกเราได้ทานกัน หลังจากนั้นหัวหน้าทีมจิตอาสาก็แบ่งหน้าที่ให้พวกเราได้ทำกัน โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ พวกผู้ชายก็ทำงานหนักๆ ส่วนผู้หญิงก็ทำงานเบาๆ
และในค่ำคืนนี้จะมีการฉลองรอบกองไฟ โดยมีการแสดงของเด็กๆ ที่เรียนโรงเรียนแห่งนี้ มาทำการแสดงให้พวกเราได้ชมกัน และเวลาแห่งความสนุกสนานก็มาถึงหลังจากที่พวกเราทำงานกันอย่างเหน็ดเหนื่อย และอาบน้ำทานอาหารกันเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็มารวมตัวกันอยู่ที่รอบกองไฟ ซึ่งถูกจัดขึ้นกลางสนามหญ้าของโรงเรียน
“เอ่อ..พี่ปรินซ์ใช่มั้ยคะ?” สาวสวยคนที่นั่งข้างๆ ผมหันมามองทางผมและถามออกมา
“ใช่ครับ”
“ชื่อนีน่านะคะ อยู่คณะอักษรปี 2 ค่ะ” สาวสวยแนะนำตัวเองพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ผม
“อ๋อ..ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“พี่ปรินซ์มีแฟนรึยังคะ?” สาวสวยถามผมอีกครั้ง ซึ่งผมก็ยังไม่ทันได้ตอบอะไรออกไปก็มีคนมาตอบแทนผมซะละ
“พี่ปรินซ์มีคู่หมั้นแล้วค่ะ” ควีนพูดพร้อมกับมานั่งแทรกกลางระหว่างผมกับสาวสวยคนนั้น
“เรื่องจริงเหรอคะ? พี่ปรินซ์” สาวสวยหันมาถามผมอีกครั้ง
“ไม่จริงครับ” ผมรีบตอบกลับไป
“ถึงตอนนี้จะยังไม่จริง แต่ต่อไปก็ต้องเป็นเรื่องจริงอยู่ดีเพราะฉันกับพี่ปรินซ์ต้องหมั้นกันอยู่แล้ว เธอไม่ต้องมายุ่งกับพี่ปรินซ์ของฉัน”
“นี่เธอมันก็แค่รุ่นน้อง หัดพูดจาให้เกียรติรุ่นพี่อย่างฉันด้วย”
“ทำไมฉันต้องให้เกียรติคนที่คิดจะแย่งคู่หมั้นฉันด้วยล่ะ”
“นี่! เธอ..” เสียงของสาวสวยท่าจะไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“นี่ควีน หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ อย่ามาสร้างเรื่องที่นี่นะ” ผมหันไปพูดกับควีนด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ “พี่ต้องขอโทษน้องนีน่าด้วยนะครับ”
“พี่ปรินซ์จะไปขอโทษมันทำไมคะ?”
“ควีน พี่บอกให้หยุดไง” ผมหันไปตวาดควีนอีกครั้ง
“เดี๋ยวนีน่าย้ายไปนั่งตรงนู้นดีกว่าค่ะ นั่งตรงนี้เดี๋ยวหมาบ้าจะกัดเอา” พูดจบสาวสวยก็ลุกขึ้นย้ายไปนั่งอีกฝั่งหนึ่ง
“แกนั่นแหละอีหมาบ้า” เสียงของควีนพูดตามหลังสาวสวยคนนั้น
“ควีน เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวแบบนี้สักที จะตามหึงตามหวงพี่ไปถึงไหนกัน จะตามจองล้างจองผลาญพี่ไปจนถึงเมื่อไหร่” ผมถามออกมาให้ได้ยินแค่สองคน
“ก็จนกว่าพี่ปรินซ์จะรับรักควีนนั่นแหละค่ะ”
“หึ! ฝันไปเถอะ แล้วก็ไปนั่งไกลๆ พี่เลย ไม่ต้องมานั่งข้างพี่”
“ไม่ค่ะ ควีนจะนั่งข้างพี่ปรินซ์”
เฮ้อ!
ผมก็ได้แต่ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า กว่างานเลี้ยงฉลองรอบกองไฟในค่ำคืนนี้จะจบลง เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงสี่ทุ่ม จากนั้นทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศัย เพราะในวันพรุ่งนี้พวกเราก็ต้องช่วยกันทำงานอีกหนึ่งวัน พอวันรุ่งขึ้นพวกเราก็ต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ กันแล้ว